ตอนที่ 4 ทาสหมอหรือทาสเมียกันแน่
“หึหึ” ตั้งแต่กลับมาผมยังหัวเราะไม่หยุดเลยก็จะทำไมน่ะเหรอ....
“ผลประกาศเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ได้แก่..........ตัวแทนจากคณะแพทยศาสตร์ นายกฤษณะ เวฬุวรรณา หรือหมอกายของทุกคนคร้า....”
ใช่ครับผมชนะไอ้เพลิงเพราะอะไรน่ะเหรอคิดแล้วก็ขำ
“คำถามของน้องเพลิงนะคะ ถ้าน้องเพลิงได้เป็นเดือนน้องเพลิงจะทำอะไรเป็นอันดับแรก”
‘ผมจะฉลองที่ชนะครับ เพราะถ้าผมชนะผมจะได้มีทาสและผมจะได้ครอบครองเตียง’
“......!”
“....? ”
“อะเอ่อ ค่ะและนั่นคือคำตอบของน้องเพลิงนะคะ”
คิดแล้วขำ มันตอบไปแบบนั้นคิดว่าจะชนะเหรอ
พรึบ
ผมโยนหมอนกับผ้าห่มให้ไอ้เพลิงที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่บนโซฟา
“พรุ่งนี้เช้ากูอยากกินข้าวต้มกุ้งนะ” ผมบอกมันด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ
“..........”
“และตอนเย็นขอเป็นสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล”
“..........”
“เออแล้วอย่าลืมกวาดห้องถูห้องด้วยล่ะ หึ หึ” และไม่ลืมออกคำสั่งปิดท้ายอย่างสะใจ
“ทำไมกูต้องทำ”
“ไม่น่าถามโง่ ๆ นะ ก็มึงแพ้ แพ้=ทาส ไง”
“ตุบ แม่งเอ้ย!” มันตีอกชกหัวตัวเองอยู่แต่ผมไม่สนเดินเข้าห้องนอนอย่างสบายใจ
“อย่าให้ถึงตากูนะไอ้หมอเถื่อนอึ้ย!!” มันตะโกนไล่หลังตามผมมา
@เช้าวันต่อมา
07.00 น.
ก๊อกแก๊ก ๆ
“เสียงอะไรแต่เช้าวะ” ผมได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก อ๊ะ กลิ่นอะไรหอม ๆ เหมือนอาหารอย่าบอกนะ... เร็วเท่าความคิดผมวิ่งไปดูที่ครัว แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ดีจังมีคนทำกับข้าวให้กิน
“ตื่นแล้วเหรอขอรับคุณชายหมอ กระผมทำข้าวต้มที่สั่งไว้ให้แล้วนะขอรับ คุณชายจะรับข้าวก่อนหรือจะไปอาบน้ำก่อนดีขอรับ” เกือบดีแล้วเชียว แต่เพลิงก็คือเพลิงแม่งไม่กวนตีนกูสักวันคงจะตาย
“อ๊ะ ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิขอรับ กระผมเสียใจแย่อุตส่าห์ตื่นมาทำแต่เช้า”
“นั่นมันคือสิ่งที่มึงจะต้องทำและเลิกพูดจาชวนตีนกระตุกได้แล้ว กูไม่อยากออกกำลังกายแต่เช้า” ผมบอกมันอย่างหมั่นไส้
“ชิส์ก็เผื่อมึงเห็นความดีกูแล้วลดโทษให้กูนอนเตียงเหมือนเดิมไงแม่งนอนโซฟากูเมื่อยไปหมดเลย” มันตัดพ้อออกมา แต่ได้ข่าวว่าเพิ่งคืนเดียวเองมึงก็บ่นแล้วไอ้ห่านี่
“ไม่ มี ทาง” พูดจบผมก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำ หอพักนี้ดีหน่อยมีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว แต่มีสองห้องน้ำ ที่จริงห้องนอนมันก็ใหญ่อยู่นะเอาเตียงสำหรับนอนคนเดียวมาวางสองเตียงยังพอเหลือพื้นที่ ผมคิดว่าอีกหน่อยผมอาจทำแบบนั้นเพราะจะให้นอนกับไอ้เพลิงไปตลอดก็คงไม่ไหว
“ไอ้คนใจร้ายใจดำ!”
มันตะโกนไล่หลังผมมาแต่ผมไม่ได้สนใจ อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมากินข้าวต้มซึ่งไอ้พ่อครัวมันก็นั่งกินอยู่แล้วเพราะวันนี้มันกับผมมีเรียนเช้าเหมือนกัน
“วันนี้มึงเลิกกี่โมงไอ้หมอเถื่อน” มันถามทั้งที่ข้าวเต็มปาก
“.......”
“อ้าวสัสถามให้ตอบครับไม่ได้ถามให้เงียบ”
“มึงเสือกไรล่ะ” ผมไม่เข้าใจว่ามันจะถามทำไมทุกทีไม่เห็นถาม
“มึงจะแดกไหมสปาเก็ตตี้ห่าเหวอะไรของมึงอะ” มันด่าผมกลับมา
“ทุ่ม” ผมยอมตอบออกไป
“กูเลิกสองทุ่มรอหน่อยแล้วกัน”
อเมซิ่งมากไม่คิดเลยว่าคนอย่างไอ้เพลิงจะรักษาคำพูดขนาดนี้แม่งก็เป็นคนดีใช่ได้เลยนะ
“แต่...” มันพูดต่อ
“........”
“ถ้ารอไม่ไหวก็หาแดกเองไปก่อนแล้วกันกูคงไม่รีบกลับมาทำให้มึงหรอก” ถอนคำพูดทันไหม ว่าแล้วเชียวว่าคนอย่างมันคงไม่น่าจะเป็นคนดีได้
.
.
วันนี้ดูเหมือนคนจะมาขอถ่ายรูปผมเยอะกว่าเดิมเพราะเมื่อวานผมชนะได้เป็นเดือนมหา’ลัย ที่จริงวันนี้มหา’ลัยน่าจะหยุดให้นักศึกษานะเพราะเมื่อคืนกว่าจะเลิกก็ดึกแล้ววันนี้ผมเลยรู้สึกเพลีย ๆ
“ยินดีด้วยนะครับคุณชายหมอที่ได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัย” เสียงไอ้ท็อปดังมาแต่ไกล มันมาถึงก็พูดมากเลย แล้วหน้ามันตอนนี้บานกว่าผมที่ได้ตำแหน่งเสียอีก
“อืม ขอบใจ”
“ตอนนี้พวกเราก็ยืดเต็มที่เลยมีเพื่อนเป็นเดือนมหา’ลัย” ไอ้นัทเองก็ไม่น้อยหน้าดูภูมิใจกับตำแหน่งของผมมากกว่าตัวผมเสียอีก
“อีกหน่อยสาว ๆ ก็คงตามกรี๊ดไอ้คุณชายแล้ว บางทีนะเราอาจได้แฟนก็คราวนี้แหละไอ้นัท”
“ทำไมวะ มันเกี่ยวอะไรกับไอ้คุณชายหมอ” ไอ้นัทถามไอ้ท็อปเหมือนไม่เข้าใจซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ประเด็นคือถ้าพวกมึงจะเรียกไอ้อย่ามีคำว่าคุณชายเลยดีกว่านะ
“ก็สาว ๆ ที่มาก็คงมากันหลายคนก็ต้องมีบ้างแหละที่จะเป็นของเราไงไอ้ง่าว” ไอ้ท็อปด่าไอ้นัทกลับมาอย่างภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง
แต่เฮ้อ....ที่ห้องก็กวนตีนที่มหา’ลัยก็ปัญญาอ่อน ดวงผมจะได้เจอแต่คนแบบนี้เหรอเนี่ย
.
.
19.00 น.
“เฮ้อ!!!! นี่เรียนหมอหรือออกรบเนี่ยทำไมมันสูบพลังขนาดนี้”
ไอ้ท็อปบ่นเหมือนคนใกล้ตาย แต่มันก็เหนื่อยจริง ๆ แหละแทบหมดแรงเลย เมื่อคืนก็ดึกวันนี้ก็เลิกซะมืดเชียวอยากล้มตัวลงนอนชะมัด
“เฮ้ยคุณชายหมอไปกินข้าวกับพวกกูปะ” ไอ้นัทถามผมอย่างเป็นกันเอง ตอนนี้มึงกูมาแล้วมันคงขี้เกียจกั๊กแล้วมั้งซึ่งผมก็ว่าดีนะ ผมเองก็ไม่ได้เป็นคนสุภาพอะไรอยู่แล้ว
“ไม่ล่ะเดี๋ยวไปกินที่ห้อง” ผมตอบมันกลับไป
“กินอะไรวะที่ห้องคนหรืออาหาร” ท็อปพูดแววตากรุ้มกริ่ม
ผัวะ!! สักทีเหอะกวนดีนัก
“อู้ย...เขินรุนแรงจัง กูชักสงสารไอ้เพลิงแล้วที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับมึงไอ้คุณชายหมอ” ไอ้ท็อปโอดครวญที่ถูกผมตบหัว
“ทำไมต้องสงสารมันกูนี่น่าสงสารที่ต้องอยู่กับมัน แม่งซกมกสกปรกฉิบหาย ถอดเสื้อผ้าทิ้งไปทั่วห้องแล้วบางวันน้ำแม่งก็ไม่อาบแล้วนอนเตียงเดียวกับกูคิดดูสิเหงื่อทั้งวันเหม็นขนาดไหน” ผมบ่นยาวเลยเหมือนอัดอั้น ก็คำพูดของไอ้ท็อปสะกิดใจผมมากเพราะคนที่น่าสงสารควรเป็นผมสิไม่ใช่ไอ้เพลิง แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมพูดอะไรไป....
“......” ไอ้ท็อปอ้าปากค้าง
“.........” ไอ้นัทยกมือขึ้นปิดปาก
“...........” ผมกัดปากตัวเองแน่น
หน้าของพวกผมแต่ละคนตอนนี้เหมือนกำลังเจอผี นี่ผมเผลอพูดอะไรออกไรอยากขยี้หัวตัวเองให้ผมหลุดชะมัด
“น่ะ...นี่มึงนอนเตียงเดียวไอ้เพลิง?” ไอ้ท็อปถามเสียงสั่น
“ระ..เหรอวะ” ไอ้นัทพูดต่อ
มึงสองคนจำเป็นต้องพูดต่อไหม ผมไม่ตอบแม่งหรอกเดินหนีมาที่รถแล้วขับออกมาเลย
“นี่มันสองคนนอนเตียงเดียวกันเหรอวะ” ทั้งสองคนพึมพำพร้อมกันเพราะนี่คือข้อมูลใหม่ที่พวกเขาทั้งคู่เพิ่งรู้ เพราะปกติแล้วกายแทบไม่พูดเรื่องส่วนตัวอะไรเลยที่จริงก็แทบไม่พูดทุกเรื่องแหละติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ
แกร๊ก ตุบ พรึบ
ผมเปิดประตูห้องเขามาวางของและล้มตัวลงนอนพักสายตาแต่ไม่ลืมส่งข้อความหาไอ้รูมเมทหน้ามึนของผม
‘กูซื้อของกินมาแล้วไม่ต้องทำกับข้าววันนี้’
ติ้ง ติ้ง
เพลิง: ทำไม
เพลิง: ......
‘เรื่องของกู’
ผมตอบกลับไปแบบนั้น ส่งเสร็จผมก็ออกจากแอปวางโทรศัพท์ไว้และไปอาบน้ำ วันนี้ผมซื้อของกินเข้ามาแล้วและซื้อเผื่อไอ้รูมเมทตัวดีด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกนะตอบแทนเมื่อเช้าที่มันทำข้าวต้มให้กิน ถึงแม้มันจะแพ้พนันผมก็เหอะแต่ผมก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร
แกร๊ก ปึง
เสียงเปิดปิดประตูไอ้เพลิงคงกลับมาแล้วมั้ง
“ทำไมมึงถึงยังไม่กินข้าวแล้วนี่คือซื้อเผื่อกูถูกมั้ย?”
พอมันเปิดประตูห้องนอนมาก็ยิงคำถามใส่ผมทันทีเหมือนว่ามันตั้งใจมาถาม
“กูจะกินหรือยังไม่กินมึงเสือกไรด้วย และใช่กูซื้อมาเผื่อ สงสารทาสเดี๋ยวไม่มีแรงทำอาหารเช้าให้กูกิน” ผมตอบมันอย่างกวน ๆ แบบที่มันชอบทำ
“เตงเป็นห่วงเค้าเหรอ...”
“…..”
“เค้าเขินนะเนี่ย”
“..........”
มันไม่พูดเปล่าทำท่าบิดไปมาจนผมทนไม่ไหวและเดินเลี่ยงไปกินข้าวในห้องครัวแทนปล่อยมันมโนไปคนเดียว
“เดี๋ยวทาสคนนี้แกะให้นะขอรับ”
มันวิ่งตามมาแย่งกล่องอาหารไปแกะ ผมปล่อยให้มันทำไป ก็สบายดีมีคนรับใช้ส่วนตัวกินเสร็จมันก็ล้างให้ด้วยผมเลยเข้าห้องนอนไป
ตุบ คร่อกฟี้ หัวถึงหมอนผมก็หลับเลยเพราะเหนื่อยและเพลียตั้งแต่เมื่อคืน
“อะ..อืม...” ผมรู้สึกมีอะไรมากวนที่หน้าเลยเอามือปัดและส่งเสียงรำคาญออกไปแต่ไม่เห็นมีอะไรแล้วก็เข้าสู่นิทราไปอีกรอบ
อีกด้าน
“เฮือกเกือบไปแล้ว”
@เช้าวันต่อมา
08.00 น.
วันนี้ผมกับไอ้เพลิงไม่มีตอนเรียนเช้า ผมเรียน11โมงไอ้เพลิงเรียนบ่าย ผมกับมันรู้ตารางเรียนของกันเพื่อจะใช้ห้องได้ถูก เพราะตอนแรก ๆ ผมมีเรียนเช้ามันมีเรียนบ่าย มันทำงานของมันทั้งคืนทำให้ผมไม่ได้นอนเลยต้องมานั่งตกลงกันใหม่ดูตารางของอีกฝ่ายเผื่อเวลาทำงานดึก ๆ จะได้ไม่รบกวนกัน
และวันนี้ก็เหมือนเมื่อวาน ออกมาก็เจอไอ้เพลิงทำกับข้าวรอผมแล้ว วันนี้เป็นข้าวผัดอเมริกันที่จริงผมว่ามันน่าจะไปเรียนต่อด้านเชฟนะน่าจะรุ่ง แต่ผมไม่ชมมันหรอกเดี๋ยวมันเหลิง
“นั่ง ๆ กินเลยนะเดี๋ยวกูเอาผ้าไปซักก่อน” มันพูดจบก็เข้าห้องไปเอาตะกร้าผ้าทั้งของผมและของมันลงไปซักใต้ตึก
“แล้วมึงไม่กิน?”
“อีกแล้วนะน้องกายเป็นห่วงพี่เพลิงอีกแล้ว แบบนี้น้องกายคิดอะไรกับพี่เพลิงหรือเปล่าครับเนี่ย”
มันตอบกลับมาด้วยพร้อมกับสายตาแพรวพราว เฮ้อ..ไม่น่าพูดกับแม่งเลย แต่มันคงรีบแหละเพราะพูดจบมันก็ลงไปเลยไม่ได้รอต่อล้อต่อเถียงกับผมต่อ
09.30 น.
พรึ่บ ๆ
“เฮ้อ... เสร็จสักทีเป็นพ่อบ้านใจกล้าแม่งก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย”
ผมกำลังจะออกไปเรียนก็เห็นไอ้เพลิงตากผ้าอยู่ที่ระเบียงห้อง พอจะเดินผ่านผมก็ได้ยินเสียงไอ้เพลิงบ่นพึมพำอยู่คนเดียว แต่เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ อะไรคือพ่อบ้านใจกล้าวะ แต่ผมขี้เกียจสงสัยเลยจะออกจากห้องก่อนที่ต้องลับฝีปากกับมัน แต่ก็ไม่ทันเพราะมันที่กำลังถือไม้กวาดเตรียมกวาดห้องหันมาเห็นพอดี
“กำลังจะไปเรียนแล้วเหรอน้องกายให้พี่ไปส่งไหมครับ”
ไม่กวนตีนคงไม่ใช่มัน ผมเลยยิ้มกว้างและชูนิ้วกลางให้มันก่อนออกจากห้องโดยไม่สนมันอีก
“น้องกายไม่อ่อนโยน......”
มันยังมีหน้าจะตะโกนไล่หลังผมออกมา
(จบพาร์ท กาย)
“เฮ้อ...ไอ้กายนี่กูเป็นทาสมึงหรือเป็นผัวมึงกันแน่ถึงต้องยอมมึงขนาดนี้” พอคล้อยหลังกายเพลิงก็บ่นคนเดียวออกมา
*************