1.ยินดีรับใช้

2749 คำ
“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ” พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง “ไม่หรอกครับ” “แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว “ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ” หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า “เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น” เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทัน ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม “ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ” “เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ” “หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?” คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น “เด็กของเพื่อนน่ะ” “อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ” ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด “มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนจะมาด้วย แต่มีเรื่องด่วนพอดี แล้วอีกอย่างเพื่อนฉันเขาก็...เอ่อ...ไม่ใช่ผู้ชายแบบแมนๆ ก็เลยไม่คิดว่าเด็กของเขาจะเป็นแบบนี้” พนิดามีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่คนฟังยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อเริ่มตีความได้เขาก็ส่ายหน้า “คนที่ได้ทั้งสองอย่างก็มีเยอะครับ ยังดีที่ผมเห็นคุณเข้า” เขาเพิ่งมาถึงจอดรถไว้อีกฝั่งแล้วกำลังจะเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงเลยเดินมาดู ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากก็เลือกจะเข้าไปช่วยก่อนเพราะเห็นว่าผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย พอเห็นทะเบียนรถเขาก็จำได้ว่าเป็นของเจ้านายสาว จึงปรี่เข้าไปกระชากไหล่ของไอ้ผู้ชายคนนั้น “นั่นสิ ต้องขอบใจซันมากเลย ไม่งั้นคงแย่” หากไม่ได้เขาเธอก็คงเอาตัวไม่รอด “ที่น่าโมโหก็คือ ทั้งให้เงินค่าจ้าง ค่ารับเอนฯ ของเขา จ่ายค่าเครื่องดื่ม แถมอุตส่าห์ขับรถไปรับที่สถานีรถไฟฟ้าด้วย ยังมาทำกันได้ เสียดายเงิน” คนบ่นหน้ามุ่ย กอดอกฉับ ภาสกรเหลือบมองคนบ่นแล้วก็เห็นแขนเรียวเสลาดันอยู่ใต้หน้าอกอวบที่ไซส์ไม่ทำธรรมดาของเจ้าตัว แถมขาเรียวงามในถุงน่องดำยังขยับไขว่ห้างพอดีกระโปรงรัดรึงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นเหลือเพียงคลุมสะโพก เขาถึงกับต้องรีบหันมองถนนในทันใด แอบนึกในใจว่า ก็แม่คุณเล่นแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วใจแบบนี้ไอ้หมอนั่นตบะแตกก็ไม่แปลก มันคงหวังเคลมตั้งแต่แรกเห็นเลยนั่นแหละ “ว่าแต่มาเก็บข้อมูลอะไรครับ” เขาชวนคุยไปเรื่องอื่น พยายามไม่ให้หัวสมองตนเองคิดถึงเจ้าของหุ่นแซบที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองมีรูปลักษณ์ยั่วอารมณ์หนุ่มแค่ไหน จะว่าไปเขาเองก็เพิ่งเห็นเจ้านายสาวในมุมนี้เช่นกัน เพราะเจออีกฝ่ายเพียงแค่เวลาทำงานที่แต่งตัวสุภาพภูมิฐานน่านับถือ และวันนี้เจ้าตัวก็ไม่มีแว่นมาบดบังดวงหน้าสวยเฉิดฉายกับนัยน์ตาคู่เรียวคมงดงาม “เขียนนิยายจ้ะ” พูดไปแล้วหันมองชายหนุ่มเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ “ซันคงไม่รู้ ว่าฉันก็เขียนนิยายนะ ถึงได้ทำสำนักพิมพ์ไง แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้ให้เวลากับงานเขียนเท่าไร ทำเป็นงานอดิเรกน่ะ” “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วได้อะไรไหมล่ะครับ” “ยังไม่รู้เหมือนกัน จริงๆ ก็อยากดูหลายที่หน่อย แต่มาเกิดเรื่องกับหมอนี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี อยากหาไอเดียน่ะ แต่ก็ต้องคิดก่อนว่าที่เพิ่งมาดูนี่ถูกใจไหม เข้ากับเรื่องที่คิดไว้หรือเปล่า ตั้งใจจะให้พระเอกเป็นเจ้าของผับ บาร์ หรือไม่ก็ไนต์คลับอะไรทำนองนี้ แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเที่ยว น่าอายจังแก่จนป่านนี้แล้ว” พอได้พูดในสิ่งที่ชอบหญิงสาวก็อธิบายยาว ทั้งที่เวลาพบหน้าในที่ทำงานก็ไม่เคยคุยกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย หากก็แอบอายลูกน้องหนุ่มอยู่เหมือนกันที่ตนเองเหมือนป้าโบ (ราณ) “ถ้ายังไม่รู้สึกว่าใช่ อาจจะคุยกับเพื่อนอีกที ให้พาไปดูที่ใกล้เคียงกับพล็อตเรื่องที่คิด แต่ก่อนอื่น ต้องโทรไปเฉ่งก่อน คบเด็กไม่ได้เรื่องเลย” แม้จะทำน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่าคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเตือนเพื่อนเกี่ยวกับเด็กคนนั้น “ผมพาไปก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากดูจริงๆ” อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมา “ไม่เป็นไร ไม่รบกวนซันดีกว่าจ้ะ” พนิดาเกรงใจเพราะเขาเป็นลูกน้องในบริษัท เธอไม่อยากวุ่นวายกับเขานอกเหนือเวลางาน “ผมยินดีครับ น่าสนุกดีออก ได้ไปเที่ยว แถมมีคนเลี้ยงด้วย” น้ำเสียงกับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีของชายหนุ่มทำให้เธอหันมองอย่างจริงจัง แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้เสนอตัว ขณะที่อีกฝ่ายหันมายิ้มให้แว่บหนึ่งก่อนจะมองตรงเช่นเดิม “ถ้าจะไปเก็บข้อมูลอีก ก็บอกผม ผมยินดีรับใช้” เมื่อหญิงสาวไม่พูดอะไรเขาก็ย้ำอีกครั้งอย่างต้องการบอกว่ายินดีช่วยเหลือจริงๆ “พี่ซันขา คืนนี้ไปกับมิลค์นะ” สาวร่างแน่งน้อยในชุดเกาะอก โชว์หน้าท้องเนียน กระโปรงสั้นแค่คืบ เบียดหน้าอกหน้าใจคัพซีกับต้นแขนเขาพร้อมกระซิบคุยด้วย มือบางลูบต้นขาแกร่งเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานออดอ้อน สายตาบ่งบอกความนัยที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้กันดี ริมฝีปากได้รูปยกยิ้ม ภาสกรไม่รังเกียจหรอก ก็เขาออกจะชอบหุ่นเธอ ตัวเล็ก เอวบาง หน้าอกใหญ่เบิ้มสมชื่อ สะโพกกลมงอนทีเดียว “อะไรกัน อาทิตย์ที่แล้วพี่ซันรับปากว่าศุกร์นี้จะไปกับแคทนะ” สาวเปรี้ยวจี๊ดในกลุ่มอีกคนขยับมาเกาะแขนอีกข้างพร้อมทำหน้างอ แล้วส่งสายตาให้เพื่อนร่วมกลุ่มเดียวกันอย่างไม่พอใจ “เธอจะเบิ้ลสองอาทิตย์ติดอย่างนี้คนอื่นก็อดสิ” น้องมิลค์ไม่ยอมเพื่อนง่ายๆ “แต่พี่ซันโอเคกับแคทแล้วนะ” เจ้าของร่างสูงกำยำที่นั่งอยู่ระหว่างสองสาวเหล่มองทั้งคู่ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มพร้อมใช้ความคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะจะให้เลือกเขาก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน เขากับเพื่อนเที่ยวกับสาวกลุ่มนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเธอมีสี่คนขณะที่กลุ่มเขามีสาม แน่นอนว่าหลังจากดื่มเต้นกันสนุกสนานก็จบลงด้วยการจับคู่แยกย้าย เขารู้มาว่าเพื่อนบางคนก็ควงสองแต่ตนขี้เกียจวุ่นวายจึงมักเลือกไปกับสาวคนเดียวที่ชวนเขาก่อน หากจำได้ว่าเขายังไม่เคยไปกับมิลค์ ทว่าแคทก็เด็ดดวงไม่น้อย หรือว่าคืนนี้จะเล่นคู่ดี? ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนก็เห็นว่าประกบคู่เต้นนัวเนียเรียบร้อย คงไปกันต่อตามนั้น เขาเคยควงสองมาบ้างแล้วก็ไม่ได้รังเกียจพวกเธอ ในเมื่อก็ป้องกันตัวเองอย่างดีทุกครั้ง อีกอย่างภาสกรไม่ต้องการยึดติดกับสาวคนเดียวให้ใครมีความหวัง คิดดูแล้วก็ไม่ควรทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียน้ำใจน่าจะดีกว่า “ถ้างั้นพี่ว่า...” เสียงเข้มเงียบไปเมื่อเรือนร่างงดงามที่สะดุดตาเดินผ่านไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คิดว่าตัวเองมองไม่ผิด บังเอิญอีกแล้วหรือ? แล้วนี่เธอมากับใคร หรือมาคนเดียว? “พี่ขอตัวแป๊บนะ” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินเบียดผู้คนที่ดื่มเต้นกันตามความพอใจ โดยสายตาจ้องเพียงคนคนเดียวไม่วางตา เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนรอแถวนั้น ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงออกมา พนิดาชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่เดิมที่เธอไปครั้งที่แล้ว “คุณไม่เห็นชวนผมเลย” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงดนตรีทำให้เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจนหากก็พอฟังออก ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา “เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง” “แล้วนี่คุณมากับใคร” “มากับเพื่อนน่ะ” “คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ” “อืม” ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้ “เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง” “แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน” เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก “จะกลับหรือยังครับ” ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว “คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ” “คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้” พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้ ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ “ผมว่าคุณวุ้นกลับเถอะครับ ผมจะไปส่ง” “ไม่ต้องหรอกจ้ะ ซันมาเที่ยวกับเพื่อนนี่” เจ้านายคนสวยส่ายหน้ายิ้มๆ มือบางจับแขนเขาเบาๆ ก่อนจะสำทับ “ไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ บายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์” พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเขาเพื่อจะกลับไปหาเพื่อน ทว่าภาสกรคว้ามือบางเอาไว้ พนิดาหันกลับมามองชายหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวด ตาคู่งามมองเขาอย่างสงสัย “มีอะไรจ๊ะ” “กลับเถอะครับ” “โธ่ ไปส่งแล้วก็กลับมาเหมือนครั้งที่แล้วน่ะเหรอ หมดสนุกกันพอดี” “ผมไม่กลับมาแล้ว ขี้เกียจ” เขาพูดง่ายๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ทั้งยังรั้งเบาๆ ให้เดินตามอีกด้วย “อุ๊ย...ซัน...บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง” ชายหนุ่มดึงให้เธอก้าวตามและมุ่งหน้าไปทางออกไม่หันกลับมาพูดกับเธออีก พนิดาได้แต่ลำบากใจ ทำอะไรไม่ได้กระทั่งออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็หันมาถาม “รถคุณวุ้นอยู่ไหนครับ” “เพื่อนไปรับน่ะ เดี๋ยวเขาจะไปส่ง” นั่นยิ่งน่าห่วงเข้าไปอีก ภาสกรส่ายหัว “บอกเพื่อนคุณว่าคุณจะกลับแล้ว แล้วผมจะเป็นคนไปส่งคุณเอง” “เอ๊...ซัน ทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย” คนที่ยอมเดินตามออกมาข้างนอกชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่ชายหนุ่มสั่งให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ทั้งที่เธออายุมากกว่าเขา แล้วยังเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย “คุณจะกลับหรือไม่กลับ” ภาสกรถามเสียงนิ่ง ทว่าสายตาของเขาไม่นิ่งไปด้วย พนิดารับรู้ได้ถึงแววคุกรุ่นในนั้น และแม้จะพยายามดึงมือออกนิดๆ ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่ได้กระชากเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา แถมโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เธอเป็นพวกรักสงบไม่ชอบมีเรื่อง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหา “งั้นบอกหน่อยสิ ว่าทำไมต้องอยากไปส่งฉัน แทนที่จะอยู่สนุกกับเพื่อน” ตาคู่คมกวาดมองคนถามอย่างไม่ปิดบังสายตา เรือนร่างงามในชุดกระโปรงน่ารักตัวสั้นเลยเข่าขึ้นมาสูงถึงโคนขาสีดำ ตรงเอวมีเข็มขัดรัดเข้ารูป ทว่ามีส่วนทึบแค่เพียงช่วงอก บ่าไหล่กับแขนเป็นผ้าเนื้อบางซีทรู แขนสั้นพองนิดๆ ทำให้คืนนี้อีกฝ่ายดูเป็นสาวหวานหากก็ยังแฝงความเซ็กซี่อยู่ดี คนถูกมองด้วยสายตาชวนหวิวหวั่นใจสะดุด ไม่คิดว่าลูกน้องหนุ่มจะกล้ามองตนเองแบบนี้ “ซัน” เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่ดูดุ มองสบตากลับไปอย่างต้องการให้รู้ว่าไม่พอใจเขา หากอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก ขยับก้มลงมากระซิบในระยะใกล้ “คุณน่าฟัดเกินไป ผมปล่อยคุณกลับกับเพื่อนที่ไม่รู้เพศแน่ชัดของคุณไม่ได้” มือบางยกขึ้นผลักอกหนาทันที ดวงหน้าสวยกับแววตาเริ่มกรุ่นโกรธ “นี่ ระวังคำพูดกับฉันด้วย แล้วก็อย่าพูดถึงเพื่อนฉันแบบนี้” ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเพื่อนตนอย่างหยาบคาย หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าเธอร้อนวูบขึ้นกับคำพูดของลูกน้องหนุ่ม “ผมไม่พูดก็ได้ แต่คุณต้องกลับกับผม” “เธอนี่เอาแต่ใจจริงๆ” “ครับ” เขายักไหล่อย่างไม่แคร์คำต่อว่า แล้วยังพูดหน้าตาเฉย “แล้วถ้าคุณไม่ยอมตามไปดีๆ ผมจะอุ้มไปรถผมเลย” พนิดาถึงกับเผยอปากค้างกับคำบอกของอีกฝ่าย เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างงุนงงความคิดของอีกฝ่าย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอ แต่เพื่อนของเธอก็ไว้ใจได้ “ว่าไงครับ” เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูจะเอาจริงเธอจึงถอนหายใจด้วยความเซ็ง “กลับก็กลับ” ภาสกรยิ้มบางอย่างพอใจ แล้วดึงให้เธอเดินต่อทันทีโดยไม่ปล่อย พนิดาอยากจะแย้งหากก็ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋าที่สะพายอยู่แว่วๆ คิดว่าเพื่อนคงโทรตามเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว “ซัน ฉันจะรับโทรศัพท์” “ขึ้นรถก่อนก็ได้ครับ” อีกฝ่ายพูดโดยร่างสูงกำยำไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ คนเดินตามได้แต่ขมวดคิ้วฉับ หน้างออยู่คนเดียว ก่อนจะบ่น “ทำอย่างกับฉันจะวิ่งหนีเธอได้” ชายหนุ่มไม่พูดอะไร กระทั่งมาถึงรถเขาก็กดรีโมตแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกฝั่ง มือถือพนิดาดังขึ้นมาอีกเธอจึงหยิบออกมารับ เป็นเพื่อนเธอโทรมาจริงๆ “ขอโทษทีจ้ะ ฉันจะกลับแล้ว” หญิงสาวหยุดฟังปลายสายครู่หนึ่ง “ฉันง่วง กลับดีกว่า” ขณะฟังเพื่อนถามไถ่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบมือถือของเขาออกมากดไล่หาเบอร์เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับไป “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกลับแท็กซี่ เกรงใจเธอ ไม่อยากขัดตอนกำลังสนุกได้ที่ กลับถึงบ้านแล้วจะไลน์บอกแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๊ายบาย” เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าภาสกรยกมือถือของเขาขึ้นแนบหู กลัวเสียงชายหนุ่มเข้าไปแล้วเพื่อนจะสงสัยขึ้นมา “กูกลับแล้วนะ” ‘อ้าว ทำไมรีบวะ’ “มีธุระด่วน” ภาสกรตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้เรื่องของตน ‘แล้วสองสาวที่เขารอมึงอยู่เนี่ย เอาไง’ “มึงสองคนก็แซนด์วิชดิ จะไปยากอะไร แค่นี้นะ” พูดจบก็วางสายแล้วสตาร์ตรถทันที คนที่เพิ่งได้ยินคำพูดล่อแหลมที่ไม่ชินนักถึงกับตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ ทว่าก็พยายามทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร ======
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม