“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”
พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง
“ไม่หรอกครับ”
“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”
เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทัน
ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม
“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”
“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”
“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”
คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น
“เด็กของเพื่อนน่ะ”
“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”
ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด
“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนจะมาด้วย แต่มีเรื่องด่วนพอดี แล้วอีกอย่างเพื่อนฉันเขาก็...เอ่อ...ไม่ใช่ผู้ชายแบบแมนๆ ก็เลยไม่คิดว่าเด็กของเขาจะเป็นแบบนี้”
พนิดามีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่คนฟังยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อเริ่มตีความได้เขาก็ส่ายหน้า
“คนที่ได้ทั้งสองอย่างก็มีเยอะครับ ยังดีที่ผมเห็นคุณเข้า”
เขาเพิ่งมาถึงจอดรถไว้อีกฝั่งแล้วกำลังจะเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงเลยเดินมาดู ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากก็เลือกจะเข้าไปช่วยก่อนเพราะเห็นว่าผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย พอเห็นทะเบียนรถเขาก็จำได้ว่าเป็นของเจ้านายสาว จึงปรี่เข้าไปกระชากไหล่ของไอ้ผู้ชายคนนั้น
“นั่นสิ ต้องขอบใจซันมากเลย ไม่งั้นคงแย่”
หากไม่ได้เขาเธอก็คงเอาตัวไม่รอด
“ที่น่าโมโหก็คือ ทั้งให้เงินค่าจ้าง ค่ารับเอนฯ ของเขา จ่ายค่าเครื่องดื่ม แถมอุตส่าห์ขับรถไปรับที่สถานีรถไฟฟ้าด้วย ยังมาทำกันได้ เสียดายเงิน”
คนบ่นหน้ามุ่ย กอดอกฉับ
ภาสกรเหลือบมองคนบ่นแล้วก็เห็นแขนเรียวเสลาดันอยู่ใต้หน้าอกอวบที่ไซส์ไม่ทำธรรมดาของเจ้าตัว แถมขาเรียวงามในถุงน่องดำยังขยับไขว่ห้างพอดีกระโปรงรัดรึงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นเหลือเพียงคลุมสะโพก เขาถึงกับต้องรีบหันมองถนนในทันใด แอบนึกในใจว่า ก็แม่คุณเล่นแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วใจแบบนี้ไอ้หมอนั่นตบะแตกก็ไม่แปลก มันคงหวังเคลมตั้งแต่แรกเห็นเลยนั่นแหละ
“ว่าแต่มาเก็บข้อมูลอะไรครับ”
เขาชวนคุยไปเรื่องอื่น พยายามไม่ให้หัวสมองตนเองคิดถึงเจ้าของหุ่นแซบที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองมีรูปลักษณ์ยั่วอารมณ์หนุ่มแค่ไหน จะว่าไปเขาเองก็เพิ่งเห็นเจ้านายสาวในมุมนี้เช่นกัน เพราะเจออีกฝ่ายเพียงแค่เวลาทำงานที่แต่งตัวสุภาพภูมิฐานน่านับถือ และวันนี้เจ้าตัวก็ไม่มีแว่นมาบดบังดวงหน้าสวยเฉิดฉายกับนัยน์ตาคู่เรียวคมงดงาม
“เขียนนิยายจ้ะ”
พูดไปแล้วหันมองชายหนุ่มเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
“ซันคงไม่รู้ ว่าฉันก็เขียนนิยายนะ ถึงได้ทำสำนักพิมพ์ไง แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้ให้เวลากับงานเขียนเท่าไร ทำเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วได้อะไรไหมล่ะครับ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน จริงๆ ก็อยากดูหลายที่หน่อย แต่มาเกิดเรื่องกับหมอนี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี อยากหาไอเดียน่ะ แต่ก็ต้องคิดก่อนว่าที่เพิ่งมาดูนี่ถูกใจไหม เข้ากับเรื่องที่คิดไว้หรือเปล่า ตั้งใจจะให้พระเอกเป็นเจ้าของผับ บาร์ หรือไม่ก็ไนต์คลับอะไรทำนองนี้ แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเที่ยว น่าอายจังแก่จนป่านนี้แล้ว”
พอได้พูดในสิ่งที่ชอบหญิงสาวก็อธิบายยาว ทั้งที่เวลาพบหน้าในที่ทำงานก็ไม่เคยคุยกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย หากก็แอบอายลูกน้องหนุ่มอยู่เหมือนกันที่ตนเองเหมือนป้าโบ (ราณ)
“ถ้ายังไม่รู้สึกว่าใช่ อาจจะคุยกับเพื่อนอีกที ให้พาไปดูที่ใกล้เคียงกับพล็อตเรื่องที่คิด แต่ก่อนอื่น ต้องโทรไปเฉ่งก่อน คบเด็กไม่ได้เรื่องเลย”
แม้จะทำน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่าคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเตือนเพื่อนเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“ผมพาไปก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากดูจริงๆ”
อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ไม่รบกวนซันดีกว่าจ้ะ”
พนิดาเกรงใจเพราะเขาเป็นลูกน้องในบริษัท เธอไม่อยากวุ่นวายกับเขานอกเหนือเวลางาน
“ผมยินดีครับ น่าสนุกดีออก ได้ไปเที่ยว แถมมีคนเลี้ยงด้วย”
น้ำเสียงกับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีของชายหนุ่มทำให้เธอหันมองอย่างจริงจัง แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้เสนอตัว ขณะที่อีกฝ่ายหันมายิ้มให้แว่บหนึ่งก่อนจะมองตรงเช่นเดิม
“ถ้าจะไปเก็บข้อมูลอีก ก็บอกผม ผมยินดีรับใช้”
เมื่อหญิงสาวไม่พูดอะไรเขาก็ย้ำอีกครั้งอย่างต้องการบอกว่ายินดีช่วยเหลือจริงๆ
“พี่ซันขา คืนนี้ไปกับมิลค์นะ”
สาวร่างแน่งน้อยในชุดเกาะอก โชว์หน้าท้องเนียน กระโปรงสั้นแค่คืบ เบียดหน้าอกหน้าใจคัพซีกับต้นแขนเขาพร้อมกระซิบคุยด้วย มือบางลูบต้นขาแกร่งเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานออดอ้อน สายตาบ่งบอกความนัยที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้กันดี
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้ม ภาสกรไม่รังเกียจหรอก ก็เขาออกจะชอบหุ่นเธอ ตัวเล็ก เอวบาง หน้าอกใหญ่เบิ้มสมชื่อ สะโพกกลมงอนทีเดียว
“อะไรกัน อาทิตย์ที่แล้วพี่ซันรับปากว่าศุกร์นี้จะไปกับแคทนะ”
สาวเปรี้ยวจี๊ดในกลุ่มอีกคนขยับมาเกาะแขนอีกข้างพร้อมทำหน้างอ แล้วส่งสายตาให้เพื่อนร่วมกลุ่มเดียวกันอย่างไม่พอใจ
“เธอจะเบิ้ลสองอาทิตย์ติดอย่างนี้คนอื่นก็อดสิ”
น้องมิลค์ไม่ยอมเพื่อนง่ายๆ
“แต่พี่ซันโอเคกับแคทแล้วนะ”
เจ้าของร่างสูงกำยำที่นั่งอยู่ระหว่างสองสาวเหล่มองทั้งคู่ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มพร้อมใช้ความคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะจะให้เลือกเขาก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน เขากับเพื่อนเที่ยวกับสาวกลุ่มนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเธอมีสี่คนขณะที่กลุ่มเขามีสาม แน่นอนว่าหลังจากดื่มเต้นกันสนุกสนานก็จบลงด้วยการจับคู่แยกย้าย เขารู้มาว่าเพื่อนบางคนก็ควงสองแต่ตนขี้เกียจวุ่นวายจึงมักเลือกไปกับสาวคนเดียวที่ชวนเขาก่อน หากจำได้ว่าเขายังไม่เคยไปกับมิลค์ ทว่าแคทก็เด็ดดวงไม่น้อย
หรือว่าคืนนี้จะเล่นคู่ดี?
ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนก็เห็นว่าประกบคู่เต้นนัวเนียเรียบร้อย คงไปกันต่อตามนั้น เขาเคยควงสองมาบ้างแล้วก็ไม่ได้รังเกียจพวกเธอ ในเมื่อก็ป้องกันตัวเองอย่างดีทุกครั้ง อีกอย่างภาสกรไม่ต้องการยึดติดกับสาวคนเดียวให้ใครมีความหวัง คิดดูแล้วก็ไม่ควรทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียน้ำใจน่าจะดีกว่า
“ถ้างั้นพี่ว่า...”
เสียงเข้มเงียบไปเมื่อเรือนร่างงดงามที่สะดุดตาเดินผ่านไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คิดว่าตัวเองมองไม่ผิด
บังเอิญอีกแล้วหรือ? แล้วนี่เธอมากับใคร หรือมาคนเดียว?
“พี่ขอตัวแป๊บนะ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินเบียดผู้คนที่ดื่มเต้นกันตามความพอใจ โดยสายตาจ้องเพียงคนคนเดียวไม่วางตา เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนรอแถวนั้น ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงออกมา
พนิดาชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่เดิมที่เธอไปครั้งที่แล้ว
“คุณไม่เห็นชวนผมเลย”
ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงดนตรีทำให้เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจนหากก็พอฟังออก
ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา
“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”
“แล้วนี่คุณมากับใคร”
“มากับเพื่อนน่ะ”
“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้
“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”
“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”
เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก
“จะกลับหรือยังครับ”
ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว
“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”
“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”
พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้
ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้
“ผมว่าคุณวุ้นกลับเถอะครับ ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ซันมาเที่ยวกับเพื่อนนี่”
เจ้านายคนสวยส่ายหน้ายิ้มๆ มือบางจับแขนเขาเบาๆ ก่อนจะสำทับ
“ไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ บายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเขาเพื่อจะกลับไปหาเพื่อน ทว่าภาสกรคว้ามือบางเอาไว้
พนิดาหันกลับมามองชายหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวด ตาคู่งามมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรจ๊ะ”
“กลับเถอะครับ”
“โธ่ ไปส่งแล้วก็กลับมาเหมือนครั้งที่แล้วน่ะเหรอ หมดสนุกกันพอดี”
“ผมไม่กลับมาแล้ว ขี้เกียจ”
เขาพูดง่ายๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ทั้งยังรั้งเบาๆ ให้เดินตามอีกด้วย
“อุ๊ย...ซัน...บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
ชายหนุ่มดึงให้เธอก้าวตามและมุ่งหน้าไปทางออกไม่หันกลับมาพูดกับเธออีก พนิดาได้แต่ลำบากใจ ทำอะไรไม่ได้กระทั่งออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็หันมาถาม
“รถคุณวุ้นอยู่ไหนครับ”
“เพื่อนไปรับน่ะ เดี๋ยวเขาจะไปส่ง”
นั่นยิ่งน่าห่วงเข้าไปอีก ภาสกรส่ายหัว
“บอกเพื่อนคุณว่าคุณจะกลับแล้ว แล้วผมจะเป็นคนไปส่งคุณเอง”
“เอ๊...ซัน ทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย”
คนที่ยอมเดินตามออกมาข้างนอกชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่ชายหนุ่มสั่งให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ทั้งที่เธออายุมากกว่าเขา แล้วยังเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย
“คุณจะกลับหรือไม่กลับ”
ภาสกรถามเสียงนิ่ง ทว่าสายตาของเขาไม่นิ่งไปด้วย พนิดารับรู้ได้ถึงแววคุกรุ่นในนั้น และแม้จะพยายามดึงมือออกนิดๆ ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่ได้กระชากเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา แถมโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เธอเป็นพวกรักสงบไม่ชอบมีเรื่อง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหา
“งั้นบอกหน่อยสิ ว่าทำไมต้องอยากไปส่งฉัน แทนที่จะอยู่สนุกกับเพื่อน”
ตาคู่คมกวาดมองคนถามอย่างไม่ปิดบังสายตา เรือนร่างงามในชุดกระโปรงน่ารักตัวสั้นเลยเข่าขึ้นมาสูงถึงโคนขาสีดำ ตรงเอวมีเข็มขัดรัดเข้ารูป ทว่ามีส่วนทึบแค่เพียงช่วงอก บ่าไหล่กับแขนเป็นผ้าเนื้อบางซีทรู แขนสั้นพองนิดๆ ทำให้คืนนี้อีกฝ่ายดูเป็นสาวหวานหากก็ยังแฝงความเซ็กซี่อยู่ดี
คนถูกมองด้วยสายตาชวนหวิวหวั่นใจสะดุด ไม่คิดว่าลูกน้องหนุ่มจะกล้ามองตนเองแบบนี้
“ซัน”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่ดูดุ มองสบตากลับไปอย่างต้องการให้รู้ว่าไม่พอใจเขา หากอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก ขยับก้มลงมากระซิบในระยะใกล้
“คุณน่าฟัดเกินไป ผมปล่อยคุณกลับกับเพื่อนที่ไม่รู้เพศแน่ชัดของคุณไม่ได้”
มือบางยกขึ้นผลักอกหนาทันที ดวงหน้าสวยกับแววตาเริ่มกรุ่นโกรธ
“นี่ ระวังคำพูดกับฉันด้วย แล้วก็อย่าพูดถึงเพื่อนฉันแบบนี้”
ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเพื่อนตนอย่างหยาบคาย หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าเธอร้อนวูบขึ้นกับคำพูดของลูกน้องหนุ่ม
“ผมไม่พูดก็ได้ แต่คุณต้องกลับกับผม”
“เธอนี่เอาแต่ใจจริงๆ”
“ครับ”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์คำต่อว่า แล้วยังพูดหน้าตาเฉย
“แล้วถ้าคุณไม่ยอมตามไปดีๆ ผมจะอุ้มไปรถผมเลย”
พนิดาถึงกับเผยอปากค้างกับคำบอกของอีกฝ่าย เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างงุนงงความคิดของอีกฝ่าย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอ แต่เพื่อนของเธอก็ไว้ใจได้
“ว่าไงครับ”
เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูจะเอาจริงเธอจึงถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“กลับก็กลับ”
ภาสกรยิ้มบางอย่างพอใจ แล้วดึงให้เธอเดินต่อทันทีโดยไม่ปล่อย พนิดาอยากจะแย้งหากก็ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋าที่สะพายอยู่แว่วๆ คิดว่าเพื่อนคงโทรตามเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว
“ซัน ฉันจะรับโทรศัพท์”
“ขึ้นรถก่อนก็ได้ครับ”
อีกฝ่ายพูดโดยร่างสูงกำยำไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ
คนเดินตามได้แต่ขมวดคิ้วฉับ หน้างออยู่คนเดียว ก่อนจะบ่น
“ทำอย่างกับฉันจะวิ่งหนีเธอได้”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร กระทั่งมาถึงรถเขาก็กดรีโมตแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
มือถือพนิดาดังขึ้นมาอีกเธอจึงหยิบออกมารับ เป็นเพื่อนเธอโทรมาจริงๆ
“ขอโทษทีจ้ะ ฉันจะกลับแล้ว”
หญิงสาวหยุดฟังปลายสายครู่หนึ่ง
“ฉันง่วง กลับดีกว่า”
ขณะฟังเพื่อนถามไถ่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบมือถือของเขาออกมากดไล่หาเบอร์เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกลับแท็กซี่ เกรงใจเธอ ไม่อยากขัดตอนกำลังสนุกได้ที่ กลับถึงบ้านแล้วจะไลน์บอกแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๊ายบาย”
เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าภาสกรยกมือถือของเขาขึ้นแนบหู กลัวเสียงชายหนุ่มเข้าไปแล้วเพื่อนจะสงสัยขึ้นมา
“กูกลับแล้วนะ”
‘อ้าว ทำไมรีบวะ’
“มีธุระด่วน”
ภาสกรตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้เรื่องของตน
‘แล้วสองสาวที่เขารอมึงอยู่เนี่ย เอาไง’
“มึงสองคนก็แซนด์วิชดิ จะไปยากอะไร แค่นี้นะ”
พูดจบก็วางสายแล้วสตาร์ตรถทันที
คนที่เพิ่งได้ยินคำพูดล่อแหลมที่ไม่ชินนักถึงกับตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ ทว่าก็พยายามทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร
======