มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคน
ขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมด
คนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น
“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”
เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลัง
แผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”
“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”
พริษฐ์เอ่ยขึ้น
“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”
“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”
“จะดีเหรอ พี่ว่า...”
“พี่วีคะ...”
เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ่ยอย่างขอร้องทำให้พศินถอนหายใจอย่างหนักใจ ตาคู่สวยแดงมีน้ำคลอครองทำเอาเขารู้สึกลำคอตีบตันพูดไม่ออก
พนิดาคิดว่าตัวเองต้องร้องไห้ในอีกไม่กี่นาทีนี้แน่ ถ้ากลับกับพี่ชายอีกฝ่ายก็ต้องหนักใจไปกับเธอด้วย แค่นี้พศินก็เครียดมามากพอแล้ว เธอไม่อยากให้เขาต้องแบกปัญหาของเธอ ไม่อยากให้พี่ชายเห็นว่าตนเองเสียความรู้สึกมากแค่ไหนที่สำนักพิมพ์ถูกสั่งปิด
“วุ้นขอกลับกับเพื่อนนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแอเหลือเกิน
สุดท้ายคนเป็นพี่ชายก็ทนไม่ไหว ดึงร่างบางเข้ามากอดแนบอก ลูบผมลูบหลังปลอบใจ
คนถูกปลอบกัดริมฝีปากตัวเองสะกดจิตใจอย่างที่สุด หากเธอร้องพศินก็ยิ่งต้องไม่สบายใจ พนิดาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ระงับความเจ็บปวดเสียใจของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ผละตัวออกมา หากใบหน้าสวยก้มงุด ไม่ยอมเงยหน้ามองทั้งพี่ชายและน้องชาย
พศินกับพริษฐ์สบตากันอย่างหนักใจ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวกำลังรู้สึกอย่างไร
“พี่จะเดินไปส่ง”
ชายหนุ่มพูดสั้นๆ โอบไหล่บางให้เดินไปพร้อมกัน โดยมีน้องชายเดินตามไปเงียบๆ เพื่อลงลิฟต์จากชั้นผู้บริหาร
“ผมถามได้ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงเลือกผม”
ภาสกรเอ่ยถามว่าที่หัวหน้าคนใหม่ของตัวเองตรงๆ ในเมื่อจะต้องทำงานร่วมกันเขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีทัศนคติกับตัวเองเขาอย่างไร
“ก็พี่วุ้นบอกว่านายทำได้หลายอย่าง ความสามารถรอบด้าน ฉันมองว่านายมาทำงานกับฉันน่าจะได้ใช้ความสามารถเยอะกว่าอยู่ที่นั่น ทางนั้นก็ให้เพื่อนอีกคนของนายทำไป”
สีหน้าท่าทางคนบอกมีแววจริงจังภาสกรจึงพยักหน้าเข้าใจ การที่ได้เพิ่งได้ยินจากพนิดามาว่าเธอพูดถึงเขากับพี่ชายบ่อยๆ ทำให้ชายหนุ่มพอจะเชื่อคำพูดของว่าที่หัวหน้าใหม่ แม้จะค่อนข้างแปลกใจที่เจ้านายสาวเอ่ยถึงตนในแง่ดี ทั้งที่เขาทำตัวไม่สุภาพกับเธอนักในครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันในสถานที่เที่ยวกลางคืน
ทว่านั่นทำให้ภาสกรรู้สึกได้ว่าเจ้านายสาวมีนิสัยที่ค่อนข้างตรง แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก อีกอย่างเจ้าตัวยังใจเย็นอย่างมาก หากเป็นคนอื่นคงปรี๊ดแตกใส่เขาหรือตบคว่ำไปแล้วที่ทั้งใช้คำพูดและมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น
“อ๋อ คุณอยากได้คนที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่นี่เอง”
เขาอดกัดนิดๆ ไม่ได้ เพราะเพิ่งรู้มาว่าอีกฝ่ายซิวญาดาหัวหน้าสาวที่เขาสนใจไปแล้ว
“อือฮึ จะว่างั้นก็ไม่ผิดหรอก”
คนตอบยักไหล่
“แต่เรียกว่าเลือกใช้คนให้เหมาะกับประสิทธิภาพจะดีกว่า”
ภาสกรแทบจะกลอกตาทว่าก็ยั้งตนเองได้ทัน อย่างน้อยก็ไม่อยากทำตัวขวางกับหัวหน้าคนใหม่จนเกินไปนัก แม้จะขัดใจอีกฝ่ายอยู่หน่อยก็เถอะ
ก็ดันมาแย่งสาวที่เขามองมาตั้งนานตัดหน้าไปชนิดที่เขาไม่ระแคะระคายเลยสักนิด มันน่าโมโหไหมล่ะ
“ซันก็ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่ตึกเดียวกันนี่เอง ถือว่าเรายังอยู่กันพร้อมหน้า ขอบคุณวุ้นที่ช่วยพวกเราทุกคนไม่ให้มีใครตกงานนะจ๊ะ”
อนงค์นางเป็นผู้นำพูดขึ้น พร้อมกับยกแก้วของตนเองชูตรงหน้า
“มาพวกเรา ดื่มขอบคุณเจ้านายคนสวยของเราเร็ว”
“ขอบคุณค่า/ครับ”
ทุกคนในทีมยกแก้วขึ้นแล้วพูดพร้อมกัน
พนิดาที่นั่งหัวโต๊ะยิ้มบาง แก้วไวน์ในมือถูกยกขึ้นตอบรับทุกคนก่อนดื่มจนหมด ตาคู่สวยไล่มองรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ละคนแล้วรู้สึกปลื้มปริ่มในใจ ดีใจที่ปกป้องลูกน้องตัวเองได้ ไม่ต้องเลือกว่าใครควรอยู่ควรไป ไม่ต้องตัดอนาคตการทำงานของใคร คิดแล้วน้ำตาก็พานจะไหลออกมาจนต้องกะพริบถี่ไล่มันลงไป
ทุกคนดื่มกินกันอย่างเต็มคราบ เรียกได้ว่าฉลองกันเต็มที่ พนิดาเองก็ยินดีเลี้ยง เธอชอบบรรยากาศเป็นกันเองของแผนกตัวเอง ทุกคนอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกันเหมือนพี่น้อง ไม่มีใครจ้องเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่มีใครผิดใจกับใคร
เริ่มดึกหลายคนก็ทยอยกลับ อนงค์นางกับนิอรที่มากับเธอมีเชนทร์สามีของนิอรมารับ พนิดาตั้งใจจะไปส่งอนงค์นางทว่านิอรอาสาไปเอง อนงค์นางก็ไม่อยากให้เธอขับรถไปมาจนดึกกว่านี้ เพราะยังไงก็เป็นผู้หญิงคนเดียว ในเมื่อเพื่อนสาวสองคนยืนกรานเห็นพ้องต้องกันเธอจึงหมดคำแย้ง
หญิงสาวหยุดยืนรอคนอื่นๆ กลับก่อน รับไหว้และบอกลาเรียบร้อย ก่อนจะเดินมายังรถของตัวเองหยุดยืนพิงประตูรถแล้วน้ำตาก็ไหลก็ออกมา พยายามเงยหน้าขึ้นสูง เช็ดน้ำตาบนแก้มแต่สุดท้ายก็ต้องสะอื้นเบาๆ
“แอบมาร้องไห้คนเดียว เสียใจที่ผมไม่ได้เป็นลูกน้องคุณแล้วหรือเปล่าครับ”
ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงที่คุ้นหู รีบปาดน้ำตาแล้วหันไปมองอีกฝ่าย
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น
“ดีใจต่างหาก”
“ดีใจ?”
คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น
“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”
“แต่ผมต้องออกนี่”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่
“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”
น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก
“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”
พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง
“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”
ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญเขาค่อนข้างสะดุดใจที่อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยคำว่า ‘พี่’ กับเขา ตั้งแต่วันที่เรียกเขาเข้าไปคุยด้วยพร้อมญาดาก่อนไปเจอหัวหน้าคนใหม่แล้ว ทว่าก็ไม่อยากทักให้หญิงสาวรู้ตัวหรือฉุกคิดได้ เพราะคิดว่าเธอพูดแบบนี้ก็ดูอบอุ่นเป็นกันเองดี
“ขอบคุณครับ”
“อะไรเหรอ”
“ก็ที่คุณวุ้นอุตส่าห์คิดถึงความก้าวหน้าของผม”
แววตาคมที่มองมานั้นชวนใจสั่นแปลกๆ เธอจึงยิ้มบางแล้วหลบตาเลี่ยงไปเปิดรถของตน
“คนเก่งก็ต้องสนับสนุนสิจ๊ะ”
ภาสกรมองท่าทางของอีกฝ่ายออก คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ไม่คิดว่าหญิงสาวจะมีอาการขัดเขินเพียงแค่เขามองด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้พนิดาหวั่นไหว แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ชินกับสายตาของผู้ชายเสียมากกว่า
ผิดกับญาดาที่เขามองแบบนี้เมื่อไร อีกฝ่ายเป็นต้องส่งสายตาดุมาให้ทุกที ญาดาราวกับเคยชินกับสายตาแวววาวเจ้าชู้ของผู้ชาย
“ขับรถได้ใช่ไหมครับ เห็นคุณวุ้นดื่มไปหลายแก้วเลย”
“แหม ได้สิ ไม่เยอะเท่าไรหรอก”
“บ้านคุณออกจะไกล”
“จะขับไปส่งพี่อีกเหรอจ๊ะหืม?”
คราวนี้หญิงสาวหันมาถามยิ้มๆ ดวงตาคู่สวยพราวขึ้นเหมือนล้อเล่น
ชายหนุ่มมองดวงหน้างดงามชวนหลงใหลแล้วหลุดปากออกไปอย่างไม่ทันคิดตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ปากไว
“ว่าจะชวนพักกับผม”
คนได้ยินชะงักอึ้งไปเลยทีเดียว ตาคู่งามสบนิ่งกับตาคู่คมอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายยิ้มออกมาก่อน
“อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ตกใจหมด”
พูดแล้วร่างบางก็ขยับตัวจะขึ้นรถพร้อมกับบอก
“พี่กลับแล้วนะ ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
มือหนารั้งประตูที่กำลังจะปิดเอาไว้ ร่างสูงกำยำโน้มลงไปใกล้พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ถ้าพูดจริงล่ะครับ”
“ซัน”
คราวนี้เหมือนหญิงสาวจะไม่ขำด้วย เธอหันมามองเขาด้วยสีหน้าที่ปั้นให้ดูดุ ทว่าคนมองกลับคิดว่าน่ามองชะมัด แถมยังไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก ก็ในเมื่อทำตาดุหน้าดุใส่เขา ทว่าดวงหน้าสวยกลับแดงเรื่อเสียเห็นชัดขนาดนี้ ใครจะไปกลัว
“พี่ไม่ขำด้วยแล้วนะ”
“ผมเอาจริงนะครับ ไม่ได้เอาฮา”
“เธอเมาหรือไง หรือเห็นว่าพี่ไม่ได้เป็นเจ้านายแล้วก็เลยทำเจ้าชู้ใส่ ไอ้เราก็คิดว่าถึงจะไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง ต่อไปก็ยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ ที่ไหนได้...”
ตอนนี้พนิดาชักไม่พอใจอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว
“เปล่าหรอกครับ แต่แค่เพิ่งเห็นว่าคุณวุ้นก็น่ารักดี”
‘แถมเซ็กซี่มากด้วย’
ชายหนุ่มต่อเพียงในใจ แค่นี้เขาก็เสี่ยงกับการถูกข่วนหน้าแล้ว เพราะอย่างนี้เองอีกฝ่ายถึงใช้คำว่า ‘พี่’ กับเขา
จะว่าไปภาสกรเองก็นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อยู่ๆ ดันคึกปากไวกับเจ้านายเก่า ทว่าไม่รู้เพราะอะไร ได้มาเห็นพนิดาตอนร้องไห้แล้วเขานึกอยากกอดปลอบ เมื่อครู่ก็พยายามเก็บไม้เก็บมือตัวเองแทบตาย
“แล้วยังไง”
คนถามเหมือนจะประชดมากกว่าอยากรู้คำตอบจริงๆ ทว่าเขาก็ตอบจากความรู้สึกจริงๆ
“อยากจีบครับ”
ดวงตาคู่สวยถึงกับโตขึ้น ปากอิ่มสีสวยเผยอค้าง ตาคมจ้องมันทันที เวลาเธอเผยอปากอย่างนี้แล้วมันดูเชิญชวนอย่างน่าใจหาย เมื่อก่อนภาสกรคงพยายามไม่สนใจ ในเมื่อเขามองคนอื่นอยู่ แล้วสถานะของพนิดากับเขาก็ไม่เหมาะนักหากจะไปทำเจ้าชู้รุ่มร่ามกับเธอ ทว่าเวลานี้แตกต่าง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาทำงานให้ธนัญการการพิมพ์ เขาไม่ใช่ลูกน้องและเธอไม่ใช่เจ้านายโดยตรงของเขาอีกแล้ว ถึงจะยังเป็นลูกจ้างของธนัญการ ทว่าก็อยู่คนละบริษัท หากถูกใจแล้วไม่ได้เดินหน้ามีหวังคงโดนสอยไปอีกเหมือนครั้งญาดา
ภาสกรคิดว่าไม่มีอะไรเสียหายหากตนจะจีบอดีตเจ้านายสาว
“ผมจีบคุณวุ้นได้ไหม”
แล้วก็เป็นเขาที่เอ่ยถามกลบความเงียบ
“เลิกเล่นได้แล้ว”
เหมือนหญิงสาวจะได้สติเพราะคำถามนั้น เจ้าตัวขยับหันไปนั่งตัวตรงจะกดปุ่มสตาร์ตรถ ทว่าเขาคว้ามือบางเอาไว้
“เอ๊ะ ซัน”
พนิดาเพียงหันมามองเขาตาดุแต่ไม่สะบัดมือออก และเขาก็รับรู้ได้ถึงความสั่นของมือบาง เธอกลัวเขาหากก็นิ่งพอที่จะไม่ทำตัวโวยวายด่าทอ ค่อนข้างมีสติสมเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ นั่นยิ่งทำให้ภาสกรรู้สึกถูกใจอีกฝ่ายมากขึ้น เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เอะอะก็ใช้เสียง นิดหน่อยก็งอน แงงอเอาแต่ใจ มันน่ารำคาญแล้วก็หน้าเบื่อสำหรับเขา
======