3.อยากมีคนเลี้ยง

2401 คำ
“ตอบผมมาก่อน” “ปล่อยมือก่อน” อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ “ตอบสิครับ” “เธอจะให้ตอบอะไร” ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ “เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว” หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว “เธอจะทำอะไร” “ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง” ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ “ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา” “จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน” “แล้วทำไมต้องเป็นพี่” หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคงตัดบทไปแล้ว แต่ยิ่งพนิดาทำตัวเป็นผู้ใหญ่กับเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากแกะเปลือกที่ปกคลุมเธอเอาไว้ออก “บอกไปแล้วว่าคุณวุ้นน่ารักถูกใจ ผมอยากลองคบด้วย” “แต่มัน...” “ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณแล้ว แล้วถ้าจะพูดถึงอายุ มันไม่สำคัญเลย คนเราชอบพอกันถ้ามัวยึดติดกับเรื่องนี้ คนคงโสดกันครึ่งค่อนโลก” เขาพูดขึ้นมาก่อนราวกับรู้ทันความคิดเธอ ทำให้พนิดาต้องเงียบไป “เพื่อนคุณยังมีเด็กเลย คุณไม่อยากมีใครสักคนเหรอครับ” ภาสกรถามต่อ มือข้างหนึ่งยกขึ้นไล้ปลายนิ้วข้างแก้มเธอ คนถูกแตะตัวสะดุ้งเล็กน้อย ทว่าใจกลับเต้นระรัว ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะตัวเธอนอกจากคนในครอบครัว พนิดาค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง เก็บตัว เธออยู่แต่กับโลกของการอ่านตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แม้เวลากลางวันในโรงเรียนก็ยังหยิบนิยายออกมาอ่านท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงได้ และเธอก็ไม่เคยสะดุดตาสะดุดใจใคร อาจเพราะโลกของตัวหนังสือเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์ ทว่าพนิดาไม่เห็นคนเหล่านั้นในโลกแห่งความเป็นจริง เธอจึงค่อนข้างเฉยขากับเพศตรงข้าม เหนืออื่นใดบิดาของเธอรักและหวงเธอมาก พนิดาไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นนัก แม้แต่ในวันหยุด พ่อยอมให้เพื่อนมาหาที่บ้านแต่ไม่ยอมให้เธอออกไปกับเพื่อน เธอจะได้ไปเที่ยวก็ต่อเมื่อไปกับพี่ชายหรือน้องชาย ซึ่งหญิงสาวไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะติดการอ่านนิยายมากกว่า “เธอ...อยากเป็นเด็กพี่เหรอ” เสียงหวานถามแผ่วเบา ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะในลำคอ เขาไม่เห็นความไม่พอใจในดวงตาคู่สวย หญิงสาวดูสับสนไม่แน่ใจมากกว่า “จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ แต่...” ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนมาแตะบนริมฝีปากอิ่มน่าจูบ รู้สึกถึงกระแสวาบหวามแล่นมายังหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าตนจะตื่นเต้นวูบวาบ เพียงแค่มองนิ้วตัวเองบนปากหญิงสาว เขาเหลือบขึ้นสบตาคู่สวยก็เห็นแววตระหนกในนั้น “อยากเป็นตัวจริงมากกว่า” เสียงทุ้มชวนใจสั่นกับปลายนิ้วกระด้างที่กดลงบนปากเธอเบาๆ ทำให้พนิดาขนลุก รู้สึกว่าตัวเองถึงกับกลั้นหายใจแถมยังคอแห้งจนต้องกลืนน้ำลาย “เอาเป็นว่าผมเข้าใจ ว่าคุณวุ้นยังไม่ทันตั้งตัว ไม่ต้องคิดมากครับ ผมจะจีบ เพราะฉะนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง” ขณะที่พนิดามัวอึ้งอยู่อีกฝ่ายก็สรุป เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับตัวเองและผู้ชายตรงหน้า เธอควรปฏิเสธเขาด้วยคำไหน? “เดี๋ยวสิ พี่ยังไม่ได้ตกลง” คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจท้วงขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้วางนิ้วบนปากเธออีกแล้ว เขากำลังยืดตัวขึ้น แต่พอเธอแย้งก็ขยับกลับมาใกล้อีก คราวนี้ใบหน้าขาวคมอยู่ในระยะประชิดยิ่งกว่าเดิม “คุณวุ้นจะปฏิเสธผมเหรอครับ ไม่สงสารผมเหรอ” ภาสกรถามเสียงเศร้าสีหน้าไม่ดีเท่าไร “ตอนนี้ผมกำลังเคว้งนะครับ ต้องทำงานที่ใหม่ จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ถึงจะดูมีอนาคต แต่ผมอยากอยู่กับทุกคนเหมือนเดิมมากกว่า ในเมื่อผมยินดีย้ายบริษัทอย่างไม่มีปัญหา คุณวุ้นก็น่าจะใจดีกับผมบ้างสิครับ” พนิดารู้สึกผิดกับเรื่องที่ภาสกรต้องออกอยู่ไม่น้อย เธอเข้าใจเขา แม้จะเพียงย้ายไปอีกที่ ทว่าทุกคนยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีเพียงเขาที่ถูกเลือกให้ออกไป หากมองในอีกมุมก็น่าน้อยใจจริงๆ “ถือว่าเป็นการปลอบขวัญผมก็แล้วกันนะครับ” “ปลอบ?” เธอยังตามเขาไม่ทัน รู้ว่าอีกฝ่ายน้อยใจแต่จะให้ปลอบยังไง เขาเป็นผู้ชายตัวโตกว่าเธออีก จะให้ปลอบแบบเด็กๆ ก็คงไม่ได้ “ก็...รับเลี้ยงผม ให้ผมเป็นเด็กของคุณ” ดวงตาคู่คมพราวระยับเมื่อเอ่ยประโยคนี้ และมันก็ทำให้เธอใจกระตุก “สรุปเธออยากได้คนจ่ายตังค์? หรือว่า...” “คนรัก” ภาสกรต่อให้พร้อมใบหน้าขาวขยับมาชิด ปากได้รูปใกล้ปากอิ่ม สายตาเขาหลุบลงมองปากเธอ ใจสาวเต้นโครมคราม ได้แต่มองอีกฝ่ายนิ่งงัน ไม่กล้าขยับตัวเพราะเท่านี้จมูกอีกฝ่ายก็ชนจมูกเธอแล้ว ลมหายใจร้อนระอุด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางลอยวนเวียนราวกับชายหนุ่มกำลังแลกเปลี่ยนกับเธอ ปากอุ่นแตะบนปากเธอเพียงบางเบาก่อนที่เขาจะชะงักแล้วถอยกลับไปยืดตัวยืนตรง “วันนี้ผมไปส่งนะครับ” เธอยังมัวอึ้งกับสัมผัสแผ่วพลิ้วน้อยนิดอยู่ จึงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ขณะที่ชายหนุ่มจับต้นแขนเธอ “เชิญครับ” “อย่าดีกว่าจ๊ะ ซันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง จะไปส่งพี่ทำไม” ร่างบางยังไม่ยอมลุกจากเบาะตามที่เขาบอก “คุณไม่ยอมลง ผมก็แค่อุ้ม ไม่ยาก คุณวุ้นตัวเล็กนิดเดียวเอง” พร้อมคำพูดร่างสูงก็โน้มลงมาหาพนิดารีบยกมือห้ามทันที “ไม่ต้องๆ ลงก็ได้” สุดท้ายหญิงสาวก็จำต้องลงจากรถโดยมีคนตัวโตเดินประกบไปเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ “แล้วรถซันล่ะ” เธอถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อย “ฝากไว้ที่ร้านก่อนก็ได้ครับ” “จะดีเหรอ” “ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา” ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติ อีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม “ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ” “ทำไมเข้าซอยล่ะครับ” “ไปคอนโดพี่” “ครับ?” เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก “คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ” พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง “อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ” ‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’ “อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ” ‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’ “เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ” ‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’ “จ้ะ” หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ไม่อยากให้ซันต้องไปส่งไกล ก็เลยคิดว่าพักที่คอนโดนี่แหละ ซันจะได้กลับง่ายๆ” “คุณวุ้นมีคอนโดแถวที่ทำงานด้วยเหรอครับ” “จ้ะ แต่ไม่ค่อยได้พักหรอก ความจริงซื้อไว้กะจะให้เขาเช่า พอดีวินเขาขอซื้ออีกที่ต่อไปแล้ว ก็เลยไม่ปล่อยเช่าที่นี่” เธอเล่าไปโดยไม่ได้ใส่ใจนักขณะปลดเข็มขัดแล้วก้าวลงจากรถ ชายหนุ่มเองก็ตามลงมา “มานี่สิจ๊ะ เดี๋ยวพี่พาไปส่งข้างล่าง ที่นี่เข้าออกลิฟต์ต้องใช้บัตร แล้วก็จำกัดเฉพาะชั้นด้วย” มือบางจับข้อมือหนาให้เดินตามตนเองมาโดยไม่คิดมากนัก ไม่ทันรู้ตัวว่าสายตาคมมองมือเธอ แล้วเหลือบมองคนตัวเล็กที่เดินนำเขาเข้าลิฟต์ “คุณวุ้นครับ” “หืม?” พนิดาหันมองอีกฝ่าย สบกับตาคู่คมแล้วก็ต้องรีบหลบมองไปทางอื่นเพราะแวววิบวับในนั้น พอรู้ตัวว่าจับมือเขาอยู่ก็รีบปล่อย ทว่าจะกดลิฟต์อีกฝ่ายก็จับมือเธอเอาไว้ “ผมเหงา” ปากอิ่มเผยอค้างอีกครั้ง มึนงงกับสิ่งที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา แถมร่างสูงยังขยับมาใกล้จนเธอต้องถอยชิดผนังลิฟต์ “เอ่อ ซัน...” “ขอขึ้นไปห้องคุณวุ้นด้วยคนนะครับ” “ดะ...เดี๋ยวนะ...” “นะครับ” “พี่ว่าไม่ดี...” มือเธอโดนจับขึ้นไปกุมด้วยมือหนาทั้งสองข้าง หน้าขาวคมหม่นลงพร้อมพูด “ผมเหงาจริงๆ นะครับ คุณก็เห็นว่าผมไปเที่ยวทุกคืนวันศุกร์ แล้วที่ผมอาสาไปส่งคุณไกลๆ ก็เพื่อให้ตัวเองมีอะไรทำ ไม่ต้องกลับไปอยู่เหงาๆ ที่ห้อง อย่าทิ้งผมให้อยู่คนเดียวเลยนะครับคุณวุ้น” “ทำไมเหรอ ซันมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” เมื่อยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องแล้วพนิดาก็รู้สึกเหมือนเธอตัดสินใจพลาดอย่างไรชอบกล คนที่ทำหน้าตาน่าสงสารเมื่อครู่ดูไม่มีวี่แววของความหมองเศร้าแต่อย่างใด “ซันดื่มน้ำส้มก็แล้วกันนะ จะได้สดชื่นขึ้น ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็ทางนั้นนะจ๊ะ” เธอบอกพร้อมกับเดินไปทางห้องครัว ตั้งใจเลี่ยงอีกฝ่าย อยากใช้เวลาคิดสักหน่อย เพราะพอภาสกรเข้าใกล้แล้วเธอจะหัวโล่ง หรือไม่ก็มักจะคิดไม่ทันเขาบ่อยครั้ง กลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นชายหนุ่มที่โซฟา พอกวาดตามองรอบจึงเห็นร่างสูงกำยำไปยืนอยู่ตรงระเบียง พนิดาวางน้ำส้มสองแก้วลงก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกไปแล้วเอ่ยถาม “ว่าไงจ๊ะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” ภาสกรหันกลับมา ทว่าไม่ทันตั้งตัวเขาก็คว้าเธอไปกอด พนิดาตัวแข็ง ใบหน้าอีกฝ่ายซบลงแนบบ่าเธอ แต่เพราะรู้ว่าไม่ควรเธอจึงทักท้วง “เอ่อ ซัน...” “ผมอยากกอดคุณวุ้น อยากกอดตั้งแต่ที่ร้านนั่นแล้ว” “ทำไมต้องกอดล่ะ” แม้ถามเสียงเกือบจะราบเรียบ หากความจริงภายในอกเธอสาวหวิวหวั่นอยากมาก ทว่าพนิดาพยายามระงับจิตใจของตนอย่างเต็มที่ เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าอีกฝ่าย ต้องใจเย็น มีสติ ไม่อยากโวยวายต่อต้านให้ชายหนุ่มหงุดหงิดหรือโมโหขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรแปลกๆ หรือไม่ แม้ที่นี่จะเป็นห้องของเธอ แต่ชายหนุ่มแข็งแรงมากกว่า หญิงสาวพยายามเตือนตัวเองว่าแค่กอด ไม่มีอะไรมาก อย่าเพิ่งวิตกจนเกินไป “ไม่รู้สิครับ เห็นน้ำตาคุณวุ้นแล้วผมไม่อยากอยู่เฉยๆ คุณวุ้นร้องไห้ดูน่าทะนุถนอมน่าปลอบ” “ตอนนี้พี่ไม่ร้องแล้วนี่” “อืม...” อีกฝ่ายเพียงแค่รับคำสั้นๆ แล้วสูดหายใจแนบบ่าของเธอ ทั้งที่เขาไม่ได้แตะโดนผิวทว่าพนิดาก็รู้สึกวูบวาบ มือบางยกขึ้นผลักร่างหนาเบาๆ พร้อมพยายามตะล่อม “ซันปล่อยพี่ก่อนเถอะจ้ะ” “คุณวุ้น...” “จ๊ะ” “ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ” “เอ่อ...” “ผมอยากอยู่กับคุณ” “มันไม่ดีมั้งจ๊ะ” ทั้งที่ใจเต้นตึกตักและรู้สึกกลัวเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขอสิ่งที่ล่อแหลมเกินเหตุ แต่พนิดาก็ยังกัดฟันแย้งเสียงเบา พยายามสงบจิตสงบใจที่สั่นไหวระคนหวาดผวาของตน “ผมขาดความอบอุ่น” ชายหนุ่มก็พูดในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ คิ้วเรียวสวยขมวดด้วยความแปลกใจ “คุณวุ้นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น สบายใจ กอดแล้วอุ่นเหมือนกอดแม่ กลิ่นตัวหอมหวานละมุนๆ เหมือนกันเลย” “หา?” แขนกำยำกระชับยิ่งขึ้นราวต้องการยืนยันในสิ่งที่เขาบอก ขณะที่หญิงสาวชักสับสนขึ้นมาว่าตัวเองคิดมาก หวาดระแวงไปเองหรือเปล่า “แม่ผมเสียตั้งแต่เด็ก ผมเป็นลูกเมียน้อย อยู่ในบ้านที่ไม่มีใครสนใจ ตอนป่วยก็ต้องหายาหาข้าวกินเอง นอนห่มผ้าห่มบางๆ ได้แต่ฝันถึงอ้อมกอดของแม่” คนฟังใจหาย นึกสงสารชายหนุ่มจับใจ มือที่กำลังผลักอีกฝ่ายลดลง “แม่เสียคืนวันศุกร์ ผมถึงไม่ชอบอยู่คนเดียวในทุกคืนวันศกร์” ได้ยินแบบนี้ใจของพนิดาก็ห่อเหี่ยวจนสุดท้ายมือบางเริ่มขยับขึ้นไปโอบแผ่นหลังกว้างลูบเบาๆ สัมผัสบนแผ่นหลังที่รับรู้ได้ทำให้ภาสกรยิ้มมุมปากพอใจ ======
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม