เสียงมือถือของพนิดาแว่วขึ้นเบาๆ ร่างบางจึงขยับตัวเล็กน้อย
“มีคนโทรมา สงสัยคุณพ่อน่ะ”
ชายหนุ่มยอมปล่อยโดยง่ายเมื่อเธอเอ่ยถึงบิดา หญิงสาวรีบเลี่ยงอีกฝ่ายหันหลังกลับเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่มองหน้าเขา กลัวสีหน้ากับแววตาของตัวเองจะทำให้ภาสกรรู้สึกแย่ เพราะสงสารอีกชายหนุ่มจนไม่อาจเอ่ยปากบอกให้เขากลับไปได้ ขณะที่สมองบอกว่าการอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับผู้ชายในเวลากลางคืนมันอันตราย
แม้ผู้ชายคนนั้นจะอายุน้อยกว่าเธอเจ็ดปีก็ตาม
เมื่อหยิบมือถือในกระเป๋าแล้วก็เห็นว่าเป็นสายของบิดาจริง หญิงสาวก็รีบรับทันที
“ค่ะคุณพ่อ”
‘หนูกลับหรือยังวุ้น กินเลี้ยงกันเสร็จหรือยัง เห็นว่าเลี้ยงใกล้ๆ ที่ทำงาน เดี๋ยวจะดึกไปนะลูก พ่อห่วง’
พนิดาไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินเสียงของท่าน เหมือนแอบซ่อนเรื่องที่ทำผิดเอาไว้แล้วถูกถามเข้า เธออยากโทรกลับบ้านทันทีที่ถึงห้องแต่เพราะภาสกรตามมาทำให้ยังไม่ได้โทร
“คุณพ่อคะ วุ้นขอโทษค่ะที่โทรบอกช้า วุ้นเห็นว่าดึกแล้ว ไม่อยากขับรถไกลก็เลยจะขออนุญาตพักคอนโดน่ะค่ะ”
‘อ้าว อย่างนั้นเหรอ’
“อนงค์พักกับวุ้นด้วย คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ก็มาถึงคอนโดแล้วล่ะค่ะ”
พูดไปแล้วก็กัดริมฝีปาก รู้สึกผิดที่โกหกบิดา เรื่องอนงค์นางก็หนึ่ง แต่เรื่องที่แย่กว่าคือเจ้าของร่างสูงกำยำที่เดินตามเข้ามานี่แหละ สบตาคู่คมที่พราวขึ้นมาแล้วหญิงสาวก็ต้องส่งสายตาดุไปให้ เพราะเขามีส่วนทำให้เธอต้องโกหกบิดาด้วย
‘ถ้าถึงแล้วก็ดีแล้วลูก อนงค์มาอยู่ด้วยที่บ้านเขาจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม’
“ไม่ค่ะ อนงค์บอกว่าพี่ชายกับหนูนิดตื่นสาย เขาออกไปช่วงเช้าหน่อยก็ได้ค่ะ”
‘อืม จริงๆ หนูน่าจะบอกพ่อก่อน พ่อจะได้ให้ชิตไปรับ’
“แบบนี้ง่ายดีออกค่ะ แล้วก็อุตส่าห์ซื้อคอนโดไว้ ไม่ได้พักบ่อยเสียดายเงินแย่เลย”
‘พ่อบอกแล้วว่าให้ปล่อยเขาเช่าไป หนูก็ยังเก็บไว้’
“บางวันวุ้นก็เหนื่อย ไม่อยากขับรถไกลน่ะค่ะ”
‘เอาเถอะ นานๆ พักทีก็ไม่เป็นไร มีเพื่อนอยู่ด้วยพ่อก็สบายใจ’
“ค่ะ”
บิดาถามว่าพรุ่งนี้จะกลับเมื่อไร พอเธอตอบไปว่าตอนเช้าท่านก็น้ำเสียงดีขึ้นแล้ววางสายไป
“หยุดยิ้มเลยนะ พี่ต้องโกหกคุณพ่อเพราะใคร”
เมื่อหันไปเห็นภาสกรยืนล้วงกระเป๋ายิ้มบางเธอก็อดบ่นไม่ได้ อีกฝ่ายจึงหุบยิ้มทันที
“ขอโทษครับ แค่รู้สึกว่า คุณวุ้นเป็นเด็กดีจังเลย”
ร่างบางถอนหายใจนั่งลงอย่างเซ็งๆ ขณะที่ร่างสูงเองก็มานั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“น่ารักดีครับ”
ประโยคต่อมาของชายหนุ่มทำให้เธอนิ่งไป แต่ก็ไม่ได้หันมองเขา ทำเหมือนไม่ได้ยิน หยิบแก้วน้ำส้มมาจิบแทน
“ว่าแต่ ซันออกไปเที่ยวทุกคืนเลยเหรอ”
พนิดาชวนคุยเรื่องของชายหนุ่ม แม้ไม่แน่ใจว่าภาสกรจะยอมเปิดเผยเรื่องส่วนตัวเพิ่มอีกหรือไม่ แต่เขาบอกเธอมาถึงขนาดนี้ ไม่ถามก็ดูไม่ไยดีเกินไป
“ครับ”
อีกฝ่ายยอมรับโดยดี ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจใดๆ ที่เธอถามเขา
“ผมไม่ชอบอยู่คนเดียววันศุกร์ ไม่ชอบเวลากลางคืนของมัน ผมนอนไม่ได้ มันทำให้ผมฝันร้าย ต้องหาอะไรทำ”
“อย่างไปเที่ยว แล้วก็หาคนนอนด้วย”
เธอเอ่ย กึ่งถามกึ่งต่อประโยคของชายหนุ่ม ซึ่งภาสกรก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“มันคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ว่า ผมจะใช้ชีวิตในคืนที่ไม่ชอบได้อย่างราบรื่น”
“ทำแบบนี้มานานหรือยัง”
“ตั้งแต่เข้าผับได้นั่นแหละครับ”
พนิดาฟังแล้วนึกสะท้อนใจไม่เห็นด้วยกับทางเลือกของชายหนุ่ม แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้าเกรงว่าภาสกรอาจไม่พอใจ หากเธอไปสงสาร เห็นใจ หรือสมเพชการใช้ชีวิตในแบบของเขา
“แล้ว...ทำไมอยู่ๆ ถึงอยาก...”
“เป็นเด็กคุณ”
ตาคู่คมที่สบกับเธอพร้อมพูดนั้นดูจริงจัง
“อยากอยู่ใกล้คุณวุ้นนี่ครับ ผมบอกไปแล้วว่าคุณน่ารัก นิสัยคุณวุ้นต่างจากที่ผมเคยคิดไว้มาก ใจดี อ่อนโยน อ่อนไหวง่ายด้วย คุณรักพนักงานของคุณทุกคน หาทางออกให้กับพวกเรา ไม่ได้ลอยแพหรือไม่สนใจ แล้วผมก็ได้เห็นมุมอ่อนแอต้องการคนปกป้องของคุณ หลายอย่างในตัวคุณทำให้ผมสนใจ ที่สำคัญผมรู้สึกอบอุ่น สบายใจเวลาคุยกับคุณ แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน น่าแปลกทั้งที่เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร”
ชายหนุ่มสรุป ทว่าพนิดาฟังอีกฝ่ายจบแล้วก็หน้าหมองลง
“ซันชมพี่เกินไปแล้ว เรื่องทุกคนถ้าไม่ได้วิน พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พี่ทำได้แค่ก้มหน้าทำตามที่บอร์ดสั่ง เพราะวินช่วยคิดหาทางออก พี่ถึงตัดสินใจได้ กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบโดยไม่อยู่ใต้ปีกของคุณพ่อ”
“คุณวุ้นเจ็บปวดเสียใจ คุณดูเครียดแล้วก็...”
“โทรมมาก”
ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว
“แล้วคุณก็ตั้งใจบอกทุกอย่างกับพวกเราให้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ปิดบัง แล้วรอให้รู้เมื่อถึงเวลา คุณใจไม่แข็งพอที่จะทำร้ายจิตใจคนของตัวเอง นี่ไงครับ ที่ผมบอกว่าคุณรักพวกเรา”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาถูกทั้งหมด เธอเสียใจจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ สภาพไปทำงานของเธอดูไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติแล้วพนิดาจะมาดเนี้ยบ วางตัวน่าเชื่อถือ แต่ตอนนั้นเธอไม่สนใจแม้แต่จะแต่งหน้าด้วยซ้ำ
น้ำในตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้ว่าสามสาวคนสนิทมองออกและเข้าใจเธอดี แต่ไม่เคยคิดว่าภาสกรที่เป็นพนักงานที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อจะสังเกตท่าทางของเธอ หญิงสาวพยายามกะพริบตาพร้อมยิ้มบาง
“พี่ดีใจที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่บอกตามตรงว่าไม่สบายใจอยู่เหมือนกันที่ซันต้องย้าย ถึงจะพยายามหาเหตุผลต่างๆ นานามาบอกตัวเองกับทุกคน ลึกๆ แล้วพี่ก็ยังรู้สึกไม่ดีที่ปกป้องซันไม่ได้ พี่ไม่อยากให้ซันน้อยใจ อย่าโกรธพี่เลยนะ อย่างน้อยมันก็เป็นทางเลือกที่เหมาะกับซัน”
เสียงหวานเครือเล็กน้อย ทำให้ร่างสูงกำยำลุกขึ้นจากโซฟาของเขามานั่งลงข้างเธอ พนิดาจะขยับออกห่างแต่อีกฝ่ายจับมือเธอเอาไว้
“ผมเข้าใจครับ แต่ว่า...”
ใบหน้าขาวคมเลื่อนเข้ามาหาทำให้เธอต้องเอนตัวหลบ หากชายหนุ่มก็ยังเว้นระยะห่างให้เธอบ้าง
“คุณวุ้นต้องปลอบผม อยู่กับผม...เลี้ยงผม”
ฟังมาถึงคำสุดท้ายพนิดาก็หลุดขำออกมา ก่อนจะพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“อ๋อ ที่อยากให้เลี้ยงเพราะพี่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนแม่น่ะเหรอ อุ๊ย...”
ร่างสูงกำยำโน้มมาคร่อมเหนือตัวเธอกะทันหัน ขณะที่พนิดาเอนถอยจนหลังพิงมุมโซฟา ดวงหน้าสวยซีดลงเมื่อใบหน้าขาวคมอยู่ใกล้เพียงช่วงลมหายใจ
“ครับแม่...แม่คุณทูนหัว”
พูดจบปากอุ่นก็ประกบลงมาหาปากอิ่มแต่หญิงสาวเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มเท้ามือบนโซฟา ไม่ได้ล็อกหน้าเธอเอาไว้จึงพอหลบเขาได้บ้าง หากอีกฝ่ายก็ไล่จูบแก้ม คาง ลำคอ ซุกไซ้ปากกับจมูกในทุกจุดที่สามารถประทับจูบแล้วสูดดมความหอมบนเนื้อสาวได้
“อื้อ อย่านะซัน อย่ามือไวใจเร็วกับพี่นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่คุยกับซันอีก”
ภาสกรชะงัก หักห้ามใจจากกลิ่นหอมละมุนน่าหลงใหล ในใจยังก้ำกึ่งระหว่างเดินหน้าต่อกับยอมถอย เพราะรู้ดีว่าหากเขาจะก้าวต่อไปพนิดาไม่มีทางหลุดรอดมือแน่ ทว่าเขาไม่อยากหักหาญเจ้าของร่างบางที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับหัวใจของเขา ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสะกดอารมณ์ของตัวเอง
ในเมื่อบอกว่าจะจีบเขาก็จะทำตามนั้น
พนิดาอ่อนด้อยประสบการณ์รัก ห่างไกลจากเขาชนิดที่เดินคนละเส้นทางเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เขารู้จักโลกของกามารมณ์ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ทว่าหญิงสาวกลับเพิ่งก้าวออกจากอ้อมอกของพ่อไปเที่ยวกลางคืนในคืนที่เขาบังเอิญช่วยเธอเอาไว้ หญิงสาวบริสุทธิ์เกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ
ทว่าความผุดผ่องของเธอกลับให้ความอบอุ่นอ่อนโยนกับจิตใจเขา แค่เขากอดพนิดาเพียงนิดเดียวเมื่อครู่ ยังอุ่นใจกว่านอนกอดสาวหลังฟัดกันมันหยดไปแล้วหลายชั่วโมง อ้อมอกอวบๆ ของสาวคนอื่นที่ผ่านมาเทียบไม่ได้เลยกับอ้อมอกอุ่นของพนิดา
“คุณวุ้นอย่าใจดำกับผม อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
ภาสกรอ้อน มั่นใจว่าลูกไม้นี้ใช้กับหญิงสาวได้ พนิดาใจอ่อน อ่อนมากเกินไป แต่ก็เป็นผลดีกับเขา
“ถอยออกไปก่อน”
“บอกมาก่อนว่าคุณวุ้นไม่โกรธผม”
พนิดาเหลือบมองคนดื้อแล้วก็ถอนหายใจ หากก็รู้ว่าการไม่ต่อต้านจะเป็นผลดีกับตัวเอง
“จ้ะ ไม่โกรธ”
เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ยิ้ม แต่แทนที่จะถอยห่างในทันที เขากลับจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มเธอครั้งหนึ่ง
“จุ๊บ”
คนที่กำลังโล่งอกคิดว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังถึงกับอึ้งไป หากร่างสูงกำยำก็ขยับออกอย่างที่รับปาก มือสองข้างยกขึ้นข้างลำตัวให้รู้ว่าเขาเชื่อฟัง ทว่าไม่ได้ไปไกลนักทำให้ดวงตาคู่สวยยังมองอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนลามไปจนถึงลำคอ
“เอาล่ะ ในเมื่อซันพูดเรื่องที่คงไม่อยากบอกใครกับพี่ พี่ก็จะถือว่าซันไว้ใจพี่ พี่ก็จะไว้ใจซัน เราจะคุยกันอย่างตรงไปตรงมา”
ไม่ใช่ว่าเธอสนใจเรื่องที่ชายหนุ่มขอหรอกนะ ทว่าพนิดาไม่อยากปฏิเสธอีกฝ่าย อาจเพราะสงสารและไม่อยากให้ภาสกรออกไปเที่ยวแก้เหงาแบบนั้น มันไม่ใช่วิธีแก้ไขที่ดีนัก เธออยากช่วยให้เขาจัดการกับความรู้สึกไม่ดีที่ฝังใจแม้จะยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แม้จะไม่สนใจก็ได้ในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรถูกผิด แต่เธอกลับไม่อยากดูดายเพราะชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอด้วยความไว้วางใจ เธอทิ้งเขาไม่ลง
ภาสกรพยักหน้ารับ เรื่องที่เล่าให้อีกฝ่ายฟัง เขาไม่ได้โกหก และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดเปิดอกกับใครสักคน แบบที่อยู่ๆ ก็อยากบอกอยากเล่า อยากเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว
“แล้วตกลงอยากให้พี่เลี้ยง? แบบไหน?”
พนิดากัดฟันข่มใจถาม เธอยังไม่แน่ใจกับจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายต้องการ ตกลงเขาเห็นว่าเธออบอุ่นเหมือนแม่จนอยากมีพี่สาวพูดคุยอยู่เป็นเพื่อนในวันที่เหงา หรือว่าในแบบอื่น?
“แบบแม่คุณทูนหัว”
ภาสกรตอบย้ำคำเดิมชัดเจน ตาคู่คมมองเธอด้วยแววล้ำลึกชวนวาบหวิวจนต้องหลบตาเขา ทั้งเขินทั้งอาย อยู่ๆ จะให้เธอเลี้ยงผู้ชายทั้งคน ใครจะไปกล้า เพื่อนของเธอที่มีเด็กเพราะเขาไม่สามารถคบผู้ชายด้วยกันอย่างจริงจังออกหน้าออกตาได้
“พี่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไรจะเลี้ยงผู้ชายตัวโตอย่างเธอ”
“เลี้ยงผมไม่ต้องใช้เงินหรอกครับ”
“แล้วใช้อะไร”
ถามไปแล้วก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจข้างแก้ม ร่างสูงกำยำโน้มมาชิดอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้เธอไม่กล้าหันไปมองเขา
“ใช้หัวใจครับ”
เสียงทุ้มข้างหูกับลมหายใจร้อนระอุทำให้พนิดารู้สึกราวตัวเองกำลังเป็นเม่นพองขนอย่างไรอย่างนั้น เนื้อตัวสั่นขนลุกซู่เลยทีเดียว
“แต่ผมรู้ว่ายังไงก็คงไม่ได้หัวใจของคุณวุ้นง่ายๆ เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ก็ขอเป็นจูบหวานๆ ชโลมใจแทนไปก่อนก็ได้ครับ”
“คือว่าพี่...”
“คุณวุ้นไม่เก่ง ไม่เคย ผมรู้ครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“หรือคุณวุ้นเคย?”
เสียงทุ้มเข้มขึ้นราวไม่พอใจ หากคนฟังก็นึกฉุนเช่นกันที่เขาถามเรื่องแบบนี้กับเธออย่างน่าไม่อาย แต่เธออายที่จะพูดถึงมัน
“นี่ซัน ถ้าอยากให้พี่คุยด้วย ก็อย่าพูดเรื่องพวกนี้”
ภาสกรมองออกว่าหญิงสาวเริ่มขุ่นใจตนเองแล้ว
“ไม่พูดก็ได้ครับ ทำเลยดีกว่า”
พูดจบร่างสูงกำยำก็ขยับมาประชิด แขนเขากอดรัดร่างบางทันที ใบหน้าขาวคมเคลื่อนลงมาจนปากได้รูปแนบกับปากอิ่มรวดเร็ว ไม่ให้หญิงสาวหลบเลี่ยงได้ทัน
ดวงตาคู่สวยขยายแล้วชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ปากกระด้างจูบซับบนกลีบปากเธอแผ่วละมุน เฝ้าและเล็มลิ้มชิมทีละนิดราวกลัวชอกช้ำ พนิดามองใบหน้าขาวที่ขยับไปมาในระยะใกล้ แต่เธอแทบมองไม่เห็นสิ่งใดด้วยสายตาแทบโฟกัสอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของตนซึ่งกำลังถูกรุกราน ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้รุนแรง จูบจากภาสกรนุ่มนวลชวนละลายเหมือนเธอกำลังถูกลนด้วยเปลวเทียนวูบวาบอ่อนแรง ที่ให้แสงเพียงน้อยนิดแต่ก็ทำให้ภายในห้องอันมืดมนสว่างอบอุ่นนวลตา
คนจูบไม่ได้คิดกล้ำกรายไปมากกว่านี้ เพียงอยากเชยชมปากอิ่มสีสวยลิ้มลองความหวานน้อยนิด ในเมื่อเขาเฝ้ามองเวลาที่เจ้าตัวเผยอหรือขยับพูดอย่างสะกดตนเองมานานแล้ว ได้ชิดใกล้กันขนาดนี้ภาสกรก็อยากได้น้ำทิพย์รินรดหัวใจบ้าง ถึงจะเอาแต่ใจไปหน่อยและรู้ว่าหญิงสาวต้องไม่พอใจตน แต่เขาก็มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนผ่อนปรนให้เขาได้
รอยย้ำประทับบนปากกลีบปากหยุดนิ่ง ตาคมเข้มที่ปิดอยู่เปิดขึ้นมาสบกับเธอนั่นทำให้พนิดานิ่งงัน กระแสอารมณ์ลึกซึ้งกรุ่นจนรับรู้ได้ชัดเจนทำเอาใจเธอเต้นระรัว ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ผละออกเพียงเล็กน้อย ทั้งที่เนื้อตัววูบวาบไปหมดทว่าหญิงสาวก็รีบดึงความคิดของตนกลับมาโดยเร็ว
“ทำไมซันทำแบบนี้ พี่ยังไม่ตกลงนะ”
“ผมหลงคุณวุ้นจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คุณวุ้นอย่าใจร้ายเลยครับ”
ใบหน้าสวยส่ายเบาๆ สีหน้าไม่สบายใจ
“แต่มันไม่เหมาะ”
“เรื่องหัวใจ ต้องใช้หัวใจคิดครับ ถ้าใช้สมองคุณวุ้นจะไม่มีวันรู้ใจตัวเอง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ก็ไม่เคยมองเธอในแง่อื่น”
เธอหมายถึง ‘ชู้สาว’ แต่ไม่กล้าพูดออกไป
“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปไม่แน่ ให้เวลาผมสิครับ รับรองคุณวุ้นจะรักเด็กในปกครองคนนี้มากแน่นอน”
อีกฝ่ายพูดทั้งที่หน้ายังใกล้กันเพียงช่วงลมหายใจ แววตาบ่งบอกความมั่นใจทั้งยังเต็มไปด้วยความแพรวพราวพาให้ใจสาวสั่นไหว หากไม่เพราะภาสกรอายุน้อยกว่าเธอคงจิตใจเอนเอียงตามเขาไปไม่น้อย ทว่าด้วยความที่อายุห่างกันหลายปีทำให้เธอคิดว่าชายหนุ่มคงใจร้อน ใจเร็วด่วนได้ตามประสา ยิ่งอะไรที่ถูกใจโดนใจยิ่งอยากได้มาครอบครอง ไม่นานนักพอได้อยู่ใกล้เธออย่างที่ต้องการ ชายหนุ่มอาจหมดความหวือหวาความน่าสนใจไปเอง
“ซันพูดว่าจะจีบพี่ เพราะฉะนั้นก็ใช้ความพยายามของซัน อย่าใช้วิธีนี้ อย่าบังคับพี่ด้วยกำลัง”
เธอพยายามจ้องตอบภาสกรอย่างจริงจัง แม้ในใจจะหวิวหวั่นไม่น้อยกับความชิดใกล้ระหว่างกัน แต่เธอยังไม่ปักใจเชื่อว่าความรู้สึกสนใจเธอของอีกฝ่ายจะมั่นคง เวลาผ่านไป ช่องว่างระหว่างวัยที่มีก็คงเปลี่ยนใจของชายหนุ่ม
ภาสกรนิ่งคิดไม่นานก่อนจะถอนหายใจ
“ได้ครับ เอาเป็นว่าผมจะขอก่อนแตะตัวคุณ แต่ว่า...คุณวุ้นต้องสัญญาว่าคุณจะใช้หัวใจตัดสินใจเรื่องของเรา”
พนิดายังไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะเบื่อเธอ หรือเลิกสนุกกับการตอแยเธอเมื่อไร อย่างน้อยตอนนี้ภาสกรก็ยอมฟังเธอ และเขาคงอยากมีใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจ ในที่สุดเธอก็ยอมตอบรับเขาไป อย่างไรเสียตนเองก็จะไม่ยอมให้เขาแตะต้องเนื้อตัวได้ตามใจ ยังไงก็ต้องอยู่ในลิมิตที่เธอยอมรับได้
======