ตอนที่01 คืนวันไนท์
ทำลูกเป็นมั้ยคะ…
ทำลูกให้หน่อยได้มั้ย…
หอมจัง...
กลิ่นหอมสะอาดแบบนี้นี่มันกลิ่นอะไรกันนะ ไม่คุ้นเลย
เดี๋ยวนี้เป็นเอามากถึงขั้นฝันเห็นผู้ชายเลยหรือเนี่ยเรา
หลังจากนับพรสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ดวงตาคู่สวยไล่มองไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับใบหน้าคมที่บอกได้เลยว่าเจ้าของดวงหน้านั้นหล่อเข้าขั้นเทพมากกว่าที่นับพรเคยพบมา ริมฝีปากหนาได้รูปชวนหลงใหล จนเจ้าตัวอดรู้สึกไม่ได้ว่าภาพฝันตรงหน้านี้นั้นช่างเหมือนมีตัวตนอยู่จริง
‘มีตัวตนอยู่จริงงั้นเหรอ เดี๋ยวนะ...’
นับพรยั้งมือของตนไว้ไม่ทัน จึงทำให้เผลอไปสัมผัสดวงหน้าคมที่กำลังหลับสบายอย่างมีความสุขที่อยู่ตรงหน้า จนหน้าหล่อขยับเล็กน้อยเมื่อถูกกวนขณะหลับ
เฮ้ย! นี่มันคนจริงๆ นี่หว่า อย่าบอกนะว่าเราทำมันจริงๆ
‘ตายแล้วนับพร แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ’ เธอต่อว่าตัวเองในใจ เนื่องจากไม่อยากส่งเสียงออกไปเกรงว่าจะทำให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมา
ภาพทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนค่อยๆ ฉายชัดเจนขึ้นในหัวจนใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อกับเรื่องน่าอาย ที่เจ้าตัวได้ทำลงไป
ตอนนี้นับพรยังไม่พร้อมจะสู้หน้าชายหนุ่มตรงหน้าจริงๆ
ร่างบางค่อยๆ ลุกลงจากเตียง พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุดด้วยกังวลว่าคนข้างกายจะตื่นขึ้นมาก่อนที่เธอจะทันได้หายตัวไป
“ซี๊ด... เจ็บ”
ไม่ทันลุกได้ถนัด เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบทั้งรู้สึกหน่วงๆ ตรงช่วงล่างอย่างบอกไม่ถูก นับพรอดทนกับความแปลกแปลบนั้น แล้วค่อยๆ ลุกไปจัดการกับตัวเอง
ในขณะที่รีบแต่งตัว เก็บข้าวของเพื่อจะรีบออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด แต่สายตาเหลือบไปเห็นเงินวางอยู่บนกระเป๋าเป้ใบเล็กใบสวยของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ข้างหัวเตียงอีกที
“รวยมากสินะ วางเงินทิ้งเรี่ยราดแบบเนี๊ย เดี๋ยวก็เก็บใส่กระเป๋าไปซะเลยนี่” คนสวยบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วรีบออกจากห้องสวยหรูนั้นไป โดยที่ไม่ได้หยิบเงินบนกระเป๋าไปอย่างที่พูด
พอออกมาจากโรงแรมมาแล้ว นับพรเดินไปเอารถที่จอดไว้ยังฝั่งของผับ ก่อนจะโทรหาเพื่อนรักทันทีด้วยความเป็นห่วง
เมื่อคืนเธอเป็นคนขับรถไปรับเพื่อนมาด้วย แล้วตกลงกันว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะขับกลับให้ แต่สุดท้ายกลายเป็นนับพรทิ้งให้เพื่อนกลับเอง
ตรู้ด ตรู้ด ...
“แกหายไปไหนมาวะนับ เมื่อคืนฉันออกไปคุยโทรศัพท์แค่แป๊บเดียวเองนะ กลับมา แกก็ไม่อยู่แล้ว” ไข่มุกรับสายเพื่อนคนสวยทันทีที่สัญญาณดังเพียงแค่ 2 ครั้ง
“กะ ก็... ไม่มีอะไรหรอกแก เมื่อคืนเมามากไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ไปตื่นอยู่ที่ห้องแล้ว” นับพรตอบเสียงตะกุกตะกัก ด้วยว่าไม่รู้จะบอกกับเพื่อนยังไงดี
จริงอยู่ที่ไข่มุกเองก็รู้เรื่องที่นับพรตั้งใจจะทำแต่เพื่อนรักของเธอก็ดูจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไรเพราะเป็นห่วงกลัวว่าอาจจะมีปัญหาตามมา
“แกแน่ใจนะว่าไม่มีอะไร”
“แน่ใจดิ ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปมีเรื่องล่ะ เมาขนาดนั้น กลับห้องถูกนี่ก็นับว่าบุญหัวแล้วปะวะ ว่าแต่แกเถอะ เมื่อคืนกลับไง ฉันขอโทษนะที่กลับมาก่อนน่ะ”
“เออๆ ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกฉันไม่ได้เมาขนาดแก แค่แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ไข่มุกชั่งใจอยู่เพียงชั่วอึดใจจึงตัดสินใจพูดออกมา
“แก... ฉันกลัวใจแกจริงๆ นะ กลัวว่าแกจะไปทำอย่างที่พูดจริงๆ อะ” ฝันที่นับพรจะไปทำลูกกับคนแปลกหน้า “อย่าเลยนะแกเชื่อฉันเหอะ ถ้ามันจะมีเดี๋ยวถึงเวลาก็มีเองแหละ”
“แต่นี่เราก็25กันแล้วนะเว้ย อีกอย่างฉันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้เวลาเห็นแม่เล่นกับเด็กๆ แถวบ้าน เล่นกับหลานๆ ที่บ้านน่ะ ฉันรู้นะเว้ยว่าแม่แกอยากมีหลานแต่แกดันมามีลูกคนเดียวแบบฉันที่ยังเป็นแบบนี้อีก”
กลัวความรัก...
“เอาน่าแก อย่าเพิ่งคิดมาก ว่าแต่สรุปวันนี้เอาไงจะกลับไปบ้านหาแม่เลยไหมหรืออาทิตย์นี้จะไม่ไป” ไข่มุกเอ่ยถามเพื่อนคนสวยเพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเธอนั้นจะกลับบ้านแทบทุกอาทิตย์ด้วยความเป็นห่วงแม่
“ไปสิแก ไม่ไปเดี๋ยวคุณหญิงเขาจะน้อยใจเอา หลานก็ไม่มีปัญญามีให้เขาก็ต้องเสนอหน้าตัวเองเนี่ยแหละไปให้เขาเห็นบ่อยๆ งั้นเดี๋ยวฉันขับรถก่อนนะแก ไว้ค่อยคุยกัน”
“เคแก ขับรถดีๆ นะ”
หลังจากวางสายเพื่อนรัก นับพรจึงขับรถกลับไปที่ห้องทันทีเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
คนสวยเก็บของไปพลางคิดถึงเรื่องที่เธอคุยกับเพื่อนรักก็อดที่จะรู้สึกแย่ไม่ได้
เธอกลัวความรัก จึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะคบกับใครจริงจังจนถึงขั้นแต่งงานมีลูก มีหลานให้แม่
ครอบครัวของเธอเหลือกันเพียงสองคนแม่ลูกส่วนพ่อของเธอเสียไปนานแล้วด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
นับพรเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แม้เธอจะมีลูกพี่ลูกน้องและทุกคนต่างก็มีลูกๆ กันแล้ว ทำให้ครอบครัวของเธอดูไม่เงียบเหงาสักเท่าไร หลานๆ เองก็เป็นเด็กน่ารักทุกคนและแม่ของเธอก็รักและเอ็นดูหลานๆ มาก
แต่เธอรู้ดีว่าแม่ของเธอยังคาดหวังลูกที่จะเกิดจากเธอด้วย อีกทั้งตัวของนับพรเองก็อยากที่จะมีลูกเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน
หากแต่ความรักครั้งเก่าที่ผ่านมาทำให้เธอเจ็บปวดและเสียหลักกับชีวิตไปพักใหญ่ กว่าเธอจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองและมีความสุข มีเสียงหัวเราะแบบนี้ได้อีกก็ใช้เวลาเป็นปี
หลังจากกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งนับพรบอกกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายหัวใจของเธอได้อีก
ครั้งนั้นที่เธอเสียใจไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ทุกข์ใจ แต่แม่และพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ของเธอเองก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน ทุกคนต่างเป็นห่วงเธอซึ่งเธอเองก็รู้ดี
และคนเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้เธอกลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง
**ต่อให้ฉันหวั่นไหว ฉันก็ไม่บอก
จะไม่บอกเธอว่ารัก ฉันไม่บอก
เธอไม่ต้องมา งอแง รักเธอ ก็ไม่บอก
ว่าเธอคือคนในฝัน ฉันไม่บอก
เธอไม่ต้องมา วอแว ไม่ต้องเลย**(เพลง วอแว // ศิลปิน วอร์ วนรัตน์ รัศมีรัตน์)
เสียงเพลงเรียกเข้าของนับพรดังขึ้นพร้อมหน้าจอขึ้นชื่อของคนที่ทำให้เธอเห็นแล้วต้องยิ้มหวานออกมา ‘หญิงแม่’
“สวัสดีค่ะ นับพร โสภณวัฒน์ รับสายค่ะ สอบถามข้อมูลด้านไหนดีคะ” นับพรรับสายเลียนแบบพนักงานคอลเซนเตอร์ตามสายงานที่เธอทำอยู่
“ก็จะถามแค่ว่ากลับบ้านหรือเปล่าคะ หรือว่าลืมไปแล้วว่ายังมีแม่อยู่” คนเป็นแม่ตอบกลับลูกสาวคนสวยแบบเดียวกับที่ลูกสาวเธอพูดมาเช่นกัน
“หูย แรงอะ ได้ข่าวว่าลูกสาวกลับบ้านแทบทุกอาทิตย์หรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่เคยโทรมาบอกใครจะไปรู้ละคะว่าอาทิตย์นี้จะกลับไหม หลานถามหาหลายรอบแล้วไปรับปากอะไรไว้ล่ะ นี่ก็ตื่นมารอกันแต่เช้าแล้ว”
“ก็แค่บอกว่าถ้าวันหยุดนี้ตื่นเช้าได้ก็จะพาไปเที่ยว ใครจะไปรู้ว่าจะตื่นกันได้จริงๆ เห็นปกติวันหยุดทีไรนอนดึกตื่นสายกันตลอดนี่คะ นี่หนูใกล้ถึงแล้วค่ะ แม่จะฝากซื้ออะไรเข้าไปไหม” นับพรเอ่ยถาม เพราะแม่ของเธอชอบฝากซื้อของเข้าร้านทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน
บ้านของเธอเป็นร้านค้าขายของชำในหมู่บ้าน ขนาดร้านไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็พอที่จะจุนเจือครอบครัวได้
“ยังไม่ต้องหรอก ไว้มาเช็กของก่อนแล้วค่อยออกไปซื้อตอนพาหลานๆ ออกไปเถอะ ดูแล้วยังไงวันนี้ก็ไม่ยอมอยู่บ้านกันแน่ๆ ขับรถดีๆ ล่ะ”
“รับทราบค่าาา”
ร่างหนาพลิกตัวเล็กน้อยเพื่อหลบแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านเข้ามา ภคิณค่อยๆ ลืมตาตื่น มองซ้ายทีขวาทีแต่ก็ไม่พบสาวสวยที่เขานอนกกกอดข้างกายเมื่อคืน
เขาจะไม่แปลกใจเลยหากมันเป็นเช่นทุกครั้งที่ตื่นมา
คนที่ลูกน้องเขาหามาให้ส่วนใหญ่ หลังเสร็จกิจแล้วก็จะพบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่มีเบอร์โทรหรือช่องทางติดต่ออื่นๆ วางไว้ กับเงินที่หายไป ค่าแรงที่เขาตั้งใจทิ้งไว้ให้
ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป ไม่มีกระดาษโน้ตทิ้งไว้ก็ยังไม่แปลกใจเท่าเงินที่วางไว้อยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ไหนจะความสดใหม่ของร่างกายนั้นที่เขารับรู้ได้ทันทีที่ได้ครอบครอง ไม่มีของอื่นใดหายไปเลยนอกจากร่างเล็กที่เขาได้ตักตวงความสุขไปเมื่อคืนนี้
“เธอไม่เห็นเหรอวะ ก็วางไว้บนกระเป๋าขนาดนั้น ไม่เห็นก็ตาบอดแล้วไหม”
ภคิณบ่นกับตัวเองเมื่อเห็นเงินยังวางอยู่บนโต๊ะ จะให้คิดว่าเธอไม่เห็นก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเขาวางเงินก้อนนั้นไว้บนกระเป๋าเธอด้วยซ้ำ แค่เธอหยิบกระเป๋าตัวเองไปยังไงก็ต้องเห็น
ก่อนจะกดต่อสายหาเลขาคนสนิท จะบอกว่าเป็นเพียงลูกน้องก็คงไม่ได้หากแต่ยังเป็นเพื่อนคนสนิทของเขาด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับมีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับคุณชาย ต้องการเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มหรือเปล่าครับ” แทนไทรับสายเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เขาเองก็รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนเจอสาวถูกใจถึงขั้นพาขึ้นไปนอนด้วยที่ห้องพักส่วนตัวที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ทั้งที่ปกติแล้วภคิณจะไปเปิดโรงแรมอื่นแถวๆ นั้นหรือไม่ก็เปิดห้องใหม่แทน
“ภคิณไหมมึง เป็นเพื่อนกันมากี่ปีชื่อกูมึงยังเรียกไม่ถูกอีก กูตัดเงินเดือนดีไหม” ภคิณกวนกลับเมื่อถูกเพื่อนเย้าแหย่มาแบบนั้น
“เออๆ ว่าแต่ที่โทรมานี่เสร็จธุระกับคนสวยเมื่อคืนแล้วไงวะถึงโทรมาได้”
“กูโทรมาเรื่องนี้แหละ มึงพอจะรู้ไหมว่าผู้หญิงคนเมื่อคืนเป็นใคร อยู่ที่ไหน กูตื่นมาก็ไม่เจอแล้วว่ะ” ภคิณเอ่ยถามเพราะคิดว่าเลขาของเขาอาจมีข้อมูลของหญิงสาวอยู่บ้าง
“มึงก็ลองหาดูโน้ตแถวนั้นดูสิวะปกติกูเห็นสาวๆ ของมึงทิ้งไว้ให้ตลอด จะโทรถามกูเพื่อ?” แทนไทตอบกลับกวนๆ
“ก็ถ้ามีกูจะโทรหามึงไหม เป็นเลขาภาษาอะไรวะ ไม่มีข้อมูลของคนที่หามาให้เจ้านายตัวเอง เกิดเป็นคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายกูจะทำไงวะ” ภคิณบ่นไม่จริงจังนัก เลี่ยงที่จะตอบในความสงสัยของเพื่อน
“คนนี้ไม่ใช่คนที่เด็กๆ เราหามานะเว้ย ตอนแรกก็กำลังไปเรียกมาให้นั่นแหละ แต่พอกลับมาก็เห็นมึงอยู่กับเจ้าหล่อนอยู่แล้วก็เลยไม่ได้เข้าไปกวน มึงรอแป๊บ เดี๋ยวรีบเช็กให้” แทนไทวางสายไปทันทีเพื่อรีบตรวจสอบ
ถ้าถึงขั้นโทรมาถามหาแบบนี้เขารู้ได้ทันทีว่าเพื่อนเขาต้องสนใจเอามากๆ แน่ เหลือไว้แต่ชายหนุ่มที่นั่งคิดถึงสาวปริศนาที่หายไป
‘เธอเป็นใครกันนะ’