EP.1
ณ. คอนโด
“แจนมึงตื่นได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะ จะสายแล้วนะมึง” เสียงของยัยมีน เพื่อนรูมเมทของฉัน เรียกฉันตื่นจากภวังค์ที่กำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่ ร่างกายของฉันเหยียดตรงบนฟูกนอนหนาอันแสนนุ่มสบาย บิดซ้ายขวา ด้วยความขี้เกียจก่อนเอ่ยไปด้วยความหงุดหงิด
“กูไม่มีเรียนเช้า มีเรียนบ่ายสองโมงโน้น” ฉันตอบไปในขณะที่ลูกตายังไม่พร้อมเปิดด้วยซ้ำ
“ทำไมมึงไม่บอกกูไว้ก่อนล่ะ คนอุตส่าห์เข้ามาปลุก” มีนทำหน้านิ่วใส่ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งปลายเตียงของฉัน ฉันลืมตาตื่นมาก็พบว่ามันนั่งได้น่าเกลียดมาก
“นี่ยัยมีน มึงอยู่ในชุดนักศึกษารัดติ้ว กระโปรงก็แทบจะเสมอหู ช่วยนั่งดีๆ หน่อย เห็นหมดแล้ว” ฉันได้แต่เอือมกับความไม่ระวังตัวของเพื่อนสนิทคนนี้
เอาล่ะฉันจะมาแนะนำตัวก่อน พวกเราสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จวบจน ม.ปลาย แม้แต่มหาลัย เรายังเลือกเรียนที่เดียวกันอีก เพียงแต่เราไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน ยัยมีนมีความฝันอยากเป็น นักข่าว พิธีกร อะไรทำนองนี้ นางจึงเลือกเรียนนิเทศ ส่วนฉันเรียนวิศวกรรมเครื่องกล เพราะอยากเรียนแค่นั้นแหละ
เราสองคนค่อนข้างตัวติดกันไปไหนไปกัน แม้รสนิยมและนิสัยจะต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราสองคนมีปัญหากันแต่อย่างใด จะมีก็แต่มันชอบแต่งตัวเซ็กซี่วาบหวิว บางทีไปไหนมาไหนกับมันก็ล้วนเป็นจนรวมสายตาตลอด ทำให้ฉันเองก็ถูกสายตาเหล่านั้นเพ่งมองมาเหมือนกันอย่างช่วยไม่ได้ เอาจริงโคตรไม่ชอบเลย ต่างจากมันลิบ
“ก็จะให้ระวังทำไมละคะ อยู่แค่ห้องเนี้ย” ยัยมีนเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“เอาเถอะเรื่องของมึงแล้วกัน ” ฉันส่ายหัวก่อนจะนอนต่อ แต่ยัยมีนก็ยังชวนคุยไม่ขาดเพราะมันดันไปค้นของในโต๊ะเครื่องแป้ง
“มึงยังใช้พวกนี้อยู่เหรอ ติดจังนะมึง ถ้าไม่ไหว ก็ไปเอาดิ กลัวอะไร”
“เรื่องของกู แล้วมึงอ่ะ นั่งอยู่ทำไม ไม่ไปเรียนรึไง”
“ซวยแล้ว ลืมเวลาไปเลย กูไปเรียนก่อนนะ บ่ายโมงกินข้าวที่โรงอาหารกัน มาด้วยล่ะ ไม่มาแม่จะด่าให้เข็ด”
“จ้า ๆ ไปได้ยัง กูจะนอนต่อแล้วเพื่อน” ยัยมีนโบกมือ ก่อนจะวิ่งกระโตกกระตาก แจ้นคว้ากระเป๋าออกจากห้องไป ให้ตายเถอะ ฉันที่มีเรียน บ่ายสองโมงแต่ดันมาโดนปลุก แปดโมงเช้า ทำเอารมณ์เสียสุด ๆ
12.00 น.
ฉันที่นอนต่อยาวมาตั้งแต่เช้า แม้จะมีเรียนบ่ายสองโมงแต่ก็ต้องตื่นก่อนเพราะมีนัดทานข้าวกับยัยมีนที่โรงอาหารมหาลัย ฉันเองก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่เพราะช่วงนี้นางเฮิร์ท เลิกรากับแฟนเก่า จับได้ว่าเขามีกิ๊ก นางก็ตัดใจบอกเลิกทันที ต้องยอมรับว่านางเก่งนะ พอรู้ว่าโดนหักหลัง ก็ตัดใจบอกเลิกในอีกวันเลย แม้ตัวเองจะยังรัก และเจ็บมากแค่ไหน แถมแฟนเก่าก็ยังมาป่วนมาง้อ นางก็ไม่ใจอ่อนสักนิด ช่วงนี้เพื่อรักษาบาดแผลใจ เลยทำตัวสวย แต่ตัวสุดเอ็กซ์ เซ็กซี่ เหมือนเก็บกดไม่ได้แต่งตอนมีแฟนนั่นแหละ
โรงอาหารมหาลัย
ฉันขับรถยนต์มาถึงลานจอดรถของโรงอาหารมหาลัย ก่อนลงจากรถฉันต้องไลน์ถามมันก่อนไม่งั้นคงต้องเดินวุ่นหานาง ยิ่งเวลานี้คนเยอะ ฉันไม่ชอบเวลาคนมองฉัน ก็ไม่รู้ทำไมฉันต้องเป็นจุดสนใจขนาดนั้น แล้วยิ่งต้องยืนอยู่กับยัยมีนยิ่งโดนซุบซิบใหญ่
Janny : กูมาแล้ว มึงอยู่ตรงไหนของโรงอาหารมีน ”
Meeny : กูอยู่โต๊ะ ติดริม เสาเบอร์ 2 รีบมาเร็วคนเยอะจัด
Janny : กูก็บอกมึงแล้วว่าโรงอาหารไม่เหมาะกับกู
Meeny : เอานาเพื่อน โรงอาหาร ถูกและอร่อยจะตาย แถมอาหารตาก็ดี
Janny : ไม่พิมพ์ล่ะ เดี๋ยวเข้าไป แค่นี้
เมื่อก้าวออกจากรถ ฉันก็เริ่มมองหายัยมีน ไม่ทันไร คนรอบ ๆ ก็คุยกันแซ่เซง เริ่มมอง เริ่มจับจ้อง ให้ตายสิ เพราะยัยมีนแท้ ๆ ไม่งั้นฉันไม่มากินที่นี่หรอก
วันนี้ฉันมาในชุดช็อปวิศวะของคณะ สวมกระโปรงทรงเอเหนือเขาเล็กน้อย พร้อมกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจ ที่แสนสะดวกสบายในการเคลื่ยนที่ ผมทรงใหม่ที่ตัดสั้นประบ่า ย้อมสีไวน์แดง
เพียงแค่ก้าวไปมองเพื่อนที่รออยู่โต๊ะอาหารยืนโบกไม้โบกมือไปมา แค่นั้นคนก็แค่มองเป็นจุดรวมสายตาอย่างช่วยไม่ได้ ยัยมีนที่ขึ้นชื่อว่าสวยน่ารัก เซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่ม แห่งคณะนิเทศ นางก็เป็นคนหนึ่งที่หนุ่ม ๆ หมายปอง
ส่วนฉัน เคยไปอ่านกระทู้มหาลัย เขาบอกว่าฉันเป็นสาววิศวะมาดสวยเท่ หน้านิ่ง (คนอื่นมองฉันแบบนี้สินะ) ที่มันน่าแปลกคือนอกจากผู้ชายที่จะชอบฉันกันอยู่บ้าง แต่สาว ๆ เองก็กรี๊ดกร๊าดฉันเยอะไม่แพ้กันจนงง แถมยังไปโผล่ในโพลผลโหวตที่สาว ๆ อยากได้เป็นแฟนอีก ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว (โพลห่าอะไรก็ไม่รู้)
ฉันนั่งลงบนโต๊ะที่ยัยมีนจองไว้ คนตรงหน้าก็เปิดปากอย่างไว
“กินข้าวที่นี่ดีเนาะคึกครื้นดี”
“เหอะ”
“แต่อึดอัดไปหน่อยคนมองเยอะ กินข้าวจะลงไหม”
“แล้วมันเป็นเพราะใคร ไม่ใช่ว่ามึงเหรอมีน” ฉันได้แต่สถบ
“พูดให้ดีๆ หน่อยเพื่อนสาว ต้องเรียกว่าทั้งคู่มากกว่าป่ะ อย่างน้อยสาว ๆ พวกนั้นที่เหล่มาก็ไม่ได้มองฉันแล้วหนึ่ง”
ฉันเหลือบมองไปยังต้นทางที่ ยัยมีนชี้ ก็พบว่ารอยยิ้มของพวกรุ่นน้องหญิงกลุ่มนั้น มองมาที่ฉันจริง ๆ ให้ตายเถอะอยากจะบ้า
“คราวหน้าถ้าจะชวนกินข้าว ขอไม่มาที่นี่อีกนะมึง กูอยากกินข้าวเงียบ ๆ อิ่ม ๆ แบบไม่เร่ง”
“เออได้ แต่วันนี้ทนกินไปก่อนละกัน ฉันซื้อมาให้ล่ะ ของที่แกกินประจำ”
“อืมขอบใจมาก”
หลังจากที่เราทานเสร็จฉันก็ขับรถไปส่งนางที่คณะ ก่อนจะตีตัวรถไปยังคณะของตนเองบ้าง
“ปัง” เมื่อถึงห้องเรียน ฉันก็โยนเอกสารปึกใหญ่ที่ทำตลอดทั้งสัปดาห์ลงบนโต๊ะเรียนของตนดังสนั่นไปทั่วห้อง ทำเอาเพื่อนผู้ชายในห้องตกใจกันยกใหญ่
“แจน แกเป็นอะไรวะ ตกใจหมด” นัทเพื่อนชายร่วมห้องวิศวะเอ่ยถามโดยที่คนอื่น ๆ ก็เงียบ เงี่ยหูฟัง
“แค่เหนื่อยน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนเลย แล้วนี่ของใครมาวางที่โต๊ะฉันอีกแล้ว” ฉันเหลือบมองสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ สองกล่อง ฉันไม่ได้ตกใจอะไรหรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยตั้งแต่ฉันเรียนมา แต่ยังไงก็ต้องถามหาที่มา
“กล่องสีฟ้าของ รุ่นพี่ราม ปี่สี่คณะเรานี่แหละ ส่วนกล่องสีเขียวของน้องหมวยปีสอง คณะวิทย์ แจน แกนี่เสน่ห์แรงจังนะ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง อิจฉาว่ะ”
“อย่าอิจฉาเลยนัท เหนื่อยจะตายเจอแต่อะไรก็ไม่รู้” ฉันเบ๊ะปาก พร้อมกับหยิบกล่องเหล่านั้นเขียนชื่อไว้ เผื่อวันไหนที่คนพวกนั้นมาขอคืน ฉันก็จะได้เอาคืนได้ถูกคน ขอเหล่านี้ไม่ใช่ถูก ๆ ดีนะว่าเพื่อนทั้งห้องช่วยกันสอดส่องแล้วคอยถามชื่อคนนำมาวางไว้