ตอนที่ 8
นางมองไม่เห็นว่าการที่แต่งเข้าวังนั้นมีอะไรดีกัน มีแต่พวกปากอย่างใจอย่าง โหยหาอำนาจและเงินทอง
“เมื่อไหร่เจ้าจะพูดความจริงสักที ชิงเอ๋อร์ เจ้าบอกมาเถิด เป็นข้าใช่หรือไม่” ไท่จื่อน้ำเสียงอ่อนลงเหมือนเห็นว่านางจับท้องเบา ๆ เหมือนกำลังเจ็บปวดอยู่กระมัง
เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ท่านรู้หรือไม่เล่า ว่าเป็นท่านหรือใครกัน” หลิวชิงอยากรู้ ว่าเขาคิดเช่นไร
“ชิงเอ๋อร์ อย่าเล่นลิ้นให้มากนักนะ ความอดทนข้ามีขีดจำกัด” เขาอดกลั้นจนเกินพอ เมื่อครู่นี้เขาสงสาร ยามนี้นางยังเล่นลิ้นไม่เลิก ไม่ยอมบอกเสียทีว่าใครกันแน่
“เช่นนั้นก็เชิญท่านเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ส่งนะ” หลิวชิงไม่ง้อ เอ่ยตัดบท สาวใช้ที่ประคองก็เตรียมตัวจะพานายสาวเข้าห้องอาบน้ำชำระร่างกายแล้วก็นอน
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าไล่ข้าเชียวรึ ข้าเป็น...” ไท่จื่อได้แต่โมโห แต่ก็เดินตามหลังร่างที่อวบอิ่มเข้าไปด้านในห้องของนาง
“เป็นอะไร ท่านมีความสำคัญอันใดกับข้าและลูกในท้องของข้าเล่า ตัวท่านยังไม่แน่ใจ มิปักใจเหตุใดต้องมาถามเซ้าซี้ด้วย” หลิวชิงมั่นใจว่าเขาก็ไม่แน่ใจเป็นแน่
“เป็นสามีของเจ้า เป็นบิดาของเจ้าก้อนแป้งในท้องเจ้า” เขาว่า และดูจะมั่นใจขึ้นมากทีเดียว ยามเห็นสายตาของนางนั้นกำลังซ่อนเร้นบางอย่างเอาไว้
“เป็นสามีข้า เหตุใดจึงหนีหายไปเช่นนั้นเล่า ห้าเดือน ห้าเดือนที่ท่านรู้ข่าวก็มิได้ส่งสารอันใดมา มิมาหา นี่หรือเรียกว่าสามี เชิญท่านกลับไป แคว้นฉู่เถิด” หลิวชิงนั่งลงที่เตียงนอน สาวใช้จัดการถอดรองเท้าและถุงเท้าของนางออก
“ข้าเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ เป็นแม่ทัพของแคว้นนี้ มิอาจจะเกี่ยวดองกับท่านได้ อีกทั้งยังเป็นไท่จื่อ ตัวข้ามิกล้า มิกล้าจริง ๆ” นางยังพ่นวาจาไม่หยุด มิใช่ว่านางน้อยใจ แต่นางไม่ยินยอมจะจากบ้านเมืองของนางไปแน่
หากเขาต้องการนางจะต้องมาอยู่ที่แคว้นนี้ สละตำแหน่งไท่จื่ออันสูงเกียรติของเขาให้องค์ชายรองฝาแฝดของเขาเสีย
“เขาคือลูกของข้า” เขามั่นใจ คืนนั้นเขาปล่อยน้ำรักใส่นางไปหกเจ็ดครั้ง นางอาจจะท้องลูกของเขา แต่เขาไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์แฝด
หากเขารู้จะต้องอ้างตัวเป็นแน่ มิแน่ว่าจะต้องการลูกของนางกลับไปแคว้นฉู่ นางจะทำอย่างไร
“ท่านมั่นใจแล้วหรือถึงได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา หากไม่มั่นใจก็เก็บคำพูดของท่านไป ข้าไม่ต้องการสามี ข้าต้องการเพียงลูกของข้าเท่านั้น
ได้ยินชัดหรือไม่ ข้าต้องการลูก มิได้ต้องการสามี เชิญท่านกลับไปแคว้นฉู่เถิด”
“แต่ ข้าต้องการเจ้า ชิงเอ๋อร์ ข้าต้องการเจ้า”
รุ่งเช้าของวันใหม่
เมื่อคืนนี้นางกับเขาเถียงกันเรื่องท้องของนาง หลิวชิงง่วงนอนจนเผลอหลับไป คนตัวโตที่เอาแต่ใจไม่ไปไหนทั้งนั้น เขานอนอยู่ในห้องและนอนร่วมเตียงเดียวกับนาง
ความสุขมันแผ่ซ่านเข้าไปลึกถึงก้อนเนื้อของเขา นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจของเขาเอาไว้ได้ ยามนี้แล้วนางตั้งท้องเจ้าก้อนแป้งทั้งสอง แต่ติดที่นางปากแข็ง
ร่างอวบอิ่มที่ท้องของนางนูนเด่น เขาลูบท้องของนางอย่างแผ่วบาง พลางแนบใบหูให้ชิดกับท้องป่อง ๆ เพื่อฟังเสียงของเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง
ได้ยินเพียงเสียงของคลื่นบางอย่างที่ร้องโครกคราก คาดว่านางคงจะหิวเป็นแน่ เขาจึงได้ทะยานออกจากจวนของนาง เพื่อไปเหมาเหลาอาหารให้นางชุดใหญ่
ให้ส่งตรงมาที่จวนของนางเลย โดยเขาวางทองให้เหลาอาหารหนึ่งก้อน เจ้าของเหลาอาหารหน้าตาเบิกบานไม่น้อย ยินดีรับใช้เป็นอย่างยิ่ง
ยามซื่อ 09:00-10.59
คนขี้เซาเพิ่งจะตื่นอาบน้ำล้างหน้าและแต่งตัวราวกับบุรุษ นางสวมเสื้อสีขาวแขนยาว ปักลวดลายเรียบง่ายมิได้งดงามมากนัก
อีกทั้งยังสวมกางเกงขายาวไว้ด้านใน ตามที่เคยชิน ชุดของนางมิมีชุดสตรีสักชุด มีเพียงแต่ชุดบุรุษเท่านั้น สีขาวและสีดำเป็นสีที่นางชอบมากที่สุด
“คุณหนูเจ้าคะ สำรับเช้าเจ้าค่ะ” เสี่ยวอ้ายเข้ามาแทนเสี่ยวอวี้ จับจูงนายสาวที่ท้องโตออกมาข้างนอก เดินมายังห้องรับอาหาร แต่ไร้เงาของคนเจ้าปัญหาเมื่อคืน
“โห ทำไมมันมากมายเช่นนี้เล่า” เมื่อเห็นว่าอาหารทั้งคาวทั้งหวาน วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนั้นไม่ต่ำกว่าสิบกว่าจาน แล้วนางจะกินหมดได้อย่างไรกัน
มีแต่ของน่ากินไปหมด คนท้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เสี่ยวอวี้เดินนำผลไม้จานใหญ่เข้ามาวางที่โต๊ะ
“ก็นายท่านจัดเตรียมให้คุณหนูเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้ตอบขึ้น นางตกใจไม่น้อย ที่จู่ ๆ คุณชายฉู่บอกว่าให้เรียกว่านายท่าน
พวกนางสองคนพี่น้องก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เพราะนายท่านใจดีมอบเงินขวัญถุงให้พวกนางเป็นทองคำสองก้อน
“นายท่าน ท่านไหนกัน” หลิวชิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย นอกจากนางยังมีคนอื่นที่เป็นเจ้าของจวนนี้อีกหรือ
เสี่ยวอวี้ระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำให้นายสาวได้ยิน ดูท่าเสี่ยวอ้ายจะมิกล้าเอ่ยออกไป เช่นนั้นนางจะพูดเองก็แล้วกัน จึงได้ตัดสินใจพูดออกมาโดยมิได้ลังเลสักนิด
“ก็นายท่านฉู่ อย่างไรเล่าเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้ตอบแทนเสี่ยวอ้าย ดวงตากลมโตของนางดูเป็นประกาสยไม่น้อย
“อ้อ นายท่านของพวกเจ้าสินะ ว่าแต่เจ้าพวกบ้านั่นไปไหนกัน ทำไมถึงได้เงียบเชียบเช่นนี้เล่า” หลิวชิงนึกสงสัย
มือเรียวของนางยังลูบท้องน้อย ๆ เพราะเพียงเห็นอาหารที่วางเรียงรายอยู่นั้นก็น้ำลายสอเสียแล้ว อีกอย่างมันดูเงียบเหงาจนรู้สึกวูบโหวง
“นายท่านไล่ตะเพิดไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ยกเว้นท่านอ๋อง” เสี่ยวอวี้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวอ้ายถอนหายใจ น้องสาวอย่างเสี่ยวอวี้มักจะติดที่จะเขินอายพูดน้อย
พอมาอยู่กับท่านแม่ทัพไม่เท่าไหร่เสี่ยวอวี้กลายเป็นน้องสาวช่างเจรจาเสียแล้ว เสี่ยวอ้ายเลยต้องปล่อยน้องสาวไป
“คิดว่าเป็นใครกัน มาไล่คนของข้า !!ออกจากจวน” หลิวชิงไม่พอใจที่เขากล้ามาไล่คนของนางออกไปโดยมิได้เอ่ยขอนุญาตสักนิด
“ก็ข้าเป็นสามีของเจ้าอย่างไร” คนที่มาได้ยินร้องทักขึ้น เขาไม่ได้โกรธนางสักนิด แต่เขาไล่พวกนั้นไปในเมื่อเขาเป็นสามีของนาง
คนอื่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดอีก ก็มีเพียงแต่ท่านอ๋องโจวจิ้นหยางที่มิยอมเขานี้แหละ อายุของไท่จื่อกับท่านอ๋องนั้นไม่ได้ห่างกันมากนัก อีกทั้งยังรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี