ณ ห้องทำงานอาจารย์หมอพิมพ์ชนก ทรัพย์วรากุล
ศิลาเดินนำมาถึงหน้าห้อง ก่อนจะหยุดแล้วผลักประตูให้ทุกคนเดินเข้าไปก่อน
ปันปันก้าวเข้าไปช้า ๆ เหมือนตั้งใจหลบสายตา ส่วนคิตตี้กับแซมมี่เดินเข้าด้วยท่าทางหาเรื่องเม้าท์เต็มที่
ทันทีที่ประตูปิดลง
เสียงของ ตะวัน ก็ดังขึ้นก่อนใคร “สรุป มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไรไอศิลา”
ศิลาทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งโต๊ะตัวเอง น้ำเสียงเรียบเหมือนเดิม “ก็…เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนเปิดเทอมอะ”
แซมมี่กระโดดชิงพูดต่อ “แล้วมึงกลับมาไม่คิดจะบอกพวกกูเลยเรอะ”
ศิลายักไหล่นิด ๆ “ไม่รู้จะติดต่อทางไหน”
“อีปันสิ” แซมมี่รีบสวน “ไลน์เดิม เบอร์เดิม ไม่เคยเปลี่ยนนะคะคุณหมอ”
ปันปันที่นั่งเงียบเหมือนจะเป็นอากาศ แอบชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังทำเป็นก้มหน้าจิกไอโฟนเล่น ไม่มองใคร
“เหี้ยไรอีแซม กูทุบปากเลยนะ มึงจะโยงกูทำเหี้ยไร” ปันปันแยกเขี้ยวทันที
แซมมี่ยิ้มหวานใส ๆ “ก็เขาพูดไม่รู้จะทักใครนี่นาาา~”
ศิลามองปันปันแวบนึง ก่อนพูดเบาแต่ชัด “งั้น…ต่อไปจะทักไปแล้วกัน”
เสียงปันปันดีดขึ้นทันที “ไม่ต้อง! กูบล็อกแล้ว ไม่อยากคุย!”
ตะวันกับคิตตี้หันไปมองพร้อมกันราวกับดูละครสด ศิลาแค่ยิ้มมุมปาก…ไม่เถียง
ตะวันขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้กว่าเดิม มองศิลาแบบสงสัยจริงจัง
“ว่าแต่มึงเถอะ มึงกลับมาได้ไงวะ? จำได้ว่ามึงย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ”
ศิลาหลุบตามองโต๊ะอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“อืม…ตอนนั้นกูย้ายตามพ่อไป พ่อได้งานที่ต่างประเทศก็เลยต้องย้ายตามกันไป”
เขาเงยหน้าเล็กน้อย
น้ำเสียงเรียบ แต่มีน้ำหนักมากกว่าเดิม
“แต่ตอนนี้พ่อกูได้ย้ายกลับมา…รับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยนี่แหละ ก็เลยกลับกันมาอยู่ไทยเหมือนเดิม ส่วนแม่ ก็ไม่เคยย้ายไปไหนอยู่แล้ว แม่ทำงานที่โรงพยาบาลนี้มาตลอด แค่กูเป็นฝ่ายที่ต้องบินไปบินมา”
แต่ทันใดนั้น…
เสียง ริงงง~ ของโทรศัพท์ปันปันก็ดังขึ้นแทรกกลางวงคุย ทุกคนชะงักมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ
ทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้า ปันปันก็ลุกพรวดขึ้นเหมือนโดนไฟช็อต
“กูรับสายแป๊ป!”
เธอพูดสั้น ๆ ท่าทางร้อนรนเหมือนมีเรื่องสำคัญ ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องทำงานของหมอพิมพ์ชนกไปอย่างรวดเร็ว
ประตูปิด ปัง! ทิ้งไว้เพียงความเงียบระหว่างเพื่อนที่เหลือ
คิตตี้หันไปกระซิบกับแซมมี่เบา ๆ
“โทรศัพท์สายไหนวะ ถึงทำอีปันลุกออกไปเร็วขนาดนี้”
แซมมี่เบ้ปาก “คงไอลันที่มันคุยด้วยเมื่อเช้ามั้ง หรือไม่ก็เรื่องเรียนอ่ะมั้ง แต่หน้าตาเมื่อกี้เหมือนเรื่องใหญ่ชิบหายเลยนะ”
ศิลานิ่ง…แต่หางตายังกวาดตามองประตูที่ปันปันเดินออกไป เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ปันปันที่เดินออกจากห้องทำงานของหมอพิมพ์ชนก กดรับสายทันทีที่เห็นชื่อแม่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ
เธอยืนพิงกำแพงหน้าห้อง ผมยาวสลวยตกลงมาปิดพวงแก้มที่แดงเพราะความร้อนและความรีบ
“ฮัลโหลแม่”
เสียงคุณศิริพรดังลอดออกมาทันที “ไหนวันนี้บอกแม่ว่าจะเข้ามาหา แต่นี่จะทุ่มแล้วนะลูกสาว อยู่ไหนจ๊ะ”
ปันปันกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนตอบ “อุ๊ย…แม่ ปันลืมเลยอ่ะ พอดีที่มหาลัยมีน้องวูบ ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน ปันเลยรีบพามา”
เธอพูดไปก็ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไป เสียงในลานโรงพยาบาลด้านหลังดังอื้ออึงแต่กลับรู้สึกเงียบลงเมื่อแม่พูดต่อ
“อ้าว แบบนั้นหรอ น้องเป็นยังไงบ้างลูก”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวปันรีบกลับเลย”
“แล้วมาถึงโรงบาลยังไง รถหนูก็ซ่อมอยู่ไม่ใช่เหรอ ให้แม่ไปรับไหม?”
ปันปันถอนหายใจให้ตัวเอง ก่อนตอบ “ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวปันนั่งแท็กซี่ไป แป๊บเดียว ถึง”
“โอเค แต่ขึ้นรถแล้วส่งรูปหน้าบัตรคนขับมาให้แม่ด้วยนะ”
ปันปันกลอกตาเบา ๆ “ค่าา คุณศิริพร” ก่อนกดวางสายพร้อมยิ้มจาง ๆ
เธอหันหลังกลับ เปิดประตูเข้าไปในห้องอีกครั้ง
เพื่อนทั้งสาม คิตตี้ แซมมี่ และตะวัน กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะหมอ ส่วนศิลายืนพิงโต๊ะ มองเธอด้วยสายตาที่อ่านยากเหมือนเดิม
“พวกมึง กูกลับก่อนนะ นัดแม่ไว้”
แซมมี่หันมาถามทันที “อ้าว แล้วกลับไงวะ ให้กูไปส่งไหม?”
ปันปันย่นจมูกใส่ “ไม่ต้องเสือกเลยมึง บ้านมึงกับบ้านกูคนละทาง เดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่ไปเอง ไปละนะ”
เธอคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกเร็ว ๆ ราวกับอยากหลบใครบางคนในห้องนั้นโดยเฉพาะ
อาจเป็นสายตาคม ๆ ของศิลาที่กำลังมองตามเธอทุกฝีก้าว…หรืออาจเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่อยากให้ใครจับได้
ประตูห้องทำงานปิดลงเบา ๆ ทิ้งให้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของปันปันลอยคลุ้งอยู่ในห้องเพียงเสี้ยววินาที
พอหันกลับมา ทั้งคิตตี้ แซมมี่ และตะวันต่างมองศิลาเป็นตาเดียว
เพราะอาการ “ตาคนมันยังรัก” ของเขา มันชัดยิ่งกว่าประตูห้องที่เพิ่งปิดไปเมื่อกี้เสียอีก
ปันปันเดินเร็วออกมาหน้าโรงพยาบาล อากาศตอนค่ำปะทะผิวจนเธอต้องกอดแขนตัวเองเล็กน้อย
ไฟถนนส่องลอดผมยาวของเธอเป็นประกาย แสงไฟกระพริบหน้าป้ายโรงพยาบาลทำให้เธอดูเหมือนตัวละครนางเอกซีรีส์ที่กำลังงอนพระเอก
เธอยืนรออยู่ไม่นาน รถแท็กซี่สีเหลืองก็ขับเข้ามาจอดช้า ๆ
กระจกฝั่งคนขับเลื่อนลง พร้อมเสียงทุ้ม ๆ ของลุงแท็กซี่
“ไปไหนหนู?”
ปันปันกำลังจะตอบ “ไป…ค่ะ”
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ลุงก็พยักหน้าให้เหมือนไม่อยากให้เธอยืนตากลม
“ขึ้นเลย ๆ รีบไปไหนใช่ไหมหนู”
ปันปันพยักหน้าเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูหลังก่อนจะก้าวเท้าเข้าไป
แต่ทันใดนั้น…
เงาร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ก้าวแทรกมาจากด้านข้าง เอื้อมมือผลักประตูเบา ๆ แล้วสอดตัวเข้าไปนั่งอีกฝั่งแบบไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว
เธอชะงัก หันขวับไปทันที
“ไอศิลา…!”
ศิลายกสายตามองเธอผ่านเงาผมที่ปรกหน้าผากเล็กน้อย ดวงตาคมเรียบนิ่ง แต่มีความดื้อรั้นปนความห่วงบางอย่างซ่อนอยู่
“ขึ้นรถสิ ไหนว่านัดแม่ไว้?”
น้ำเสียงเขากวน ๆ เฉย ๆ แต่ท่าทีคือไม่ยอมให้เธอกลับคนเดียวแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ปันปันกรอกตาแรงจนแทบจะมองบน “แล้วมึงมา—”
“ขึ้น” เขาตัดบทสั้น ๆ
เธออ้าปากเหมือนจะเถียง แต่ลุงแท็กซี่หันมามองแล้วพูดขึ้นอย่างขำ ๆ
“แฟนง้อกันใช่ไหมหนู เอ้า ๆ ขึ้น ๆ”
ทั้งปันปันและศิลาเงียบไปหนึ่งวินาที… ก่อนปันปันจะกัดฟันแน่น แล้วขึ้นไปนั่งข้างเขาแบบ จำใจโคตร ๆ
ประตูรถปิด “ปัง”
ความอึดอัดชนิดบรรยากาศควันขึ้นทันที ทั้งสองนั่งแน่นิ่ง แต่ปลายแขนปันปันดันไปแตะแขนศิลานิดเดียวเพราะเบาะแคบ
เธอชักแขนกลับแทบไม่ทัน แต่ศิลากลับยกมุมปากเหมือนกำลังขำในลำคอ…
ไม่รู้ว่าเป็นเหี้ยอะไร แต่เขาดู “พอใจ” แปลก ๆ