ท่านผู้ดูแลตงฝาน
สตรีเอยจงแย่งชิง
writer : เสี่ยวน่วยกั๋ว
เมืองหลวงแคว้นต้าซุย
คืนนี้ที่หอคณิกาชั้นหนึ่งนามว่า ‘หลิวอี้หงชุน’ ในเมืองหลวงแคว้นต้าซุยอันรุ่งเรืองตระการตา เป็นคืนประมูลพรหมจรรย์ของคณิกาผู้เลื่องลือนามว่า ‘ซูซิ่วหลาน’
ซูซิ่วหลานผู้นี้เป็นหญิงงามหาตัวจับยาก เสน่ห์ของซูซิ่วหลานเลื่องลือถึงขนาดเคยมีเดิมพันนับหมื่นตำลึง เพื่อแย่งระบำใต้แสงจันทร์ของนางมาแล้ว ใบหน้าเล็กจ้อยอันงดงามอีกทั้งน้ำเสียงชวนฝันหวานละมุน แน่นอนว่าคืนประมูลพรหมจรรย์ของซูซิ่วหลานผู้นี้เลื่องลือระบือไปไกลสามแคว้น ค่ำคืนนี้ซูซิ่วหลานมีอายุครบสิบห้าปี แม้จะเร็วไปสักหน่อยสำหรับสตรี หากแต่บุรุษทั้งสามแคว้นยังนับว่าช้าเกินไป
“ซูซิ่วหลานเจ้าคะ อีกครึ่งชั่วยามจะถึงเวลาประมูลเจ้าค่ะ” หลินชุนบ่าวรับใช้ประจำตัวบอกกล่าวกับซูซิ่วหลาน ก่อนย่อกายทำความเคารพออกจากห้องไป
ซูซิ่วหลานพิศมองใบหน้างดงามของตนเองในคันฉ่อง สีแดงราวกับแต้มชาดที่หางตา ดูเย้ายวนรับกันกับคิ้วเรียวเล็กสีดำสนิท เรียวปากอิ่มแดงยั่วยวนขบเม้นลงไปบนแผ่นชาดแผ่วเบา นางเป็นคณิกาผู้มีชีวิตมาสองชาติภพ ช่างน่าตลกนักชาติที่แล้วของซูซิ่วหลานนางก็เป็นหญิงคณิกาเช่นกัน
ต่างกันแต่เพียงชาติก่อนนั้นครอบครัวของนางขายนางให้กับหอคณิกาชั้นต่ำ ชีวิตของซูซิ่วหลานในหอนางโลมชั้นต่ำเรียกได้ว่าปากกัดตีนถีบ ต้องสู้รบปรบมือกับบรรดาสตรีด้วยกันแย่งชิงความโดดเด่น กลเม็ดคมหอกคมดาบมีเท่าใดนางงัดมาใช้จนหมดสิ้น ท้ายที่สุดซูซิ่วหลานใช้เสน่ห์มารยาทั้งยังเรือนร่างงดงามเย้ายวน หว่านล้อมจนเกือบได้เข้าไปอยู่ในจวนแม่ทัพ
คืนนั้นนางลงแรงเปลือยกายต่อหน้าขุนศึกแห่งแคว้นพร้อมกันถึงสามคน ท่านแม่ทัพพวกนั้นเรือนร่างกำยำดุดันแทบฉีกทึ้งร่างนางออกเป็นเสี่ยง รูสวาทซูซิ่วหลานถูกพวกเขาจับจองพร้อมกัน สองเต้าของนางเต็มไปด้วยรอยขบเม้ม นึกไม่ถึงช่วงเวลาที่ซูซิ่วหลานถูกบุรุษปรนเปรอสวาทพร้อมกันถึงสามคน นางกลับสิ้นใจเสียนี่ รสชาติราคะสวรรค์บนดินครั้งนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำซูซิ่วหลานไม่ลืมเลือน
เมื่อนางลืมตาขึ้นมากลับกลายมาเป็นเด็กน้อยอายุสิบสามปีผู้มีนามว่า ‘ซูซิ่วหลาน’ เหมือนกันกับนางไม่ผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่ซูซิ่วหลานผู้นี้เป็นเพียงบ่าวรับใช้อยู่ในหอคณิกาหลิวอี้หงชุน กว่าที่ซูซิ่วหลานตัวน้อยจะใต่เต้าขึ้นมาเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งได้ ที่ผ่านมานางต้องลงแรงไปไม่น้อย
ซูซิ่วหลานนั่งรออยู่ในห้องพัก หวนนึกถึงเรื่องราวในชาติก่อนครั้งใด ใบหน้างดงามพลันแข็งทื่อ ปลอกเล็บสีแดงสดลูบไล้ไปบนลายปักนกกระเรียนสีแดงเพลิง
....ก้อกๆๆ ....
เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อ เสียงเคาะประตูห้องซูซิ่วหลานดังขึ้น จังหวะการเคาะบ่งบอกแก่นางว่าผู้มาเยือนคือ ตงฝาน หนึ่งในผู้ดูแลหอหลิวอี้หงชุน
ตงฝานผู้นี้อายุยี่สิบห้าปี ถึงกระนั้นฝีไม่ลายมือกับขนาดของลับกลับน่าตื่นตาตื่นใจ
“เสี่ยวซิ่วข้าแวะมาดูเจ้า”
น้ำเสียงทุ่มต่ำน่าฟังกับเรือนร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาถึงหน้าเตียงนอนของนาง ดวงตาดอกท้อของตงฝานมีเอาไว้ล่อลวงผู้คนโดยเฉพาะกับสตรี
“ข้าสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วงข้าเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงหวานใสดั่งกระดิ่งเงินเอื้อนเอ่ยวาจาตอบกลับไป ใบหน้าตงฝานฉายแววเว้าวอน
“ข้าคิดถึงเจ้า” ตงฝานเดินเข้ามาใกล้ซูซิ่วหลานพลางล้วงมือลงไปสัมผัสเรียวขาเรียวบางของนาง ซูซิ่วหลานจงใจหนีบขาตนเองไว้
“คืนนี้ท่านกล้าแตะต้องข้าเชียวหรือ”
ข้อมือเรียวบางของซูซิ่วหลานทาบลงบนสาบเสื้อตงฝาน ปลอกเล็บสีแดงลูบไล้แผ่วเบา
“ข้าไม่อาจทนไหว เจ้าสงเคราะห์ข้าสักหน่อยเถิดเสี่ยวซิ่ว”
ที่ผ่านมาตงฝานกับซูซิ่วหลานมีสัมพันธ์อันดีต่อกันเสมอมา นางจำต้องทอดกายปรนเปรอคนพวกนี้ หาไม่แล้วชีวิตของซูซิ่วหลานจะผงาดขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้อย่างไร
“...ตรงนั้น...ไม่ได้เจ้าค่ะ....”
“มากับข้าเถอะเจ้าค่ะ ให้ข้าปรนนิบัติท่าน”
ดวงตาหงส์เย้ายวนชม้ายชายตาให้ตงฝานก่อนจับจูงมือใหญ่พาเขามาที่โต๊ะกลาง ขวดน้ำมันหอมอันเล็กชโลมลงไปบนฝ่ามือซูซิ่วหลาน
“วันนี้มือของข้าไม่อาจทำตามใจได้ ขอท่านตงฝานช่วยข้าสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
ตงฝานตลบชายชุดขึ้นก่อนใช้มือดึงเชือกผูกกางเกงลงให้อย่างรู้งาน ท่อนเอ็นใหญ่ยาวอันคุ้นเคยดีดผึงขึ้นมา ซูซิ่วหลานลูบน้ำมันหอมลงไปทันที
“....ซี้ดส์!!!....เสี่ยวซิ่ว”
“เช่นนั้นแหละ”
ร่างสูงโปร่งนั่งเอนกายพึงขอบโต๊ะด้านหนึ่ง ตั้งรับการปรนเปรอด้วยมือจากซูซิ่วหลาน แม้คืนนี้ตงฝานรู้ดีว่านางจะถูกประมูล หากแต่ส่วนลึกในใจไม่อาจยอมรับ
“ข้าเป็นคนแรกของเจ้า...ใช่หรือไม่...”
ได้ยินคำถามเช่นนี้มือน้อยพลอยหยุดชักรูด ซูซิวหลานบีบส่วนโคนท่อนเอ็นใหญ่ยาวในมือ ร่างสูงส่งเสียงครางแผ่วเบา
“...เจ้า...อย่าทรมานข้าเลยเสี่ยวซิ่ว”
“ข้ารู้ว่าข้าเป็นคนแรกของเจ้า เรื่องคืนนั้นเมื่อหลายปีก่อนข้าไม่เคยลืมเลือน”
“...อูยยยส์!!!...เสี่ยวซิ่ว”
“ท่านยินดีให้ข้ากลืนมันลงท้องหรือไม่เจ้าคะ”
แทนที่จะตอบคำถามตงฝาน ซูซิ่วหลานเลือกที่จะปลดปล่อยเขาแล้วไล่กลับไปเสียอย่างนั้น ดวงตาดอกท้อวูบไหว
“ไม่ต้องหรอก...อัก!!!..” จบถ้อยคำน้ำราคะขุ่นคาวพุ่งทะลักออกมาใส่ผ้าเช็ดหน้าในมือซูซิ่วหลาน ตงฝานทั้งร่างสั่นสะท้าน
“คืนนี้ข้าจะมาหาเจ้า หรือาจจะเป็นรุ่งสางข้าจะมาหาเจ้าให้ได้” ตงฝานเอ่ยพลางจัดเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่
“เจ้าค่ะ ข้าจะรอเจ้าค่ะ”
ภายหลังตงฝานกลับออกจากห้องไป ซูซิ่วหลานได้แต่ถอนหายใจ มือน้อยของนางจุ่มลงไปในอ่างน้ำชำระคราบน้ำมันเหนียวลื่น ส่วนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นซูซิ่วหลานโยนทิ้งไป ที่หอหลิวอี้หงชุนนี้มีผู้ดูแลใหญ่เป็นบุรุษสามคน กับอีกหนึ่งคือหนิงซูซูผู้เป็นเหนียงเหนียง ตงฝานคือหนึ่งในผู้ดูแลใหญ่ของที่นี่ อีกสองคนที่เหลือคือ เหอเล่ย และ หยางลู่ ในสามคนนี้เหอเล่ยมีอายุมากที่สุด
ซูซิ่วหลานเช็ดมือน้อยของตนกับผ้าสะอาดพลางสวมปลอกเล็บไว้ตามเดิม นึกถึงคำกล่าวอ้างของตงฝานว่าเขาเป็นบุรุษคนแรกของนางนั้น ซูซิ่วหลานได้แต่นึกขบขัน นางมีอดีตเป็นนางโลมอันดับหนึ่งเช่นกัน ลำพังจะล่อลวงบุรุษด้วยร่างกายและพรหมจรรย์ จะเผยตัวตนให้ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดได้เชยชมนางเป็นคนแรก
………………………………………
อย่าลืมกด กดเพิ่มเข้าชั้น
จะได้ไม่พลาดตอนสำคัญนะคะ