เพียงแค่เห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับใคร ไมลีย์ก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาหยุดหมุนกะทันหัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจอยู่นานหลายวินาที และเมื่อไจโรจ้องหน้าเขากลับบ้าง ไมลีย์ก็ไม่รอช้า เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมจะยกถาดอาหาร เพื่อเดินหาที่นั่งใหม่อย่างไม่รีรอ
โดยในเวลานี้เขาก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองโกหกแฝดนรกนั่นไว้ยังไง และเขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าพวกเธอจะกำลังจับตามองกันอยู่หรือเปล่า ไมลีย์คิดเพียงแค่ว่าในนาทีนี้เขาควรจะรีบหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมลืมดู” ในระยะเวลาไม่ถึงสามนาที ไมลีย์ต้องกล่าวขอโทษคนอื่นไปแล้วถึงสามครั้ง ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้หมุนตัวเตรียมย้ายที่เหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ไจโรก็ได้ยื่นมือมาแตะที่ข้อมือของไมลีย์อย่างแผ่วเบาเสียก่อน นั่นจึงทำให้คนขี้ตกใจต้องหันขวับกลับไปมองทันที
“โทษที ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องทำยังไง” อีกฝ่ายที่เห็นว่าไมลีย์มีอาการสะดุ้งเล็กน้อยพูดขอโทษกัน
“ม—ไม่เป็นไรครับ” ไมลีย์เอ่ยกลับไปเสียงแผ่ว ขณะเดียวกันในหัวเล็กของเขาก็กำลังร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อเขาคิดไปว่าบางทีไจโรอาจจะรู้เรื่องที่ไมลีย์แอบกล่าวอ้างชื่อของเจ้าตัวแล้วก็เป็นได้
ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงบังเอิญเจออีกฝ่ายสองครั้งติดกันแบบนี้ ทั้งที่ปกติแล้วเหตุการณ์การบังเอิญเจอแบบนี้ระหว่างเขากับไจโรมันเกิดขึ้นแทบนับครั้งได้ เนื่องจากมหาลัยนี้ไม่ได้เล็ก ๆ เลย อีกทั้งไมลีย์ก็ไม่ใช่คนที่ชอบทำกิจกรรมจนทำให้เขาได้พบเจอผู้คนมากมายด้วย
“นายมาคนเดียวใช่ไหม” ไจโรยิงคำถามใหม่มาให้กัน
“ค—ครับ”
“ถ้างั้นนายก็นั่งตรงนี้ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะยังไงที่ตรงนี้ต่อให้นายไม่นั่ง มันก็ต้องว่างอยู่แล้ว”
“ไจโร แต่นั่นมันหมายความว่าเขากำลังนั่งกินข้าวกับเรานะ” เพื่อนของไจโรที่ได้ยินแบบนั้นรีบพูดแย้งขึ้นมาโดยพลัน
“แต่นี่ไม่ใช่โต๊ะส่วนตัวของพวกเรานะ มันเป็นโต๊ะส่วนรวมที่ใคร ๆ ก็ใช้งานได้” ไจโรโต้แย้งเพื่อนของตัวเองกลับไป ซึ่งในวินาทีเดียวกันนั้นไมลีย์ก็เผลอเม้มปากเข้าหากันด้วยความลืมตัว เมื่อดูเหมือนว่าไจโรจะต้องถกเถียงกับเพื่อนของตัวเองเพราะเขา
“นายนั่งไปเถอะ แค่คนเดียวไม่เป็นไรหรอก” ไจโรหันหน้ากลับมาพูดกับไมลีย์อีกครั้ง และพอคราวนี้เพื่อนของเจ้าตัวยินยอมตามนั้น ไมลีย์จึงค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
“ขอบคุณครับ” เขากล่าวขอบคุณเสียงแผ่ว ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนใจดีที่อนุญาตให้เขานั่งโต๊ะเดียวกันกับเจ้าตัวด้วยซ้ำ
“นายชื่ออะไร” ไจโรถามกัน
“ไมลีย์ครับ ไมลีย์ โจนส์…”
“ฉันไจโร อีแวนสัน”
“ผมรู้ครับ”
“…”
“พ—เพราะคุณไจโรเป็นคนดัง” เพราะเห็นว่าคนที่กล่าวแนะนำตัวตามมารยาทมีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ไมลีย์ก็รีบอธิบายเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักทันที
“อ๋อ แล้วนายอยู่บ้านไหน” ไจโรถามต่อ ดูเหมือนไม่ได้ติดใจกับคำพูดของไมลีย์แล้ว
“บ้านเอสพรีครับ”
“ส่วนฉันเป็นเด็กบ้านสิงโตนะ”
“อ่าครับ ย—ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ไมลีย์เอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสั่นประหม่า เมื่อเขาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขากำลังนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับไจโร อีแวนสัน แถมเขาก็ได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายอีกต่างหาก
นี่ถ้าเขาเอาไปเล่าให้ฮาร์วีฟัง เจ้าเพื่อนสนิทของเขาคงไม่เชื่อแน่ ๆ เลยว่าไมลีย์ได้ทำความรู้จักกับไจโรแล้ว
“เสียงสั่นตลอดเลยแฮะ อันที่จริงนายไม่ต้องรีบพูดก็ได้นะ เพราะไม่มีใครแย่งนายพูดหรอก” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า แต่ยังระบายยิ้มกว้างให้กับไมลีย์ด้วย ทำเอาคนที่ถูกยิ้มให้แบบนั้นต้องรีบหันขวับทำทีกลับมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าตัวเองเป็นพัลวัน
จากนั้นบทสนทนาครั้งแรกของทั้งคู่ก็จบลงแค่เท่านั้น ซึ่งก็อาจเพราะว่าไมลีย์ทำเหมือนไม่อยากสนทนาและตั้งหน้าตั้งตากินจัมปงตรงหน้าของตัวเองก็เป็นได้ ไจโรจึงไม่กล้าขัดจังหวะการกินข้าวที่แสนเอร็ดอร่อยของเขา
ไมลีย์ใช้เวลาจัดการจัมปงรสเผ็ดเพียงไม่นานนัก หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ตั้งท่าจะยกถาดเตรียมจากไป
“ยังไงผมก็ขอบคุณมากเลยนะครับที่ให้ผมนั่งร่วมโต๊ะด้วย” ก่อนที่เขาจะยกถาดอาหารเตรียมไปส่งคืนให้แม่บ้าน ไมลีย์ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณไจโรอีกครั้งและรีบเร่งฝีเท้าเดินออกมาอย่างไม่รีรอ
เขารีบเดินหนีออกมาจากบริเวณนั้นทั้งที่ยังกินไม่ทันอิ่มด้วยซ้ำ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบกินรีบเสร็จแบบนี้ มันก็เป็นเพราะว่าไมลีย์รู้สึกหายใจไม่สะดวก เพียงเพราะเขารู้ว่าตัวเองกำลังนั่งกินข้าวข้าง ๆ หนุ่มฮอต ต่อให้ไจโรจะทำตัวสบาย ๆ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้อะไรกับเขาก็เถอะ
แต่เพราะไมลีย์ที่เพิ่งยืมชื่อของอีกฝ่ายให้มาเป็นคนรักของตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้เอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันนั้นได้ เขาจึงไม่สะดวกใจที่จะนั่งกินข้าวกับไจโร อีแวนสันจริง ๆ
ฝั่งของไจโร
“ทำไมถึงรีบกินขนาดนั้น นี่เขาคงไม่ได้รีบกินรีบเสร็จเพราะฉันหรอกใช่ไหม” เพื่อนของไจโรเอ่ยขึ้น หลังเด็กจากบ้านเอสพรีได้ลุกลี้ลุกลนเดินถือถาดอาหารจากไปแล้ว
“ก็ไม่แน่ เพราะตอนแรกนายทำเหมือนไม่อยากให้เขาร่วมโต๊ะด้วยนี่” ไจโรเอ่ยกลับไป จงใจจะทำให้เพื่อนของตัวเองเกิดความรู้สึกผิดกับคำพูดตอนก่อนหน้านี้
“ให้ตายเถอะว่ะ รู้สึกผิดเป็นบ้า” เพื่อนของไจโรพึมพำเสียงแผ่ว จากนั้นเจ้าตัวก็พูดต่อ “เมื่อกี้พวกนายรู้สึกหรือเปล่าว่าเด็กคนนั้นดูมีพิรุธแปลก ๆ นี่เขาคงไม่ได้ชอบใครในโต๊ะเราหรอกใช่ไหม”
“อย่าหลงตัวเองขนาดนั้นเลย” ไจโรบอกกลับไปเพียงสั้น ๆ ขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็ยังคอยมองตามแผ่นหลังเล็กของเด็กจากบ้านเอสพรีที่เดินจากไปไกลแล้วตาไม่กะพริบ เมื่อเขาจำได้ว่าไมลีย์คือผู้ชายคนเดียวกันกับคนเมื่อวานนี้ที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยืนคุยอะไรบางอย่างกับผู้หญิงสามคนด้วยท่าทีหวาดกลัว
และแน่นอน… เขาทำแค่ยืนมองเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยสายตานิ่ง ๆ เท่านั้น ต่อให้เมื่อวานนี้มันจะมีการรุมทำร้ายหรือลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น ไจโรก็จะทำเพียงแค่ยืนมองเท่านั้น
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่านายต้องไม่เชื่อกัน”
“ใครไม่เชื่อ? ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะไมลีย์”
“ก็หน้าตานายมันฟ้องนี่”
“นั่นมันไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เชื่อนายสักหน่อย แต่ฉันก็แค่ไม่เข้าใจต่างหากว่าทำไมนายต้องตื่นเต้นด้วย ก็แค่ได้คุยกับไจโรเอง”
“…”
“นี่นายชอบเด็กบ้านสิงโตเหรอ?”
“ห๊ะ? เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้ชอบเขานะ!” เพียงแค่ฮาร์วียิงคำถามแบบนั้นมาให้กัน ไมลีย์ที่เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่โรงอาหารรวมตั้งแต่ในวินาทีแรกที่เขาได้เจอหน้าฮาร์วีอีกครั้งก็รีบยกไม้ยกมือขึ้นปฏิเสธโดยพลัน เนื่องจากเขากลัวว่าเพื่อนสนิทจะเข้าใจตัวเองผิดไป
“แล้วทำไมนายต้องตกใจขนาดนั้นด้วย ฉันก็แค่ถามเอง เพราะปกติแล้วนายแทบไม่ตื่นเต้นกับอะไรด้วยซ้ำ ยกเว้นตอนที่นายเจอหนังสือดี ๆ สักเล่มหรือไม่ก็ตอนที่นายได้แกะหนังสือเล่มใหม่”
“…”
“ชักจะแปลก ๆ แล้วนะเนี่ย” ฮาร์วีไม่พูดเปล่า แต่อีกฝ่ายยังมีการหรี่สายตามองกัน คล้ายต้องการจับผิดกันด้วย
“แล้วทำไมนายจะต้องจับผิดกันด้วย” ไมลีย์ถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ฉันไม่เคยเห็นนายมีอาการตื่นเต้นเวลาได้ทำความรู้จักใครนี่ อีกอย่างไจโรก็เป็นหนุ่มฮอตของที่นี่ด้วย เพราะงั้นมันคงไม่แปลกอะไรหรอกใช่ไหมหากว่านายเองก็น่าจะสนใจเขาเหมือนอย่างคนอื่น ๆ”
“…”
“นี่อย่าบอกนะว่าฉันเดาถูก” อีกฝ่ายถามต่อเมื่อเห็นว่าไมลีย์เงียบไป นาทีเดียวกันดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฮาร์วีก็เปล่งประกายขึ้นมา เพียงเพราะอีกฝ่ายคิดว่าไมลีย์กำลังมีความรัก
“ใครบอกกันล่ะ นายเดาผิดต่างหากเล่า” ไมลีย์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังหมุนตัวเตรียมจะเดินหนีเพื่อนสนิทของตัวเองไปทางอื่นอีกด้วย เมื่อเขาคิดว่าฮาร์วีชักจะพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว
“ไมลีย์ นี่นายจะเดินไปไหนน่ะ” ฮาร์วีตะโกนถามกัน
“ก็กลับห้องของตัวเองน่ะสิ เพราะเดี๋ยวแม่ฉันก็จะโทรมาหาฉันแล้ว” ไมลีย์ตะโกนตอบกลับไปแบบที่ไม่หันกลับไปมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาที่แม่เขาจะโทรมาหากันแล้ว