EP.07
ทะเลหวาน
แพลนเดิมที่วางไว้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง นั่นคือไทม์สอบเสร็จ ก็จะพาที่บ้านไปชะอำเพื่อพักผ่อนสักสามวัน กิจการร้านทองนั้นก็คงต้องปิดชั่วคราวไปก่อนในช่วงที่ครอบครัวไม่อยู่ ทองในร้านก็ต้องย้ายออกมาเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เมื่อทุกคนพร้อมแล้วจึงเริ่มออกเดินทาง
ไทม์เลือกที่จะไปชะอำในวันถัดไปหลังสอบเสร็จทันที จองห้องพักไม่ไกลจากรีสอร์ทของญาติน้องน้ำตาลเท่าไหร่นัก แล้วการไปครั้งนี้ไทม์ได้บอกแม่น้องไว้แล้วว่าอาจจะไปเจอน้องที่โน่น พอดีว่าที่บ้านแพลนจะไปชะอำหลังสอบเสร็จพอดี ถ้าน้ำตาลอยู่โน่นไทม์จะแวะไปเล่นด้วย จึงได้ชื่อรีสอร์ทที่น้องไปอยู่มาจากแม่ แถมกำชับอีกว่าถ้าผ่านไปแถวนั้นจะแวะหาน้อง
เขาบอกแม่ราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจจะสร้างแพลนนี้เพื่อตามน้อง แต่แพลนนี้มีมาก่อนหน้าที่น้ำตาลจะไปชะอำอยู่แล้ว ทั้งที่จริงตัวเขาไม่ได้ชอบทะเลเท่าไหร่ ที่จะไปก็แค่ติดเด็ก อยากเจอน้อง แล้วการไปชะอำก็ไม่ได้ลำบากอะไรนัก ขับรถจากกรุงเทพเพียงสองชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว
“น้องรู้ไหมเนี่ยว่าไทม์จะไปหา”
“รู้ว่าจะไปวันนี้ แต่ไม่รู้ว่ากี่โมง ตั้งแต่น้องไปชะอำก็ไม่ได้โทรคุยกันเลย”
ระหว่างทางที่ขับออกจากบ้านมาแม่ก็หันไปถามไทม์ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ร่างสูงใช้หมวกแก๊ปสีดำปิดหน้า เอนหลังไปกับเบาะเตรียมตัวจะงีบเพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน มัวแต่จัดกระเป๋า ต้องเก็บของเล่นที่ไทม์สั่งซื้อมาเพื่อจะไปสร้างปราสาททรายกับน้อง ไหนจะขนมนมเนยที่จะเอาไปฝากน้องอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบตีสาม
ไทม์ใช้เวลาในการเดินทางหมดไปกับการหลับตลอดทาง ตกลงกับพ่อไว้แล้วว่าให้พ่อขับขาไปแล้วเดี๋ยวขากลับกรุงเทพฯไทม์จะขับรถให้เอง
13.50 น.
จีพีเอสนำทางมาสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นที่พักที่ไทม์จองแล้วแม่กับพ่อก็ชอบเพราะวิวสวย ห้องกว้าง ติดชายทะเล ไทม์ถูกปลุกหลังรถจอดสนิท ร่างสูงเมื่อตื่นมาพบว่าถึงที่หมายก็คลี่ยิ้มทันที จัดการลงไปขนกระเป๋าจากท้ายรถแล้วเดินไปที่ล็อบบี้เพื่อติดต่อเข้าพัก
ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เดินนำไปพร้อมคีย์การ์ด ห้องที่จองเป็นห้องครอบครัวขนาดใหญ่ เตียงห้าฟุตสองเตียง ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำหรูหรา ด้านหน้าแบ่งโซนนั่งเล่นและครัวชัดเจน แม่กับพ่อเข้ามาถึงกับชมเปราะว่ากว้างขวางและสวยเหมือนรูปที่รีวิว ไทม์เห็นพ่อแม่ยิ้มก็ยิ้มตาม แถมเดินมาเปิดผ้าม่านฝั่งทะเลให้ชมวิวอีกด้วย
“พ่อกับแม่พักผ่อนไปก่อนนะ ไทม์ไปหาน้ำตาลก่อน เดี๋ยวตอนเย็นไปกินข้าวกัน ไทม์จองร้านไว้แล้ว”
“แล้วน้ำตาลอยู่ไหน ไกลไหม เอารถไปสิ”
พ่อพูดพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ไทม์ แต่เขาก็อมยิ้มแล้วปฏิเสธไป
“น้องอยู่ห่างจากนี่ไปห้าร้อยเมตรเองพ่อ ไทม์วิ่งไปหาแป๊บเดียวก็ถึง”
ไทม์เดินมาเปิดกระเป๋าของตัวเอง ก่อนแยกขนมและของเล่นที่เตรียมมาให้น้องซึ่งเขาได้เตรียมถุงใหญ่เพื่อใส่ของพวกนี้รวมกันไว้ด้วย คิดไว้แล้วว่าตอนหอบเอาของไปให้จะได้ไม่ลำบากแล้วน้องจะได้มีถุงเก็บของเล่นเป็นที่เป็นทาง
“แล้วนั่นถืออะไรไปไหน ถุงเบ้อเร่อ”
“ขนมกับของเล่นของน้ำตาลอะแม่ ไทม์ซื้อมาให้น้อง อยู่นี่อีกหลายวันไม่รู้มีขนมกินหรือเปล่า”
“ตอนเย็นถ้าญาติเขาไม่ว่าอะไร พาน้องมากินข้าวกับเราก็ได้นะ”
“ไว้จะลองชวนดูนะแม่ งั้นไทม์ไปก่อนนะ”
ร่างสูงกระชับกระเป๋าผ้าขึ้นบ่า เดินออกจากห้องพักมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทที่น้องอยู่ซึ่งห่างจากตรงนี้ประมาณห้าร้อยเมตร ระยะห่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่ใกล้น้ำตาลไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรก็เป็นจริงเพราะดันมีรีสอร์ทที่พ่อกับแม่ชอบอยู่ใกล้กันพอดี ไทม์จึงไม่ลำบากในการมาหาน้องเลย นี่ใกล้กว่าที่คิดด้วยซ้ำ
เมื่อออกมาถึงหน้ารีสอร์ทก็เจอทะเลพอดี ห่างกันแค่ถนนกั้นเท่านั้น กลิ่นเค็มของน้ำทะเลมาพร้อมกับลมปนไอแดดที่ร้อนมากจนไทม์ต้องหยีตามอง สองเท้ารีบเดินลัดเลาะริมถนนเพื่อตรงไปยังรีสอร์ทที่น้ำตาลอยู่
และแล้วก็มาถึงเสียที ไทม์เดินเข้าไปพลางมองไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอคนที่อยากเจอ แต่มองไปทางไหนก็ไม่เจอน้ำตาล เขาจึงตัดสินในเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ซึ่งที่ตรงนั้นมีเพียงผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
“อ่า ขอโทษนะครับ ใช่..พี่ลูกจันทร์ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ”
“เอ่อ คือผมมาหาน้องน้ำตาลน่ะครับ”
“นี่คือไทม์ใช่ไหม? เจ้าเด็กอ้วนบอกพี่ไว้แล้ว ตอนนี้ขึ้นไปเข้าห้องน้ำน่ะ นั่งรอก่อนนะ”
“ขอบคุณครับ”
ไทม์ยกกระเป๋าผ้าลงจากบ่าแล้วนำมันวางไว้บนโซฟาข้างตัว บรรยากาศเริ่มน่าอึดอัดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าพี่ลูกจันทร์ลอบมองไทม์บ่อยเกินไป มองแล้วก็พิมพ์โทรศัพท์ราวกับกำลังส่งข่าว ซึ่งไทม์เองก็เข้าใจได้ว่าคงจะรายงานให้แม่ของน้องรู้ว่าไทม์มาถึงแล้ว พอรู้ว่ากำลังโดนจับตามองไทม์ก็ยิ่งนั่งเกร็ง
ตึก ตึก ตึก
“พี่ไทม์ค้าบบบบบบ”
แล้วกำแพงแห่งความน่าอึดอัดก็ทลายลงเมื่อน้ำตาลวิ่งเข้ามาโผกอดไทม์ด้วยท่าทางดีใจ น้องทั้งยิ้มทั้งหัวเราะในขณะที่ไทม์ต้องรักษาอาการสุด ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความเอ็นดูน้อง เขาทำเพียงเผยยิ้มเจือจางไปให้แล้วลูบหัวทุยป้อย ๆ ทั้งที่ใจอยากฟัดแก้มน้องสักที
“พี่ซื้อขนมมาให้หนูเยอะเลย”
“ไหนครับ ๆ ๆ”
น้ำตาลปีนขึ้นไปนั่งบนตักไทม์อย่างสนิทสนม จุดนี้ไทม์ก็ห้ามน้องไม่ทันเพราะพี่ลูกจันทร์มองเขาไม่วางตาเลย เฮ้อ ไทม์ได้แต่ตามใจน้องแล้วกางถุงผ้าเพื่อให้น้องดูขนมและของเล่น เด็กน้อยตาลุกวาว คว้าช็อคโกแลตสอดไส้อัลมอนด์มาหนึ่งชิ้นโดยไม่ลืมอ้อนให้พี่ไทม์แกะให้
“พี่ลูกจันทร์ครับ ผมซื้อขนมไทยเจ้าอร่อยแถวบ้านมาฝากด้วยครับพี่”
“ขอบใจจ้า”
การเข้าหาผู้ใหญ่ให้ได้มากที่สุดนับเป็นเรื่องที่ดีและไทม์ก็ควรทำ ในเมื่ออยากสนิทสนมกับลูกหลานเขา ก็ต้องซื้อใจแม่กับน้าให้ได้ไม่มากก็น้อย ไทม์หยิบขนมที่ซื้อให้พี่ลูกจันทร์ออกมาจากกระเป๋าและนำไปยื่นให้ด้วยรอยยิ้มนอบน้อม
“พี่ไทม์ อันนี้อร่อยยยยย”
“คิดไว้แล้วว่าหนูต้องชอบเลยซื้อมาให้”
น้ำตาลหยิบช็อคโกแลตหลายชิ้นใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนกระโดดลงจากโซฟาแล้วเดินไปหาไทม์ มือเล็กคว้ามือเรียวหมับพลางออกแรงดึง
“ขอบคุณค้าบบบ พี่ไทม์ใจดีที่สุดเลยยยย”
“อยู่ที่นี่ก็เป็นเด็กดีนะครับ อย่าดื้อ ถ้ารู้ว่าเป็นเด็กดีพี่ไทม์จะซื้อขนมให้หนูกินอีกเยอะ ๆ เลย”
“ครับผม ว่าแต่เราไปเล่นน้ำกันได้ยังครับ”
ไทม์หันไปทางพี่ลูกจันทร์เชิงขออนุญาต พี่ลูกจันทร์พยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินออกมาหาหลานคนเล็ก
“เดี๋ยวให้พี่น้อยโหน่งไปเล่นด้วยนะ เจ้าโหน่งชวนเล่นตั้งแต่น้ำตาลมาถึงวันแรกเราก็ไม่ยอมเล่น บอกแต่จะรอเล่นกับพี่ไทม์”
ร่างสูงเจ้าของชื่อตกใจเล็กน้อยทว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็มีความรู้สึกอื่นมาแทนที่ น้องรอเขาอย่างนั้นหรือ มาอยู่นี่ตั้งหลายวันก็ไม่ยอมเล่นน้ำทะเลเพื่อรอเล่นกับไทม์ ความดีใจคงปิดไม่มิดอีกแล้ว เมื่อไทม์เผยยิ้มกว้างจนเห็นฟัน แถมใบหน้าก็เริ่มร้อนผะผ่าวบ้างแล้วด้วย
“แล้วพี่น้อยโหน่งอยู่ไหนอ่าค้าบบบ”
“ขึ้นไปเปิดห้องให้ลูกค้าเดี๋ยวก็ลงมา ไทม์ พี่ฝากหลานอีกคนไปเล่นด้วยนะ”
“ได้ครับพี่ลูกจันทร์”
แพลนที่หวังจะได้เล่นกับน้องสองคนล่มแล้ว แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้มาเจอน้ำตาลที่นี่ ได้เอาขนมมาให้ ได้พาไปเล่นน้ำ สร้างปราสาททราย แค่นี้ก็หายคิดถึงแล้วล่ะหลังจากที่ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน
ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อก็มีเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามา คนนี้ดูโตกว่าน้ำตาลมากอยู่แต่ก็ยังดูเด็กกว่าไทม์ ร่างสูงส่งยิ้มใจดีไปให้เด็กคนนั้นจึงยกมือไหว้ตามมารยาท
“พี่น้อยโหน่ง นี่พี่ไทม์ที่น้ำตาลเคยเล่าให้ฟังไง”
“อ๋อออออ สวัสดีครับพี่ ผมชื่อน้อยโหน่งนะครับ อยู่ม.5 น่าจะเด็กกว่าพี่สักสามสี่ปี”
“ไป ๆ พาน้องไปเล่นน้ำ อย่ากลับเข้ามาค่ำนักล่ะ โหน่งดูแลน้องด้วยนะ ไทม์ พี่ฝากเด็กสองคนนี้หน่อยนะ แต่น้องไม่ซนมากหรอก”
“ครับพี่”
น้อยโหน่งยื่นมือไปหาน้องเพื่อที่จะจูงมือน้องเดินออกไปทะเลอย่างเช่นทุกวัน น้ำตาลได้เดินเล่มริมทะเลแล้ว ตื่นเต้นไปกับความกว้างใหญ่ของผืนน้ำแล้วเช่นกัน แต่ไม่เคยเข้าไปใกล้น้ำเลยเพราะอยากรอพี่ไทม์ อยากเล่นพร้อมกับพี่เพราะมันคือการเล่นทะเลครั้งแรก น้องกลัวฉลาม แต่พี่ไทม์ของน้ำตาลเก่งที่สุด หากได้เล่นน้ำกับพี่ไทม์ต่อให้เจอฉลามน้องก็จะไม่กลัว
“พี่น้อยโหน่งไม่ต้องจูงแล้ว น้ำตาลจะไปกับพี่ไทม์”
เจ้าตัวเล็กนอกจากจะไม่ย้ายมือป้อม ๆ ของตัวเองไปหาน้อยโหน่งแถมยังกระชับฝ่ามือจับไทม์แน่นขึ้นไปอีก ไทม์ก็ได้แต่หลุบตามองน้องแล้วส่งยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาคว้าเอาถุงของเล่นมาไว้อีกมือหนึ่งแล้วเดินจูงน้องออกไป โดยมีน้อยโหน่งเดินตามประกบไปติด ๆ
ไทม์พาเด็ก ๆ ข้ามถนนที่มีรถสัญจรตลอดเวลาเพื่อไปยังชายหาด เมื่อมาถึงแล้วเด็กน้อยถึงกับตาหยีเพราะแดดแรงเหลือเกิน ไทม์เลยให้น้องมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งเพื่อที่จะเอาตัวเองบังแดดให้
“จะเล่นน้ำก่อนหรือจะเล่นทรายกันก่อนดีครับ”
“โหน่งแล้วแต่น้องเลย”
“ว่าไงครับ หนูอยากเล่นอะไรก่อน”
ร่างสูงย่อตัวลงนั่งตรงหน้าของเจ้าตัวเล็ก ถามน้องด้วยรอยยิ้มสุดแสนจะตามใจ ส่วนคนที่ต้องตัดสินใจนั้นยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มข้างหนึ่งพลางเอียงใบหน้าครุ่นคิด หารู้ไม่ว่าท่าทางแบบนี้พาให้ไทม์ตะโกนคำว่าน่ารักในใจจนเหนื่อยแล้ว
“เล่นน้ำก่อนก็ได้ครับ พี่ไทม์พาหนูไปเล่นหน่อยยยย”
พอไทม์เรียกน้ำตาลว่า ’หนู’ บ่อย ๆ ตอนนี้น้องก็ติดเรียกแทนตัวเองว่าหนูกับไทม์แล้ว ซึ่งมันเพิ่มความน่ารักมากขึ้นไปอีก ไม่มีครั้งไหนเลยที่น้องพูดแล้วไทม์จะไม่ยิ้มเพราะเท่าที่สังเกตน้องไม่แทนตัวเองแบบนี้กับใครเลย
“งั้นโหน่งเล่นทรายรอได้ไหมพี่ โหน่งเบื่อเล่นน้ำแล้ว เดี๋ยวจะปั้นทรายรออยู่ตรงนี้นะครับ”
“ได้ครับ พี่ก็เล่นอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละไม่พาน้ำตาลไปลึกหรอก”
“พี่น้อยโหน่งปั้นทรายเป็นตัวมินเนี่ยนให้น้ำตาลหน่อยสิ อยากเห็น ๆ ๆ”
“ยากจัง ไว้เล่นน้ำเสร็จขึ้นมาช่วยพี่ปั้นแล้วกันนะ”
“ก็ได้ ๆ งั้นเราไปเล่นน้ำกันเถอะครับ แต่ว่าหนูกลัวอ่า มันลึกมากไหมครับ”
“ถ้าออกไปไกลก็จะลึกครับ หนูห้ามออกมาเล่นน้ำคนเดียวเด็ดขาดนะ แต่วันนี้พี่จะพาหนูเล่นตื้น ๆ แถวนี้แหละ”
ทั้งสองคนถอดรองเท้าแตะที่ใส่อยู่ไว้ที่ชายหาดตรงที่น้อยโหน่งบอกว่าจะเล่นทรายรอ จากนั้นไทม์ก็จูงมือพาน้องเดินเข้าไปใกล้น้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ และเจ้าตัวเล็กก็เริ่มรั้งมือไว้ไม่กล้าเดินเมื่อน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งแล้วกระเด็นโดนตัว น้ำตาลมองน้ำที่ซัดเข้ามาแล้วกลับคืนผืนน้ำไป เหลือไว้เพียงฟองสีขาวบางเบาเป็นคราบอยู่บนชายหาด
“พี่ไทม์ หนูกลัว หนูว่าน้ำมันลึก น้ำมันขึ้นมาแล้วไหลกลับไปไกลเลย เราจะจมน้ำไหม”
“ไม่ลึกหรอก มานี่มา หนูยืนบนเท้าพี่ก็ได้เดี๋ยวพี่พาหนูเดินเอง”
เจ้าตัวเล็กขึ้นมายืนเหยียบบนเท้าของไทม์อย่างที่คนพี่เสนอ สองมือยกขึ้นกุมมือกับไทม์แน่น จากนั้นร่างสูงก็ออกแรงยกเท้าก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับน้องทีละก้าว และเมื่อน้ำทะเลซัดขึ้นฝั่งอีกครั้งเท้าของทั่งคู่ก็สัมผัสกับความเย็นของธารน้ำที่แม้จะโดนแสงอาทิตย์สาดส่องแค่ไหน ก็ยังคงโอบอุ้มความเย็นเอาไว้ได้อยู่
“หูยยย น้ำเย็นจังงง”
“ลองเดินเองไหม”
“หึ ไม่เอา พี่ไทม์พาหนูเดินไปอีกหน่อยก่อน หนูกลัว”
มวลน้ำสูงขึ้นถึงข้อเท้าแล้วเมื่อทั้งคู่พากันเดินลึกไปเรื่อย ๆ ไทม์เห็นน้ำตาลไม่กลัวเท่าทีแรกแล้วจึงอุ้มน้องลงจากเท้าตัวเองแล้วจูงน้องเดิน เจ้าเด็กพอคุ้นชินแล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยากเล่นน้ำทะเล พวกเขาเดินต่อไปจนน้ำสูงเท่าเข่าของไทม์
ไทม์เห็นน้องหัวเราะร่าก็ยิ้มตาม ค้อมตัวลงวักน้ำใส่น้องจนเสื้อของน้ำตาลเปียก จากนั้นคนน้องก็เอาคืนโดยการตีน้ำใส่พี่แม้จะเปียกแค่กางเกงของไทม์ก็ตามแต่น้องก็ตีไม่หยุด ตีจนตัวเองเปียกไปทั้งตัว
“หายกลัวไหมครับ”
“ถ้าไม่ลึกหนูก็ไม่กลัวหรอก”
“เราเล่นตรงนี้แหละ ไม่ไปลึกกว่านี้แล้ว หนูลองยืนดี ๆ หันหน้าไปทางโน้น เดี๋ยวพอคลื่นซัดมาหนูก็เกร็งตัว...”
โครม!
ไม่ทันได้สอนการรับมือกับคลื่นจบ น้ำก็ซัดเข้ามาพอดีทำให้น้ำตาลตั้งตัวไม่ทัน ยื้อแรงน้ำไม่ไหว น้องหงายหลังล้มลงไปแต่ดีที่คนแขนยาวคว้าน้องมากอดไว้ได้ทัน
“ฮื่อออ หนูกลัววว เมื่อกี้หนูจะจมน้ำแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ น้ำแค่นี้ไม่จมหรอกครับ มานี่มา เราเล่นกับคลื่นกัน”
ไทม์นั่งลงทำให้น้ำทะเลอยู่บริเวณใต้อก เขานั่งกางขาแล้วจับให้น้องมายืนตรงกลาง เมื่อเห็นคลื่นอีกลูกกำลังซัดมาจึงบอกให้น้ำตาลเกร็งตัวสู้กับคลื่น เจ้าเด็กน้อยก็ทำตามอย่างว่าง่ายแต่พอน้ำซัดเข้ามากลับไม่ง่ายอย่างที่คิด น้องหงายหลังอีกแล้ว ทว่าควาวนี้ล้มใส่หน้าอกแกร่งของพี่ไทม์ เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเมื่อน้ำตาลเริ่มสนุกไปกับการเล่นคลื่นไปกับไทม์
เล่นกันอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งน้อยโหน่งก็เดินเข้ามาหา ยื่นห่วงยางเด็กสีเหลืองลายมินเนี่ยนมาให้น้อง บอกว่าพี่ลูกจันทร์ฝากเอามาให้ก่อนจะชี้ขึ้นไปที่ฝั่งที่มีพี่ลูกจันทร์โบกมือทักทาย
น้ำตาลยกมือโบกทั้งสองแขนด้วยท่าทางร่าเริง แต่เพียงชั่วอึดใจน้องก็หันกลับมาเล่นกับไทม์ต่อปล่อยให้น้อยโหน่งเดินเข้าฝั่งไปโดยที่น้องไม่ได้หันไปสนใจอีก
ไทม์นั่งมองน้องเล่นกับคลื่นอย่างเพลิดเพลินโดยที่เป็นเขาเองที่ต้องดูแลห่วงยางแทน เราไม่ได้ไปตรงที่น้ำลึกจึงไม่จำเป็นต้องใช้ อยู่กันที่น้ำตื่นแบบนี้แหละดูแลน้องง่ายกว่า ชอบเหลือเกินตอนที่มีน้องวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ คอยรับน้องตอนล้ม คอยเช็ดหน้าเช็ดตาและเสยผมที่ปรกหน้าให้ใหม่ งานดูแลเด็กขอให้บอกเพราะไทม์ถนัดมาก
“เมื่อยแล้ว หนูนั่งตักได้ไหม”
“ได้ครับ มาสิ เดี๋ยวคลื่นมาค่อยลุกขึ้นยืนก็ได้”
น้ำตาลทิ้งตัวนั่งลงบนตักพี่ไทม์ทันทีที่ไทม์นั่งท่าขัดสมาธิใต้น้ำเสร็จ แต่น้ำก็สูงเกือบถึงคอของน้ำตาลเลย เด็กน้อยเชิดหน้าชูคอขึ้นเล็กน้อยเพราะกลัวตัวเองจะจมน้ำ ทั้งที่ก็รู้ว่าพี่ไทม์ไม่ปล่อยให้เป็นอะไรแน่นอน แขนข้างหนึ่งของไทม์กอดเอวน้องอยู่ ส่วนแขนอีกข้างยันไว้กับผืนทรายด้านหลังเพื่อทรงตัว
“พี่ไทม์ว่าในทะเลมีปลาไหมครับ”
“ถ้าลึกมาก ๆ ก็อาจจะมี”
“แล้วจะมีปลาฉลามไหม”
“ไม่มีหรอกครับ”
“แล้ว...”
ยังไม่ทันได้ซักถามเจื้อยแจ้วต่อ น้ำตาลก็เหลือบไปเห็นคลื่นระลอกใหม่กำลังจะเข้าประชิดตัว น้องรีบลุกขึ้นเพื่อที่จะโต้คลื่นเล่นทว่าก็ไม่ทัน กลายเป็นการไถตัวอยู่ที่หน้าอกของไทม์เพื่อจะพยุงตัวเองให้ลุกแล้วก็หงายหลังไปอีกครั้ง รอบนี้ไทม์ก็ไม่ทันได้เกร็งแขนที่ยันไว้ด้านหลังทำให้เสียหลักไปพร้อมกัน
ไทม์รีบจับน้องให้ยืนขึ้นก่อนที่ตัวเองจะหยัดตัวนั่งตรง เจ้าตัวเล็กสำลักน้ำไอออกมาจนหน้าเริ่มแดง ร่างสูงจึงดึงเข้ามากอดพลางลูบหลังให้
“พี่ขอโทษครับ พี่นั่งไม่ดีเอง”
“แค่ก ๆ ๆ ๆ หนู ไม่ แค่ก ๆ เป็นไรครับ ฮึก”
“ไหวไหม เลิกเล่นก็ได้นะเราขึ้นฝั่งกันเลยก็ได้”
“น้ำเค็มปี๋เลยอ่า แหวะ ๆ”
เด็กน้อยแลบลิ้นออกมาอย่างไม่ชอบใจรสชาติของน้ำทะเล ก่อนจะลืมตัวใช้มือถูกลิ้นหวังจะเช็ดรสเค็มนี้ออก แต่มือนั่นกลับเค็มยิ่งกว่า ไทม์เห็นน้องทำหน้าเหยเกก็ทั้งขำทั้งเอ็นดู เจ้าตัวเล็กพอเห็นพี่หัวเราะก็หัวเราะตามแถมโผเข้ากอดไทม์แล้วหอมแก้มพี่ทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา แล้วขณะนั้นเองที่เสียงหัวเราะของไทม์หายไป สีหน้าเขาดูตกใจก่อนจะตามมาด้วยอาการหน้าร้อนที่ไม่ได้มาจากไอแดด
“หอมแก้มพี่ทำไมครับ หนูอ้อนเอาอะไรเอ่ย”
“หนูคิดถึงพี่ไทม์ ไม่เห็นพี่ไทม์หัวเราะกับหนูนานแล้ว”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ไทม์ยกมือขึ้นลูบหน้าอกซ้ายของตัวเองสองสามทีเป็นการปลอบขวัญ เขาเหลือบตามองผู้คนรอบด้านเมื่อไม่มีใครสนใจ ไทม์จึงเอียงหน้าหอมแก้มนุ่มของน้ำตาลบ้าง จมูกโด่งฝังลงกับแก้มกลมทั้งสองข้างโดยมีเจ้าของแก้มซาลาเปาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี น้ำตาลเอียงแก้มให้พี่หอมพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้
“พี่ก็คิดถึงหนูเหมือนกันครับ”
“หนูอยากอยู่กับพี่ไทม์ทุกวันเลย พี่ไทม์ใจดี”
“ถ้าอีกสิบกว่าปียังไม่เปลี่ยนใจ ไม่แน่เราอาจอยู่ด้วยกันก็ได้นะ”
“หนูไม่เปลี่ยนใจหรอก”
“ให้มันจริงเถอะ”
มือใหญ่ยื่นไปบีบจมูกเล็กของน้องด้วยความมันเขี้ยว เจ้าตัวเล็กถึงกับย่นคอหนีแล้วอยากแกล้งพี่ไทม์คืนบ้าง แต่แขนป้อม ๆ สั้น ๆ นั้นยื่นออกไปจนสุดแขนก็ยังไม่ถึงหน้าพี่ไทม์เลย
ทั้งคู่เล่นกันอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าตัวเล็กก็ลืมเล่นโต้คลื่นไปเลยเพราะไม่รู้สึกเหมือนจะล้มอีกต่อไปเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของไทม์ แล้วพอได้พูดคุยกับไทม์ความสนใจทั้งหมดที่น้องมีก็อยู่ที่คนพี่แค่คนเดียว
ไม่ต่างกันกับไทม์ที่ละความสนใจจากคนทั้งหาดแล้วมองแค่น้ำตาล เล่นแค่กับน้องเท่านั้น แล้วเขาก็ได้คำตอบแล้วว่ารอยยิ้มของน้ำตาลกับดวงอาทิตย์อะไรมันสว่างสดใสกว่ากันในความรู้สึกของเขา แน่นอนว่าคำตอบคือรอยยิ้มของน้องอยู่แล้ว