EP.09-2
เรื่องดี ๆ ในคืนที่ฝนตก
ตอนนี้ไม่ใช่แค่น้ำตาลที่อยากโตเร็ว ๆ แล้ว ไทม์เองก็อยากโตแล้วเช่นกัน อยากเรียนจบตรงนี้เพื่อไปเรียนบินอีกสองปี เพื่อสมัครนักบินอยู่ในสายการบินสักสายและทำงานอยู่ที่นั่น หากวันนั้นหาเงินด้วยตนเองได้มากก็คงดี ถ้ามากพอที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยอีกคนก็คงจะดีมาก
“หนูหิวไหม มีไส้อั่วนะกินไหม?”
“ไส้อั่วคืออะไรครับ”
ไทม์แกะไส้อั่วมาให้ดูพลางอธิบายวัตถุดิบคร่าว ๆ ว่าทำมาจากเนื้อหมูบดผสมกับสมุนไพรต่าง ๆ ปรุงรส และนำมายัดใส่ในไส้หมู อย่างที่เห็นเป็นแท่งยาวนี่แหละ ไทม์ตัดแบ่งออกมาชิ้นหนึ่งยาวประมาณคืบหนึ่งแล้วนำไปเวฟ จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นเล็กให้น้องชิม แน่นอนว่าคนไม่เคยกินก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“เป็นไง อร่อยไหม?”
“ฮื่อ มันเผ็ดนิดนึงนะเนี่ย แต่อร่อยดีนะครับ หนูกินได้”
“กินกับข้าวน่าจะพอดี งั้นพี่หุงข้าวให้หนูนะ”
พอจัดการหุงข้าวเสร็จไทม์ก็มานึกได้ ว่าถ้าแม่กลับมาต้องสงสัยแน่ว่าใครมาหุงข้าวเพราะน้ำตาลหุงไม่เป็น อ่า แย่แล้ว ฉะนั้นคงต้องเล่นละครอีกสักฉากหนึ่งเพื่อเอาตัวรอด ไทม์เปิดไลน์ของแม่ขึ้นมาทันทีเพื่อจะส่งข่าวคราวให้ทราบ
The Time : ผมเอาของฝากมาส่งเรียบร้อยแล้วนะครับ แต่เจอน้ำตาลพอดี ถุงมันใหญ่มากน้องถือขึ้นมาไม่ไหวผมเลยเอามาใว้ในห้องให้แล้วนะครับ
The Time : น้องกินไส้อั่วแล้วบ่นหิวข้าว ผมเลยถือวิสาสะหุงข้าวให้น้องกินกับไส้อั่วนะครับ ตอนนี้ก็นั่งกินแคบหมูอยู่
The Time : ถ้าน้องกินข้าวเสร็จผมจะรีบกลับนะครับ ไม่อยากอยู่รบกวนที่นี่นานครับ ขออนุญาตอยู่ดูแลน้องอีกสักพักนะครับ
หลังจากส่งข้อความไปไทม์ก็นั่งจ้องอยู่ครู่หนึ่ง เห็นปลายทางไม่ขึ้นว่าอ่านแล้วจึงล็อคหน้าจอแล้วหันมาสนใจเด็กแก้มกลมที่นั่งตรงหน้าแทน ตอนนี้น้ำตาลกินแคบหมูจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะบ่นเผ็ดแต่ก็ยังใจสู้ที่จะกินต่อ
19.25 น.
จนป่านนี้แล้วไทม์ก็ยังไม่กลับบ้าน การได้อยู่กับน้ำตาลมันก็มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันจนเพลิดเพลิน ลืมดูเวลาจนได้ว่ากี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว
วันนี้น้ำตาลมีการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ด้วย พี่ไทม์อาสาสอนแบบเข้าใจง่าย ๆ จากนั้นน้องก็เริ่มทำเองโดยที่จะให้ไทม์ตรวจตอนสุดท้ายว่าผิดหรือถูกกี่ข้อ แต่ก็ไม่ใช่การตรวจการบ้านธรรมดาเพราะมีรางวัลแลกเปลี่ยนกันด้วย
‘ข้อไหนทำถูกพี่หอมแก้มหนู ข้อไหนทำผิดหนูหอมแก้มพี่’
ข้อตกลงที่ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่จะได้ประโยชน์มากกว่ากัน แต่ทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจจะให้มันเป็นอย่างนั้นเพราะไม่มีใครค้านเลยสักคน แล้วเด็กน้อยก็ตั้งอกตั้งใจทำการบ้านซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าตั้งใจทำให้ถูกหรือผิดมากกว่ากัน น้ำตาลนั่งกินขนมที่ไทม์ป้อนไปด้วยก็ทำการบ้านไปด้วยรอยยิ้ม อยู่กับพี่ไทม์ทีไรแก้มกลม ๆ นี่ไม่เคยได้หุบยิ้มมันเลยสักครั้ง
ครืนนน... เปรี้ยง!
“ฮือออออ หนูกลัว”
จู่ ๆ ฟ้าก็ร้องครืนก่อนจะผ่าดังเปรี้ยงเสียงดังจนน้ำตาลสะดุ้งโหยง ไทม์จึงโผเข้ากอดน้องทันทีด้วยสัญชาตญาณการปกป้อง มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวน้องป้อย ๆ เพื่อปลอบขวัญ ไม่นานเมื่อเสียงฟ้าสงบลงก็มีเสียงฝนตกและเสียงลมพัดมาแทนที่ ดูท่าทางแล้วข้างนอกฝนจะตกหนักน่าดู
“ไม่ต้องกลัวแล้ว พี่ไทม์อยู่กับหนูน้า ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”
“หนูไม่ชอบเสียงฟ้าเสียงฝน”
“พี่ว่าฝนตกก็เย็นสบายดีนะ พี่หลับยาวทุกทีเลย”
ตื๊อดึ่ง!
เสียงแจ้งเตือนจากไลน์เข้ามา เมื่อไทม์เห็นว่าเป็นแม่ของน้ำตาลก็รีบเปิดดูทันที
BAITOEY : ยังอยู่กับน้องน้ำตาลอยู่ไหมคะ?
The Time : ยังอยู่ครับ น้องกินข้าวเสร็จผมเลยอยู่สอนการบ้านน้องต่อ เห็นว่ามีบางส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจครับ
BAITOEY : น้องไทม์สะดวกอยู่กับน้องต่อไหมคะ
The Time : สะดวกครับ ผมไม่ได้ไปไหน คุณแม่กลับดึกได้ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับเดี๋ยวผมอยู่กับน้องรอคุณแม่เอง
BAITOEY : น้ำตาลไม่ชอบฝนค่ะ ตอนนี้ฝนตกหนักเลย ช่วยอยู่กับน้องก่อนนะคะอย่าให้น้องอยู่คนเดียว เขาอยู่คนเดียวตอนนี้ไม่ได้ เขากลัว
The Time : ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ
BAITOEY : รบกวนหน่อยนะ
The Time : ยินดีมากครับ
ไทม์ถึงกับลุกขึ้นกระโดดโหยงเหยงด้วยความดีใจ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสใกล้ชิดน้ำตาลได้ขนาดนี้โดยเฉพาะคนที่อนุญาตเป็นแม่ของน้องเองเสียด้วย อย่างน้อยวันนี้ก็ได้อยู่กับน้องถึงสี่ทุ่มแน่นอน กว่าแม่จะกลับมาถึงห้องก็คงดึกกว่านั้น ฉะนั้นวันนี้ไทม์อาจได้พาน้องอาบน้ำ พาน้องเข้านอน ได้มองน้องหลับปุ๋ย แค่คิดไทม์ก็เผลอหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจนน้ำตาลต้องเหลือบตามองอาการประหลาดเหล่านี้อย่างสงสัย
21.25 น.
การบ้านวิชาคณิตศาสตร์เสร็จลงช้ากว่ากำหนดมาก เพราะเจ้าตัวมัวแต่ตกใจเสียงฟ้าร้องจนไส้ดินสอหักไปหลายครั้ง กว่าจะออดอ้อนโอ๋กับไทม์ กว่าจะเหลาดินสอเสร็จแล้วมานั่งทำใหม่ก็กินเวลาไปหลายนาที แต่พอเสร็จแล้วไทม์ก็นั่งตรวจการบ้านแต่ละข้อด้วยความใจเย็น ตรวจการบ้านไปมีเด็กตัวนุ่มนิ่มมานั่งกอดเขาไปด้วยแบบนี้มีอะไรให้ใจร้อนหรือ ก็ไม่ มีแต่จะใจเย็น ใจดี นั่งยิ้มกว้างออดอ้อนกันอยู่สองคน
“การบ้านข้อกาสามสิบข้อ หนูทำผิดหกข้อ ถูกยี่สิบสี่ข้อ”
“หนูได้หอมแก้มพี่ไทม์หกทีเองเหรอ โห่ รู้งี้หนูแกล้งทำผิดให้หมดก็ดีหรอก”
“อยากหอมแก้มพี่เหรอครับ หืม”
“ครับ แล้วก็อยากให้พี่ไทม์หอมแก้มหนูด้วย”
“งั้นมา เอียงแก้มนุ่ม ๆ ของหนูมาให้พี่หอมซะดี ๆ”
ไทม์ฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปาก จากนั้นก็เปลี่ยนมาหอมแก้มอีกข้างหนึ่ง ต่อมาสายตาคมก็หยุดมองที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“มองปากหนูทำไม จะจุ๊บไหม หนูให้พี่ไทม์จุ๊บ”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
“จุ๊บได้จริง ๆ นะครับ หนูไม่ว่าหรอก”
ไทม์ไม่อยากทำ ไม่อยากให้เกินเลยไปมากกว่านี้ แค่ได้หอมแก้มน้องมันก็มากพอแล้ว ซึ่งไทม์ไม่ได้ต้องการให้สิ่งที่คิดอยู่ในหัวเป็นจริงเสียทุกอย่างในตอนนี้ ไม่ใช่ มันยังไม่ถึงเวลา ไม่ใช่ตอน..นี้
จุ๊บ
เป็นน้ำตาลเองที่ยื่นหน้าเข้าไปสัมผัสปากหยักของไทม์ก่อน ริมฝีปากสัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
“หนูครับ อย่าให้ใครทำแบบนี้นะ”
“ได้ครับ หนูไม่เคยให้เพื่อนหอมแก้มนะ นอกจากแม่ก็มีพี่ไทม์นี่แหละ”
“หมายถึงตรงนี้ด้วย ห้ามคนอื่นแตะต้อง”
ไทม์ใช้นิ้วชี้แตะลงบนปากอวบอิ่มของน้องเพื่อบ่งบอกให้ชัดเจนว่า ตรงนี้น่ะห้ามใครแตะต้องนอกจากพี่ไทม์คนเดียว
“ทำไมล่ะครับ ถ้าส่งจุ๊บ ๆ ให้เพื่อนก่อนกลับบ้านได้ไหมอ่า”
“จุ๊บกลางอากาศได้ แต่ห้ามใครมาแตะมาปาก พี่หวง เข้าใจไหมครับ”
“ครับผม!”
“แล้วก็...อย่าบอกแม่นะว่าเราจุ๊บกัน เรื่องหอมแก้มก็ห้ามบอก หนูยังเด็กอยู่พี่ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง”
“ได้ครับ พี่ไทม์ขออะไรหนูจะทำตามหมดเลย”
“แล้วก็พี่ติดหอมแก้มหนูไว้ก่อนนะ เหลืออีกยี่สิบสองครั้ง เอาไว้หอมวันอื่น”
และแล้วคืนฝนตกคืนนี้น้ำตาลก็ลืมกลัวเสียงฟ้าเสียงฝนไปโดยปริยาย เพราะไทม์เบี่ยงเบนความสนใจมาที่ตัวเองจนหมด ทั้งชวนดูหนังจากเน็ตฟลิกซ์ที่เชื่อมกับมือถือไว้ ทั้งส่งอาบน้ำ หาชุดนอนให้ ปะแป้งให้ จนดึกเมื่อฝนซาลงเจ้าเด็กน้อยก็ง่วงไทม์จึงส่งน้องเข้านอนโดยที่เขาไม่ได้ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยเพราะนี่ไม่ใช่ที่ของเขา ไทม์ไม่ไปทับที่แม่แน่นอน
เขาทำเพียงนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง เอื้อมแขนไปให้น้องกอดหลับไปเท่านั้น ไทม์ใช้มืออีกข้างที่เหลือเท้าคางกับเตียง มองน้ำตาลหลับใหลด้วยสายตาเอ็นดู
แก่ก...
เสียงไขกุญแจห้องดังขึ้นทำให้ไทม์ค่อย ๆ ดึงแขนที่น้องกอดกลับมาด้วยความเบามือ ก็เป็นขณะเดียวกับที่แม่น้องเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับ น้องหลับไปแล้วครับ”
“น้ำตาลดื้อไหม?”
“ไม่เลยครับคุณแม่ น้องน่ารักมากครับ”
“นี่ของฝากใช่ไหม ขอบใจนะ ฝากขอบคุณแม่เราด้วย อ้อ ส่วนนี้กระเพาะปลาร้านหน้าซอย อร่อยนะ แม่ซื้อมาฝากไทม์กลัวไทม์จะหิว กินเลยไหมเดี๋ยวใส่ชามให้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอากลับไปกินที่บ้านดีกว่า เพิ่งกินขนมกับน้องมายังอิ่มอยู่เลยครับคุณแม่”
ภารกิจคืนนี้ก็จบลงด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ไทม์ใส่รองเท้ากำลังจะออกจากห้องก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยละเมอเรียกชื่อไทม์เสียงดัง แม่น้องบอกว่าน้ำตาลละเมอหาไทม์บ่อย ไทม์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มไม่หุบ แบบนี้ก็ไม่ใช่แค่เขาที่ฝันถึงน้องน่ะสิ น้องก็ฝันถึงไทม์เช่นกัน แต่ว่าจะฝันว่าอะไรน้า…
00.20 น.
BAITOEY : น้องไทม์ถึงบ้านหรือยังคะ ปลอดภัยดีไหม
The Time : ถึงแล้วครับคุณแม่ ปลอดภัยหายห่วงครับ
BAITOEY : คุกกี้แม่น้องไทม์อร่อยมากค่ะ นี่กินไปครึ่งกระปุกแล้ว ชอบมากเลย คุณแม่สนใจทำขายหรือเปล่าคะ
The Time : ปกติก็ทำไปวางขายที่ร้านบ้างครับ แต่ทำไม่เยอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมถามแม่ให้นะครับ
เอาล่ะ การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ไทม์ต้องไปตกลงกับแม่อีกทีหนึ่ง ถือว่าเป็นการอ้อนวอนเลยก็ว่าได้ ต่อให้แม่ไม่อยากทำขายแม่ก็ต้องทำขายแล้วล่ะ คงจะต้านทานความอ้อนของไทม์ไม่ไหวแน่ อยากจะสนิทสนมกับบ้านของน้ำตาลจะแย่อยู่แล้ว