บทนำ
บทนำ
พึ่บ พึ่บ พึ่บ
มือขาวนวลเรียวกำลังพลิกเปิดหน้าหนังสือที่บนกระดาษแต่ละหน้านั้นเต็มไปด้วยภาพวาดชายหญิงกำลังผสานร่างแนบชิดกันด้วยท่วงท่าต่าง ๆ
ยกตัวอย่างภาพวาดบนหน้าปัจจุบันที่นางกำลังนั่งกวาดตามองอย่างตั้งใจ
ภาพวาดสตรีในภาพนอนโก่งโค้ง ข้อศอกสองข้างค้ำยันบนเตียงนอน ส่วนหัวเข่าสองข้างรับน้ำหนักตัวเองโดยการยันไปบนเตียงเช่นกัน ใบหน้าไร้เครื่องหน้าเพราะจิตกรมิได้วาดลงไป กำลังเงยหน้าขึ้นราวกับว่านางกรีดร้องครางเสียงหวานออกมาจนสุดเสียง
ส่วนภาพวาดฝ่ายบุรุษร่างกายใหญ่กว่าฝ่ายหญิงอย่างชัดเจน ชายหนุ่มกึ่งยืนกึ่งนั่งโดยหัวเข่าทั้งสองข้างยันรับน้ำหนักตัวเองไว้บนเตียงนอนและหันหน้าเข้ามาร่างของฝ่ายหญิงที่นางกำลังนอนหันหลังอยู่ ส่วนที่เป็นเครื่องประจำกายของบุรุษเพศกำลังตอกเข้าไปในโพรงบุปผาของฝ่ายสตรี
หากมีใครเข้ามาเวลานี้ คงมิแคล้วหน้าแดงกันเป็นแถบ ๆ แน่
“จิ๊ ๆ”
หนังสือโป๊หรือหนังสือภาพวสันต์ของคนโบราณนี่วาดได้สวยงามมิหยอกเชียว หากเทียบกับสื่อลามกของยุคนาง ‘เฟยเซียน’ สาวน้อยผู้ภายนอกเป็นสตรีเพิ่งผ่านวัยปักปิ่น สิบห้าหนาวมาหยก ๆ ทว่าภายในนางคือสตรียุคสองพัน อายุย่างสี่สิบที่ยังโสดสนิทแต่แซ่บมาก
ไม่รู้นอนหลับอีท่าไหน ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในร่างของดรุณีน้อยวัยห้าหนาว
ใช่แล้ว
นางมาอยู่ในร่างนี้ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนด้วยสาเหตุอันใดมิอาจทราบได้
นางมิได้สะดุดก้อนหิน หรือ ตกท่อจนตายเหมือนในหนังสือนิยายหลายเล่มที่เคยอ่านหรอกนะ
แต่นางเพียงแค่นอนพักผ่อนหลังจากเพิ่งเสร็จกิจออกกำลังกายบนเตียงกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่นางสอยมาจากผับที่ไปเที่ยวเมื่อคืนมาก็เท่านั้น
ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในเมืองโบราณเช่นนี้
ใช้เวลาอยู่หลายเดือนกว่าจะสามารถทำใจให้สงบได้ ก่อนจะปลงกับโชคชะตา และตัดสินใจดำเนินชีวิตใหม่อีกครั้งในฐานะบุตรีคนเดียวของตระกูลเฟย ตระกูลขนาดเล็กที่มีสมาชิกเพียงสองคน
คือนางกับบิดานามเฟยอวี่ ผู้ประกอบอาชีพเป็นทหารรับใช้คนสนิทของแม่ทัพใหญ่จิ้นอัน
หลายคนคิดนางมีชีวิตที่น่าสงสารยิ่งนัก
มารดาสิ้นใจตั้งแต่นางเกิด ส่วนบิดาเป็นทหาร อาชีพที่ต้องเดินทางไปร่วมรบ ร่วมกองทัพคราวหนึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี
คำถามคือ แล้วบุตรีเล่าจะอาศัยอยู่อย่างไร ในเมื่อตระกูลก็มิได้มีเงินมากมายขนาดซื้อบ่าวมารับใช้สักคน ญาติมิตรสักคนก็ไม่มี
คำตอบคือ เฟยเซียนมาอาศัยอยู่ที่จวนใหญ่โตของหัวหน้างานของท่านพ่อ หรือท่านแม่ทัพใหญ่ จิ้นอันนั่นเอง
และนั่นก็จุดเริ่มต้นของงานแต่งงานในวันนี้
เฟยเซียนในตอนนี้กำลังนั่งเหงาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องหอเพื่อรอเจ้าบ่าวร่ำสุรากับแขกที่มางานแต่ง
ตามธรรมเนียมประเพณีของคนยุคนี้ ปกติแล้วเจ้าสาวในชุดแดงจะต้องนั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนเตียง มีผ้าแดงอันเป็นสีมงคลคลุมหน้าใช่หรือไม่ ทว่าในห้องหอแห่งนี้ช่างแตกต่างยิ่งนัก....
เฟยเซียนล้วงเอาหนังสือภาพวสันต์ออกมาจากอกเสื้อ เพื่อเอามากางอ่านคั่นเวลา
เฟยเซียนหวังใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องเสียตัว มอบความบริสุทธิ์ในชาติที่สองให้กับสามีของนางในคืนเข้าหอวันนี้ให้ได้ และเพื่อมิให้สามีเกิดความเบื่อหน่ายจนต้องออกไปหากินนอกบ้าน เฟยเซียนจึงต้องศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ให้กระจ่าง
แม้ชาติที่แล้วจะมีประสบการณ์เรื่องนี้มาไม่น้อย แต่นางก็ไม่เคยมีสามีเป็นตัวเป็นตนมาก่อน แถมตั้งแต่ตายแล้วมาเกิดใหม่ที่นี่นางก็นับว่าห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามาโดยตลอด
กี่ปีนะ....มาเกิดตอนห้าหนาว ยามนี้สิบห้าหนาว
สิบปีที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวหรือมีเรื่องเหล่านี้อยู่ในหัวสมองเลยสักนิด
แต่จะให้สามีเป็นฝ่ายนำเพียงผู้เดียวได้อย่างไร
ในชาติที่แล้วแม้โสดทว่ามิใช่ไม่เคย เรื่องความต้องการทางเพศนับเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ดังนั้นนางจึงมักซื้อกินเพื่อผ่อนคลายร่างกายจากงานประจำอันหนักหน่วงมาตลอดทั้งวัน
หรือสวรรค์จะสงสารที่ชาติก่อนนางขึ้นคานเพราะทำแต่งาน ในชาตินี้จึงให้นางได้แต่งงานตั้งแต่วัยเพียงสิบห้าหนาว
เร็วยิ่งนัก
หากว่าคนที่นางแต่งด้วยมิใช่บุรุษผู้นั้น นามจิ้นฝู นางคงไม่ยอมแต่งหรอก
จิ้นฝู เป็นบุตรชายคนรองของท่านแม่ทัพใหญ่ จิ้งอัน อายุยามนี้ยี่สิบหนาวทว่าติดตามบิดาไปรบตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยฝีมือและความสามารถเป็นที่ประจักษ์จึงได้รับความไว้ใจจากฮ่องเต้ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพไปออกรบกับบิดาหลายสนามรบ
ไม่ว่าสนามไหน นอกจากจะรบชนะขาดลอย ยังสามารถย่นระยะเวลาทำศึกทำให้ประหยัดทั้งเวลาและเสบียงไปได้เกือบสองเท่า
หากบอกว่าเป็นเพราะท่านแม่ทัพใหญ่คนพ่อผู้เดียวคงใจร้ายเกินไปกระมัง
ดังนั้นการงานของชายหนุ่มจึงเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดนั่นเอง
แถมหลายปีผ่านไปตระกูลจิ้นเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านทรัพย์สิน เงินทองและด้านการงาน เป็นที่ไว้ใจของฮ่องเต้ยิ่งนัก
ในมุมมองของผู้อื่นอาจคิดว่าเฟยเซียนนั้นเป็นสตรีที่โชคดี ตระกูลไม่สูงแต่ได้ตบแต่งเป็นฮูหยินให้ตระกูลยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่สำหรับนางเอกกลับรู้สึกเสียใจ ใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำใจได้
เพราะอันใดน่ะหรือ...
โชคในครั้งนี้แลกมาด้วยการจากไปตลอดกาลของบิดา ครอบครัวหนึ่งเดียวของนางในชาตินี้
บิดานางตายในหน้าที่ ขณะทำการปกป้องหัวหน้าอย่างท่านแม่ทัพใหญ่ ดังนั้นท่านแม่ทัพใหญ่จึงตอบแทนโดยการให้นางแต่งงานเข้ามาในจวนกับจิ้นฝูนั่นเอง
จิ้นฝู บุรุษผู้นี้ เฟยเซียนเคยเห็นหน้าค่าตาตั้งเด็กเวลามาเล่นที่จวนท่านแม่ทัพใหญ่บ่อย ๆ
เขารูปงาม รูปร่างแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบ เป็นที่หมายตาต้องใจของสตรีในเมืองหลวงยิ่งนัก
แต่หากเป็นเรื่องนิสัย ส่วนนี้นางมิอาจทราบได้เพราะในยุคนี้ ชายหญิงไม่นิยมพูดคุยกันส่วนตัวมากนัก
เฟยเซียน มักเห็นเขาเพียงจากที่ไกล ๆไม่กี่ครั้ง แต่นั่นก็สามารถทำให้สตรียุคปัจจุบันอย่างนางเก็บเขามาเป็นสเปคเอาไว้ใช้เลือกบุรุษในอนาคตของตนเองได้แล้ว
ไม่คิดว่าบุรุษที่ตนเองเพียงตั้งว่าเป็นสเปคจะได้มาเป็นสามีกันจริง ๆเช่นนี้
ไหน ๆสวรรค์ก็ดลบรรดาเช่นนี้แล้ว เฟยเซียนจึงทั้งตื่นเต้นและเตรียมความพร้อมตนเองมาเป็นอย่างดี
แอ๊ด
เสียงเปิดประตู ตามมาด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจเสียงดังทำให้เฟยเซียนไหวตัวทัน นางเก็บหนังสือในมือซ่อนไว้ใต้เตียง ก่อนทำการปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงลงมาดังเดิม และยืดตัวนั่งหลังตรง มือทั้งสองทับกันไว้บนหน้าตักราวกับสตรีเรียบร้อยอยู่ในโอวาทยิ่ง
“ได้เวลาเจ้าบ่าวเข้าห้องหอ ถึงเวลาของเจ้าสาวแล้ว พวกเราออกไปข้างนอกห้องเถิด อย่ามัวเสียเวลาเลย ไป ไป....ฮ่า ฮะ”
“ขอบน้ำใจพวกท่านขอรับ”
เห็นเขาบอกกันว่าในคืนเข้าหอบรรดาสหายญาติมิตรของฝ่ายเจ้าบ่าวมักทำการมอมเหล้าเจ้าบ่าวให้เมามายเพื่อจะได้สามารถร่วมรักกับเจ้าสาวของตนเองได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ทว่าเท่าที่เฟยเซียนเห็นโดยการมองผ่านผ้าโปร่งบางบนศีรษะของตนนั้น
เหมือนฝ่ายแขกจะเมาเองเสียมากกว่ากระมัง
เจ้าบ่าวของนางดูยืนมั่นคง ไร้แววคนเมาเลยสักนิด
ปัง
ประตูห้องหอปิดแล้ว พร้อมกับความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในห้อง
เฟยเซียนและท่านพี่จิ้นฝูนับว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน ดังนั้นมิแปลกที่พออยู่กันสองต่อสองในห้อง เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูปจึงไม่มีใครเอ่ยอันใดออกมาเลยสักคน
ฟู่ว เฟยเซียน เพื่อความสัมพันธ์อันดีกับสามี นางสมควรเป็นฝ่ายเอ่ยชวนก่อน
“ท่านพี่เจ้าคะ เราสองสมควรดื่มเหล้ามงคลกะ....”
“ไม่จำเป็น ข้าเหนื่อยและง่วงนอนยิ่งนัก ต้องการการพักผ่อน เรื่องจำพวกนี้ถือว่าละเว้นก็แล้วกัน”
ละเว้น?
เฟยเซียนที่กำลังเดินเข้าไปหยิบจอกเหล้ารินใส่ถ้วยกระเบื้องลวดลายงดงามชะงักมือทันที
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ตะ แต่ว่า...”
อ๋อ หรือว่าสามีของนางใจร้อนยิ่งนัก คงต้องการข้ามขั้นตอนพวกนี้ไปที่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการเข้าหอกับนาง
“ข้าก็มิชื่นชอบพิธีกรรมมากขั้นตอนพวกนี้เช่นกันเจ้าค่ะ เหล้ามงคลพวกนี้พวกเราไม่ต้องดื่มก็ได้ เช่นนั้นพวกเราพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันแทนดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่จิ้นฝู”
“....”
เฟยเซียนเดินเข้าไปจูงมือสามีป้ายแดงของนางให้มานั่งบนเตียงนอนก่อนที่ตัวนางเองจะนั่งทับลงไปบนตักของจิ้นฝูอีกทีอย่างใจกล้า
การพูดคุยของสามีภรรยาย่อมมิใช่การพูดคุยกันแบบธรรมดา
เฟยเซียนปลดผ้าบนศีรษะออกเองโดยไม่รอให้สามีจอมยืดยาดของนางเป็นคนปลดออกตามธรรมเนียม
ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ ริมฝีปากปากแดง ตาปาดสีสันจัดเต็มด้วยฝีมือของคนรับใช้ฝีมือดีของมารดาฝ่ายเจ้าบ่าว ทำให้ใบหน้าที่งามอยู่แล้วของเฟยเซียนยิ่งงามขึ้นไปอีก ทว่าเป็นความงามแบบผู้ใหญ่เกินวัยไปเสียหน่อย
มารดาสามีบอกว่างาม เฟยเซียมองคันฉ่องก็คิดว่าไม่แย่ แต่ไฉนสามีนางจึงมองมาด้วยดวงตาเฉยเมยเช่นนี้เล่า
คนยิ่งไม่เคยแต่งงาน ใจฟ่อหมด
ใช้มิได้เลยบุรุษยุคสมัยนี้ ชิ!
มือน้อยของเฟยเซียนคล้องคอสามีเพื่อที่จะได้มองสามีรูปหล่อของนางได้ถนัด
แม้ดวงตาของจิ้นฝูจะดูดุดันและโหดร้ายไปเสียหน่อย
เห็นคนใช้บอกว่าลูกชายบ้านนี้มิค่อยได้มีโอกาสร่วมงานรื่นเริงพบเจอกับเหล่าสตรี เพราะวัน ๆไปทำแต่สงครามปกป้องบ้านเมือง เป็นบุรุษจำพวกเสือยิ้มยากนั่นเอง
เฟยเซียนมองเข้าไปในตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายพลางคิดในใจ....นี่ก็ยิ้มยากเกิ๊น
ในเมื่อสามีเป็นบุรุษแข็งกระด้างเช่นนี้ นางผู้เป็นภรรยาควรเป็นฝ่ายเข้าหาและถนุถนอมอีกฝ่ายให้มากล่ะสิ
เพียงแค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยใจ ขอลาออกจากการเป็นภรรยาของบุรุษผู้นี้ดีหรือไม่นี่
แต่งงานวันเดียวแล้วหย่า ข่าวนี้คงโด่งดังทั่วเมืองหลวงมิหลอก
เฟยเซียนสลัดความคิดไร้สาระออกจากศีรษะให้หมดเพื่อทำการเริ่มภารกิจพิชิตแท่งหยกสามีอย่างตั้งใจได้แล้ว
เฟยเซียนแอบปลดอุปกรณ์ที่ถอดยากทั้งหลายก่อนที่
จิ้นฝูจะเข้ามา ดังนั้นเวลานี้นางจึงเพียงทำการปลดสายคาดเอวสองชั้นและถอดชุดคลุมตัวนอกสีแดงมงคลออกเผยให้เห็นผิวขาวใสของสตรีวัยแรกแย้ม
แม้อายุเพียงสิบห้า ร่างกายนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งคือเต้าอกเต้าใจสองลูกข้างหน้านั้นเติบใหญ่เกินอายุ บัดนี้แม้มันยังคงถูกปิดภายใต้ชุดชั้นในสุดตัวบางทว่ามันก็โดดเด่นสะดุดตาบุรุษที่สายตาทั้งสองกำลังอยู่ในระดับเดียวกับมันไม่น้อย
เอื้อก....
แถมสายตาบุรุษกวาดตามองต่อถัดไปบริเวณลาดไหล่มนมีปานแดงรูปคล้ายใบไม้อันเล็กจ้อยดูน่ารักยิ่งทำให้ดูผิวขาวบริเวณนั้นดูขาวนวลผ่องขึ้นมาอีกมากโข
จิ้นฝูกลืนน้ำเอื้อกใหญ่ทว่าท้ายที่สุดแล้วต้องหักห้ามใจตน ตัดสินใจผลักสตรีในนามของตนออกจากตักก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามเลยเถิดไปมากกว่านี้
ตุ้บ
“ว้าย! ตาเถร”
เฟยเซียนที่เกือบเปลือยเปล่าเหลือเพียงเอี๊ยมตัวในไม่ทันได้ตั้งตัว นางโดนผลักทำให้ลงไปนอนก้นกระแทกกับพื้นด้านข้างเตียงอย่างแรง อารมณ์เสน่หาในร่างกายสามีของเฟยเซียนจึงมลายหายไปจนสิ้นและผันเปลี่ยนเป็นความมิพอใจแรงกล้า
สายตาคมวาวของสตรีบนพื้นจ้องมองมายังบุรุษที่กำลังยืนมองมาที่นางเช่นเดียวกัน....
ยืนมองเฉย ๆดูจากใบหน้ามิปรากฏแววตาแห่งความเสียใจที่ทำนางตกลงมาบนพื้นจนก้นกระแทกอย่างแรง กลับกันอีกฝ่ายกับมีท่าทีรังเกียจและมีความไม่พอใจกระแสหนึ่งพัดผ่านมาด้วยซ้ำ
“เหอะ เพียงแค่ฝืนใจตบแต่งเจ้าเข้ามาในจวนข้าก็นับว่ามากเกินพอแล้วกระมัง คิดว่าข้ารักสตรีเช่นเจ้าอย่างนั้นรึ ที่ข้าทำทั้งหมดล้วนเป็นเพราะต้องการให้ท่านพ่อท่านแม่สบายใจ มิใช่รักใคร่ในตัวเจ้า! หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
อึ้งกันไปเลยสิพี่น้อง
เฟยเซียนเบิกตากว้าง และอ้าปากเหวอค้างอยู่นานให้สมองนางประมวลผลจนตั้งสติได้ สมองประมวลคำพูดตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่
มิได้รัก แต่กลับยอมตกลงแต่งงานกับนางงั้นรึ
“มิอยากแต่งทำไมไม่ปฏิเสธบิดามารดาท่านไปเล่า ข้าเองมิได้อยากฝืนใจผู้ใดเสียหน่อย”
เฟยเซียนเอ่ยออกไปเสียงห้วน
นางหาใช่สตรีในห้องหอไม่ ถูกกระทำเช่นนี้แม้ชาติกำเนิดต่ำต้อยกว่า แต่มิเคยยอมก้มหัวให้ใครรังแกง่ายดายเช่นกัน!
“มารยาสตรี หากข้าปฏิเสธ เจ้าก็คงหาหนทางทุกวิธีบีบบังคับให้บิดาข้าลำบากใจยิ่ง สตรีเช่นเจ้าข้าเจอมาหมดแล้ว หากเจ้าอยากแต่ง นี่ย่อมสมใจเจ้าแล้ว แต่อย่าคิดว่าข้าจะหัวอ่อนเหมือนท่านพ่อจนรู้สึกเห็นใจและสงสารเจ้า”
“....”
สายตาแข็งกร้าวราวกับพญามัจจุราชทำให้เฟยเซียนเผลอตัวสั่นระริกด้วยความกลัวจนทำอันใดไม่ถูกไปชั่วขณะ
บุรุษผู้นี้เนื้อแท้แล้วเป็นเช่นนี้หรือ เฟยเซียนมิเคยเห็นด้านนี้ของเขาเลย
“พรุ่งนี้ข้าจะออกรบ และคาดหวังว่ากลับมาเจ้าจะสงบเสงี่ยมในที่ของเจ้า”
ประโยคสุดท้ายก่อนจิ้นฝูเดินออกจากห้องหอไปเสมือนคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าฝั่งจนทำให้ปราสาทกองทรายในใจนางเปรียบเสมือนโดนคลื่นทะเลซัดเข้ามาทำลายจนสิ้น
ออกรบ?
เขากล้าหนีหน้านางไปทำสงครามรึ! สามีเฮงซวย!