ความเดิม- "ออ ดี ๆ หลานเกียรติ ฝากหน่อยแล้วกัน อาต้องเช็คทวนออเดอร์เนี่ย อุตส่าห์หนีมาเงียบ ๆ แล้ว ยังตามมาสร้างปัญหาอีกจนได้ ไอ้สองแสบเอ๊ย.."
………………………………………….
ด้านอานนท์หลังจากได้ข้อยุติและว่าจะให้ลูกเทพทั้งสองกลับบ้านโดยมีเกียรติพงษ์เป็นคนไปส่งจึงได้ต่อโทรศัพท์หาศรีภรรยาเป็นอันว่าเจ้าสองแสบต้องเดินทางกลับกับแขกผู้มาเยือนในบ่ายวันนี้ให้จงได้เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก ๆ และกังวลว่าภรรยาจะมาตามลูก ๆ ด้วยตัวเอง นั่นยิ่งทำให้เขาห่วงขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวีคูณ ก็อิแม่มันมันเหมือนเค้าซ๊ะที่ไหนเล่าใจร้อนใจนักเลงจะตายไป
@บนเรือ
"ไงเรา.. ซนเอาเรื่องเหมือนกันนะ อายุแค่สิบห้าสิบหกปีเอง ดั้นด้นไปจนถึงเกาะโน่นได้ แล้วน้องอาลีล่ะอายุเท่าไร"
"ผมอายุเก้าปีแล้วครับ" อาลีหรือวนานนท์ตอบยิ้ม ๆ และดวงตาที่แสนซื่อ
หึหึ.. ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาพูดคำนี้ดัง ๆ ในใจ ‘บรรลัย’ และได้แต่คิดในใจต่อไปอีกว่า {เด็กหนอเด็ก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ภัยมีรอบด้านรอดมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว} จากนั้นจึงเอ่ยออกเสียงคุยกับเด็กน้อยทั้งสอง
"แล้วคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าเจอคนไม่ดีหรือพวกจับเด็กเรียกค่าไถ่จะทำยังไงหืม..สองพี่น้อง"
"หนูรู้จักหมดแหละ ถ้าไม่รู้จักก็ไม่ขึ้นมาด้วยหรอก ลูกน้องของป๋าทั้งนั้น/ เน๊าะอาลีเน๊าะ" นนท์วนาเถียงปากยื่นปากยาวแถมยังหาลูกคู่อีกต่างหาก ส่วนคนน้องก็พยักเพยิดปากยื่นตามพี่สาวเหมือนคำพูดที่ใคร ๆ เขาชอบพูดว่า ‘ว่าไงว่าตามกัน’ ซินะ
..เถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ เด็กแสบเอ๊ย.. เกียรติพงษ์ได้แต่พึมพำเบา ๆ ไม่กล้าพูดออกมาเสียงดังเดี๋ยวมีเด็กขี้ฟ้อง เอาไปฟ้องพ่อแม่อีก ดูท่าทางจะไม่มีใครทัดทานใครเสียด้วยเป็นลูกคู่ว่าไงว่าตามกันขนาดนั้น
ด้านเทศกาลที่ทำหน้าที่ในการขับเรือได้แต่ยกยิ้มมุมปากพลางนึกในใจว่า นายของเขาคงเจอคู่ปรับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันแล้วถึงแม้อายุอานามจะห่างกันถึงสิบหกสิบเจ็ดปีก็ตามเถอะ
สักพักเทศกาลก็นำเรือเข้ามาจอดที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ส่วนเด็กก็ลงเรือกันอย่างคล่องแคล่วไม่ต้องรอให้ใครอุ้มแม้แต่เด็กชายอาลีเองที่ยังเป็นเด็กตัวจ้อยก็ตาม แต่ก็ดูสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันอยู่ดี
อีกด้านของผู้ที่รออยู่ที่ท่าเรือ
"ไงแม่ตัวดี พาน้องหนีไปหาป๋าถึงที่เกาะXXเลยเหรอ มันน่าตีนัก/พ่อเกียรติใช่มั๊ย ขอบใจมากนะที่พาน้องมาส่ง โชคดีนะมีคนกลับออกมา ไม่งั้นคงได้ไปตามด้วยตัวเองแล้ว" คุณนายแม่วนาลีบ่นลูกสาวอย่างเข่นเขี้ยว
"สวัสดีครับอานา พอดีผมไปขอดูฟาร์มเลี้ยงหอยมุก ก็ไปเจอกำลังอลวนอลหม่านกันพอดีก็เลยอาสามาส่งให้ครับ"
"แล้วนี่พ่อเกียรติตกลงใจจะทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุกจริง ๆ หรือจ๊ะ ต้องหนักแน่นนะ กว่าจะถึงมรรคผลนี่เหนื่อยหนักอยู่นา" วนาลีลองพูดหยั่งเชิงชายหนุ่มรุ่นหลานดู
"ผมทราบครับ แต่คนเราถ้าใจมันรักมันต้องผ่านไปได้ซิครับ ขนาดอานนที่เคยทำแต่งานเอกสารอ่านแต่กฎหมายยังทำได้เลย แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้ ผมก็หลานชาวไร่ชาวสวนนะครับ" เกียรติพงษ์พูดยิ้มแต่หนักแน่นเพราะคุณตาคุณยายของเขาทำสวนส้มอยู่ที่ภาคกลาง
ด้านวนาลีรู้สึกพอใจกับคำตอบของชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย นี่แหละคือคนที่จะปราบยัยตัวแสบของเธอได้ ดู ๆแล้วยัยตัวแสบก็ดูจะเกรง ๆ ชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย และเหตุผลอีกอย่างคือพงษ์ศักดิ์บิดาของชายหนุ่มกับอานนท์สามีของเธอนับถือกันเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดและเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าถ้าอานนท์มีลูกสาวจะขอให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งของเขา และลูกชายคนโตก็เพิ่งจะหมั้นไปเมื่อปีกลายนี้เอง ก็คงเป็นคนนี้ซินะ
"เอ่อ..อานาครับ ได้ข่าวว่าน้องจะเรียนในตัวจังหวัดหรือครับ" เกียรติพงษ์เอ่ยถามขึ้นอย่างต้องการฟังคำตอบ
นั่นทำให้วนาลีหลุดจากห้วงความคิดคำนึง
"อ้อ จ้ะ โรงเรียนประจำจังหวัดน่ะจ้ะ แต่ถ้ายังดื้อจะส่งไปเรียนโรงเรียนประจำกับป้าวนิดาแล้ว" วนาลีพูดยิ้ม ๆ แต่แอบไปสบตากับลูกสาวคนโตเพียงครู่แต่อีกคนกลับหลบตาเสียได้
หึหึ.. "น้องคงอยากอยู่ใกล้ คุณพ่อคุณแม่มากกว่าน่ะครับ มันเหงามากนะครับโรงเรียนประจำเนี่ย ถ้าเจอเพื่อนไม่ดียิ่งแล้วใหญ่"
"อาก็ว่างั้นแหละค่ะ ถึงไม่ได้ส่งไป ก็จะไปรับไปส่งจนโตนี่แหละ เปิดเทอมหน้าก็ขึ้น ม.4 แล้วยังเล่นทะโมนอยู่อีก ดื้อก็ดื้อ เจ็บก็ร้องแต่ก็ไม่เข็ด ไม้เรียวนี่หักไม่รู้เท่าไรแล้วก็ยังไม่เลิกดื้อ อีกหน่อยเจ้าอาลีโตจะเหมือนพี่สาวเค้าอีกมั๊ย ก็ยังไม่รู้เลย"
"อ้าวแล้วอย่างนี้อานาก็เหนื่อยแย่เลยซิครับ อีกคนเรียนในตัวจังหวัด อีกคนเรียนในตัวอำเภอ เอ่อ..น้องลีอาเรียนโรงเรียนไหนหรือครับ.."
"อ๋อ..โรงเรียนประจำจังหวัดKKน่ะจ้ะ"
"อ้าว..โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผมนี่ครับ ผมช่วยไปรับไปส่งได้นะครับ ผมทำงานเวลาออฟฟิศปกติ ถ้าไม่มีกรุ๊ปทัวร์ก็ไม่ทำหามรุ่งหามค่ำหรอกครับ สบาย ๆ ให้ผมไปรับไปส่งให้เอามั๊ยครับ"
"เกรงใจพ่อเกียรติน่ะซี อาว่าอาไปรับไปส่งลูกเองจะดีกว่า ยัยคนนี้ยิ่งแสบอยู่ เราจะปวดหัวเอาเปล่า ๆ"
"ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครับ อานาจะได้ไปรับไปส่งแค่น้องอาลีคนเดียว ยิ่งโรงเรียนประถมต้องดูแลใกล้ชิดอีกอย่างโรงเรียนประถมก็จะเลิกก่อนโรงเรียนมัธยมมากอยู่นะครับ"
"นั่นซินะ เดี๋ยวอาต้องปรึกษาอานนท์เค้าก่อน ขานั้นเค้าสนิทกันกับเจ้าแสบพี่ ลูกสาวด้วยเค้าหวง"
"ครับ ได้ครับจะได้สบายใจทั้งสองฝ่ายถ้ายังไงผมจะรอฟังข่าวนะครับ"
"จ้า..ลูก งั้นอาพาเจ้าสองแสบกลับไปชำระความก่อนนะจ้ะ/เด็ก ๆ ไหว้พี่เค้าซิลูก"
สองพี่น้องยกมือกระพุ่มไหว้ชายหนุ่มทั้งสองแล้วเดินคอตกตามมารดาไปอย่างน่าสงสาร
หึหึ "ปะ เทศ เรากลับที่พักกัน"
"ครับนาย" เทศกาลรับคำแล้วหันมาสบตากับเจ้านายยิ้ม ๆ