โดนไล่
** คำเตือน❗️เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ🩷
ลูเซียโน (แสงสว่าง) : มาเฟียหนุ่มวัย 30 ปี ผู้ครอบครองสถานบันเทิงชื่อดังต่างๆมากมาย ภายใต้มาร์ทหนุ่มนักธุรกิจถูกกฏหมายแต่ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเขานี่แหละคนที่ยืนอยู่เหนือกฏหมาย
ไอล่า (ผู้ส่งสาร) : สาวน้อยวัย 22 ปี หลังจากเรียนจบก็มาทำงานเป็นพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ใช้เงินเดือนอันน้อยนิดมาผ่อนคอนโดหรูที่มีลับลมคมในเพราะราคาถูกแสนถูก
.
.
.
เพล้ง!
“ แกออกไปจากบ้านฉันเลยนะอีเด็กบ้า! ”
“ ค่าๆ คุณแม่เลี้ยง จะรีบออกไปให้ไวเลยล่ะค่ะ แต่บ้านใครนะคะขอฟังอีกที ”
“ กรี๊ดดดด อีเด็กนี่ทำไมแกไม่ตายแทนพ่อแกล่ะ ไม่งั้นฉันก็คงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ ”
“ ค่าๆ ทำไมคุณป้าไม่คิดบ้างล่ะคะว่าที่พ่อหัวใจวายตายเพราะจับได้ว่าป้ามีชู้ แถมชู้ยังเป็นผัวเก่าอีก ”
“ นะ นี่! ”
“ เอ หรือว่าเรื่องที่ป้าชอบทำแท้งกันล่ะคะ? ”
“ แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ”
“ จ้าๆ ”
หึ คนหน้าไม่อาย ผู้หญิงคนนี้ชื่อป้าสมใจ เป็นภรรยาใหม่ของพ่อฉันเอง กำลังปาข้าวของของฉันออกจากบ้านของฉันกับพ่อ แต่มันก็เป็นแค่บ้านเช่าเก่าๆไม่ได้เป็นชื่อของใคร ตัวฉันที่เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงเดือนกลับโดนแม่เลี้ยงไล่ออกจากบ้าน แต่ฉันไม่แคร์หรอกนะ เพราะฉันทำงานเก็บเงินมาตั้งแต่เด็ก ตัวฉันที่เรียนได้ระดับกลางๆแต่โชคดีที่มีรูปลักษณ์เป็นทรัพย์พอเรียนจบมาฉันก็ได้งานเป็นตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ฉันเข้ามาฝึกงานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย โดยบริษัทนี้มีเจ้าของเป็นมาเฟียชื่อดัง ลูเซียโน เขามีทั้งรูปร่าง หน้าตา อำนาจ และทรัพย์สินที่ไม่มีใครอาจเทียบได้ แต่ก็จะมีแต่คนชนชั้นเดียวกันกับเขานั่นแหละที่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง
แม่ของฉันเสียชีวิตทันทีหลังจากที่คลอดฉันออกมา พ่อของฉันท่านเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาตลอดจนกระทั้งตอนฉันอายุได้ 20 ปี พ่อฉันได้พบรักกับป้าสมใจ ไม่รู้ว่าพ่อฉันไปตกลงปลงใจกับป้าสมใจด้วยอีท่าไหนถึงได้มาลงเอยกันได้กับคนที่มีวิญญาณเด็กตามติดเป็นขบวนแบบนี้ แต่เอาเถอะในเมื่อพ่อฉันบอกว่าอยากลองเปิดใจให้ป้าสมใจฉันก็ไม่ขัดขวางหรอก ใครจะอยากใช้ชีวิตอยู่กับการคิดถึงคนที่จากไปแล้วล่ะ ฉันรู้ว่าพ่อฉันรักแม่ มากแล้วก็รักมาตลอด แต่ถ้าการที่มีใครสักคนเข้ามาเติมเต็มความเหงาของท่านได้ฉันก็ไม่ติดหรอก ขนาดแม่ฉันที่เสียไปแล้ว กว่าจะปล่อยวางฉันกับพ่อแล้วยอมไปตามทางของตัวเองได้ก็เพิ่งจะตอนที่ได้เห็นพ่อเริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้งตอนฉันอายุ 15 ปีนั่นแหละ
ถ้าถามว่าฉันรู้ได้ไงน่ะหรอ เพราะว่าตาของฉันมันดันเห็นสิ่งที่คนปกติไม่ควรจะเห็นเข้าน่ะสิ มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุได้ 7 ขวบ ฉันไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆในระแวกบ้านแล้วดันผลัดตกน้ำขณะที่ฉันกับเพื่อนพยายามจะอุ้มลูกสุนัขที่ตกน้ำด้วยความที่มีแต่เล็กๆเลยไม่ทันได้ระวังตัว ตอนนั่นฉันคิดว่าฉันคงจะไม่รอดแล้วแต่กลับมีพี่ผู้ชายใจดีคนนึงได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ หลังจากเหตุการณ์นั้นฉันก็เริ่มสัมผัสบางสิ่งบางอย่างได้ สิ่งนั้นที่ผู้คนเรียกกันว่า วิญญาณ เริ่มแรกฉันแยกไม่ออกระหว่างคนกับวิญาณหรอก แล้วไอ้คนที่อัธยาศัยดีอย่างฉัน ก็ชอบเผลอทักตนนั้นตนนี้แล้วเอาตามติดกลับมาบ้านด้วยน่ะสิ ถึงได้รู้ว่านั่นไม่ใช่คน
วิญญาณนั้นมีหลายรูปแบบ วิญญาณร้าย วิญญาณยึดติด หรือว่าวิญญาณปกติที่หมดห่วงแล้วแต่ยังไม่อยากไปไหน พวกวิญญาณร้ายนั้นน่ากลัว พวกเขาไม่รู้วิธีขอส่วนบุญแบบดีๆ จึงคิดเอาเองว่าหากทำให้มนุษย์กลัว พวกเขาจะทำบุญส่งมาให้ แล้วยิ่งเมื่อพวกเขารู้ว่าใครที่สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้แล้วล่ะก็ จะยิ่งทำพฤติกรรมแย่ๆ และรุนแรงมากขึ้นเพราะต้องการบุญอีกเรื่อยๆ แต่เสียใจด้วยค่ะ อยากได้ของของคนอื่นก็ต้องทำตัวดีๆ เพราะงั้นฉันเลยไม่เคยให้ค่ากับวิญญาณพวกนั้น วิญญาณก็เคยเป็นมนุษย์มีกายหยาบ มีจิตใต้สำนึกเพราะงั้นก็คงไม่แปลกที่จะมีทั้งดีและไม่ดี
ตอนแรกที่มีวิญญาณตามติดฉันกลับบ้านมาด้วย ฉันกลัวมาก ตอนนั้นฉันทำได้เพียงแค่บอกกับพ่อ แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างจะพูดกันยากฉันก็พอเข้าใจ มันมีทั้งเรื่องความเชื่อแล้วก็สภาพจิตใจ พ่อฉันกังวนว่ามันจะเป็นเรื่องจิตใจมากกว่าถึงขั้นพาฉันไปพบกับจิตแพทย์เลยล่ะแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ซึ่งตอนนั้นฉันได้เห็นวิญญาณของแม่แล้ว ท่านมาแสดงตัวกับฉัน แล้วท่านยังบอกกับฉันอีกว่าไม่เป็นอะไรหรอกที่ฉันเห็นสิ่งลี้ลับต่างๆนี้ ฉันเลยผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้โดยที่มีแม่คอยช่วยเหลือ แม่กลัวว่าพ่อจะไม่สบายใจ ฉันจึงไม่ได้บอกพ่อไปว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้ วันที่พ่อปล่อยวางได้คือวันที่พ่อดูรูปแม่แล้วไม่ร้องไห้ วันนั้นแม่ของฉันเลยมาลา
เพล้ง!
“ ออกไปเลยนะ! ”
“ ป้าน่ะ ไม่ปวดท้องปวดไหล่บ้างหรือ เด็กๆมันเกาะกันยั้วเยี้ยไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ลา ก่อน นะ จ้ะ! อยู่บ้านคนเดียวระวังจะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆล่ะ ฮ่าๆ ”
“ กรี๊ด! นั่งเด็กบ้า! กรี๊ด! ”
“ ชื่อไอล่าค่ะป้า เรียกให้มันดีๆหน่อยค่ะ! ”
เพล้ง
“ ยังไม่ไปอีกหรอ! ”
โอ้ยฉันล่ะเซ็งกับมนุษย์ป้า!
“ ไว้เจอกันตอนที่ป้าไปปรโลกแล้วนะคะ! ”
“ กรี๊ดดด ”
ตึก ตึก ตึก
ฉันอุส่าจะไม่ยุ่งแล้วนะแต่พอได้ทำแบบนี้มันก็อดสะใจไม่ได้จริงๆ แล้วถ้าถามว่าพ่อฉันจะได้รู้เรื่องของป้าสมใจไหมน่ะหรอ บอกเลยว่าไม่ คืนแรกที่พ่อฉันเสียด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แม่ฉันก็มารอรับพ่อแล้วเดินจับมือไปด้วยกันนู่น ฉันเสียใจที่พ่อกับแม่มาจากฉันไปไวแต่ฉันก็ดีใจที่วันนี้ได้เห็นท่านทั้งสองได้เคียงข้างกันอีกครั้ง อย่าห่วงลูกคนนี้เลยค่ะพ่อแม่ หนูจะใช้ชีวิตอย่างดีและมีความสุขให้สมกับที่พวกท่านทำให้หนูเติบโตมาด้วยอย่างดีความรักของทั้งสองค่ะ
“ เฮ้อ ทีนี้จะไปอยู่ไหนดีล่ะ บ้านก็โดนไล่ คอนโดที่เคยอยู่ตอนมหาลัยก็คืนไปแล้ว”
ตู๊ด ตู๊ด ตุ๊ด
( ว่าไงไอล่า )
“ มะนาว ฉันขอรบกวนฝากของไว้ที่ห้องแกสักวันสองวันได้ไหม ”
( ได้สิของอะไรหรอ )
“ เดี๋ยวฉันไปหาแกที่คอนโดนะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ”
มะนาว เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วล่ะ พอเรียนจบก็ยังติดต่อกันอยู่ถึงแม้จะทำงานกันคนละที่แล้วก็เถอะ แต่เราก็ยังคงสนิทกันเหมือนเดิม มะนาวรู้เรื่องราวของพ่อฉันกับป้าสมใจดี เพราะฉันเล่าให้ฟังว่ากลับบ้านไปก็เจอพ่อมีแฟนใหม่ที่มีเด็กเป็นขบวนตามติด ใช่ค่ะฉันเล่าเรื่องที่ฉันมองเห็นวิญญาณให้เพื่อนฟัง ถ้าถามว่าเพื่อนฉันเชื่อไหมก็คงตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคณะของฉันไปรับน้องตอนปีหนึ่ง รุ่นพี่ดันเลือกที่พักไม่ดูตาม้าตาเรือ เกือบเอาชีวิตทุกคนไปเสี่ยงเพราะดันเป็นบ้านที่เคยใช้ทำพิธีสีดำน่ะสิ ตัวเจ้าของตายไปแล้วก็จริง แต่ของไม่ดีที่เคยทำไว้ยังคงอยู่ในบ้านหลังนั้น ตอนแรกจะเก็บเป็นความลับแต่ถ้าวันนั้นฉันไม่ออกหน้าไปเราคงได้ซวยกันหมดแน่ๆ หลังจากนั้นมาฉันก็เลยกลายเป็นบุคคลสแกนผีของเพื่อนพี่ให้มหาลัย