บทที่ 1ปัญหาใหญ่
การเดินทางของสองเรานั้น ไม่ได่โรยด้วยกลีบกุหลาบงามอย่างคนทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอนั้น อดทน และสู้มามากแค่ไหน มีแต่คนที่เห็นแค่ตอนที่เธอล้มและพร้อมที่จะเหยียบย่ำเธอให้จมดิน แม้แต่คนในครอบครัวของเธอเองก็ตาม
“ไม่ได้เรื่อง! ทำอะไรก็มีแต่ปัญหา! ตัวกาลกินี!”
สิ้นเสียงคำด่า รดา ขาอ่อนลงบนพื้นหยาบๆของบ้านหลังใหญ่ทันที ไม่ใช่เพราะเจ็บปวดกับคำด่าทอและคำดูถูก แต่เพราะมันออกมาจากปากของคนที่เธอรัก รักยิ่งกว่าสิ่งใด รักและพร้อมจะเทิดทูลมองเขาเป็นตัวอย่างในการดำเนินของชีวิต
“ดีแต่ทำให้ตระกูลต้องอับอาย ควรสำเหนียกตัวเองได้บ้างแล้วไหม” รุรินทร์ พี่สาวคนโตแท้ๆของรดาเดินเข้ามาด่ากรอกหู เน้นคำนั้นให้เธอได้ยินชัดๆ
“ลุกขึ้นเถอะ สู้บ้างก็ได้” ไรวินทร์ น้องชายที่มีพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ เข้ามาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นจากพื้นที่เย็นเฉียบ
“อย่ายอมให้เขาด่าเราอยู่ฝ่ายเดียว เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน สู้กลับบ้าง จะร้ายหรือจะเสียมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของพี่เอง”
แม้จะคนละแม่ แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกราวกับว่าเขาคือน้องชายที่คลอดออกมาจากท้องแม่เดียวกัน เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอรักและพร้อมทำทุกอย่างให้เพื่อเป็นการตอบแทน
รดาได้ยินคำด่าและคำว่าไม่มีใครรักมาจนนับไม่ถ้วน ถ้าเอาตั้งแต่จำความได้ เธอยังไม่เคยได้ยินคำว่ารัก จากคนเป็นพ่อและพี่สาวแท้ๆของเธอเลย
“วันนี้จะเข้าไปที่บริษัทใช่ไหม”
“อืม”
“วินไปส่งนะ”
“ไม่ต้อง ขอบใจ”
“ถ้าไม่ให้ไปส่ง แล้วพี่จะไปยังไง ไปรถวินนี่แหละยังไงก็ไปทางเดียวกัน”
ไรวินทร์คะยั้นคะยอพี่สาวให้ขึ้นรถไปกับเขา เพราะเขาสงสารเธอเหลือเกิน สำหรับเขาเขาไม่เคยขาด เขาได้ความรักจากทุกคนจนล้นเปี่ยม ทว่ากับรดานั้น เธอไม่เคยได้เลยแม้แต่คำชม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทุกคนจะจงเกลียดจงชังพี่สาวต่างแม่ของเขาไปถึงไหน ทั้งที่เธอเองก็พยายามจนสุดความสามารถของเธอแล้ว
เขากล้าพูดว่ารดาไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่คิดไตร่ตรองมาก่อน แต่เพราะเธอไตร่ตรองและคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอถึงได้ลงมือทจนได้รู้ว่าศัตรูของเธอนั้นมีอยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน
บริษัทที่ไรวินทร์หมายถึง ก็คือบริษัทจัดหาจัดซื้อ ที่รดาเฝ้าเก็บหอมรอมริบเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง อาจมีคนช่วยบ้าง แต่หลักๆรดาทำด้วยตัวเธอเองทั้งหมด ทั้งการหาลูกค้า การหาสินค้า การนำเข้า และการปิดงาน รดาแทบจะเป็นทุกอย่างให้กับบริษัทแล้ว
ทั้งๆที่เธอทำได้ดีขนาดนี้ แต่ทำไมทุกคนถึงไม่ภูมิใจในตัวเธอกัน หรือตั้งใจและจ้องแต่จะด่าเธอ อย่างเรื่องเมื่อคืนที่เธอโดนด่าถึงในห้องนอน นั่นก็เพราะเธอพลาดท่าและทำกำไรหายไปถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์
เธอไม่ได้ผิดพลาด แต่ที่เธอพลาด เพราะเธอถูกคนที่ไว้ใจหลอกจนพาให้เธอหมดตัว
“ขอบใจ”
“ตอนเย็นวินมารับนะ”
“ไม่เป็นไร เย็นนี้ฉันไม่กลับบ้าน”
“ไม่กลับแล้วจะไปไหน”
“อย่ายุ่งให้มันมากวิน นายเป็นแค่น้องไม่ใช่พ่อ” รดาหันกลับไปว่าให้น้องชายที่ซักไซ้ถามจนเธอรำคาญ
“อย่างน้อยวินก็เป็นห่วงพี่มากกว่าพ่อนะ”
“...”
พอได้ยินคำนี้แล้วเธอจุก จุกจนอยากจะปล่อยโฮร้องไห้ให้น้ำตาแตกไปเลยซะตรงนี้ ถ้าไม่ติดว่าเธอจะเผยด้านที่อ่อนแอออกมาให้ไรวินทร์เห็นมากไม่ได้ เธอคงโน้มตัวลงไปซบที่อกเขาแล้วร้องไห้ออกมาแล้ว
รดาเมินคำเป็นห่วงของน้องชาย แล้วเปิดประตูลงไปโดยไม่หันมามองหรือส่งเขาเลยแม้แต่นิด เธอกำลังแพ้ กำลังอ่อนแอจนไม่อยากจะให้ใครมาสงสาร
เธอพลาดเอง ก็อยากจะลุกขึ้นสู้ใหม่ด้วยตัวเอง
มันไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่ต้องใช้เวลานานหน่อย อย่างน้อยเธอก็ยังมีเงินทุนสำรองและคนที่คอยช่วยเธออยู่ด้านหลัง ไม่ได้ตัวคนเดียวสักหน่อย
รดาเดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวโตของตัวเอง ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบโปรดขึ้นมาแล้วกดโทรไปยังเบอร์ที่คิดว่าเขาคือคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้
“สวัสดีค่ะพี่ต้น รดาเองนะคะ”
ต้น หรือ ตัณติกร เขาเป็นผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ เป็นคนที่เห็นความสามารถของเธอมาตั้งแต่ที่ยังเรียนไม่จบ แต่เพราะเขาไม่สามารถเข้ามาช่วยเธอแบบโจ่งแจ้งได้ ทำให้เขาต้องคอยแอบช่วยเธอลับหลังอย่างคนที่ปิดทองหลังพระ
(ครับดา พี่อยู่ต่างประเทศ สัญญาณอาจจะไม่ค่อยดีนะ)
“ดามีเรื่องอยากรบกวนพี่ต้นหน่อยค่ะ สะดวกไหมคะ” เพราะเห็นว่าเขาไม่ค่อยสะดวก เธอจึงคิดเข้าเรื่องเลยเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา
(พี่ช่วยดาได้ทุกเรื่อง ว่าแต่ดามีเรื่องอะไรครับ)
“คือตอนนี้...ดากำลังมีปัญหาค่ะ”
(เล่าให้พี่ฟังได้ไหม)
“ดาถูกหุ้นส่วนหลอก ธุรกิจของดากำลังมียอดติดลบ ลูกค้าประจำส่วนใหญ่เชื่อข่าวโคมลอยและพากันหนีหายจากดากันไปหมด ดาอยากให้พี่ต้นช่วยดาหน่อยได้ไหมคะ”
รดาไม่ยืดเยื้อ รีบบอกความต้องการหลังจากเล่าทุกอย่างให้กับตัณติกรได้ฟัง
(อืม ช่วยยังไงดี ตอนนี้พี่ทำอะไรลำบากมากเลยดา” ตัณติกรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ท้อใจ
(ถ้าเป็นเรื่องเงินพี่ช่วยได้เท่าที่ดาขอ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นพี่คงช่วยดาไม่ได้จริงๆ)
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย เขาอยากช่วยเธอมาก แต่เพราะตอนนี้ครอบครัวของเขาก็กำลังมีปัญหา เมียของเขานั้นกำลังจะจับได้ว่าเขามีชู้ ทำให้ธุรกิจของเขาหยุดชะงัก คนที่เคยติดต่อช่วยเหลือก็กลายไปเป็นคนของเมียจนหมด เขาแทบไม่เหลือคนที่ไว้ใจแล้วเหมือนกัน
รดาถอนหายใจทิ้งแรงๆ เพราะถ้าเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้มีปัญหา เธอสามารถเอาเงินที่เก็บไว้มาจัดการส่วนตรงนี้ได้ทันที ทว่าเรื่องที่ทำให้เธอมองเห็นแต่ทางตัน เห็นทีจะเป็นเรื่องของความไว้ใจของบริษัท หุ้นส่วนคนนั้นทำเธอไว้แสบมาก แกล้งสร้างข่าวเท็จขึ้นมาและขโมยลูกค้าของเธอไปจนหมด ทุกวันนี้หุ้นส่วนขอถอนหุ้นและไปตั้งบริษัทของตัวเองแล้ว ส่วนเธอก็ยังคงต้องดูแลบริษัทนี้คนเดียวอีกต่อไป
“ขอบคุณมากค่ะพี่ต้น ถ้างั้นดาขอไม่รบกวนดีกว่า”
รดาพูดจบก็กดตัดสายทิ้งทันที หลังวางสายเธอโยนโทรศัพท์ไปไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกสองมือขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองเพื่อระบายความเครียด
เธอเครียดจนคิดว่าอีกนิดหัวสมองของเธอนั้นคงจะระเบิดแล้ว นอนก็นอนไม่หลับ กินก็กินไม่ได้ ทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะคิดอะไรไม่ออก
“เฮ้อ!”
ข่าวบริษัท เอ็น.อาร์ คอปเปอร์เรชั่น โด่งดังจนได้ยินไปถึงหูท่านประธานหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้าปลายๆ เขากำลังนั่งอ่านบทสัมภาษณ์เก่าๆที่เธอเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้อยู่คนเดียวภายในห้องทำงานของบริษัท
ตึกสูงระฟ้าที่ข้างล่างนั้นมีตึกพาณิชย์สามชั้นตั้งขวางทำเลอยู่ เขาหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปมองดูด้วยแววตาที่ท้าทาย ก่อนจะหยิบแก้วชาที่เพิ่งจะชงใหม่ๆขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
“เธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอก...รดา”
มุมปากหนากระตุกยกขึ้น แสยะยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ นานแล้วที่เธอผยองกับเขาจนเขาอยากจะทำให้เธอรู้สักที ว่าใครกันแน่ที่เธอควรจะทะนงตนใส่ การที่เขายื่นมือเข้าไปช่วย เธอควรจะยินดีรับไว้สิ ไม่ใช่ทะนงตนไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา แล้วเลือกที่จะเติบโตด้วยตัวเอง จนทุกอย่างมันพังไม่เป็นท่าแบบนี้
ร่างสูงของลูกน้องคนสนิทพ่วงอีกตำแหน่งคือเลขาฯท่านประธาน เดินเข้ามาก่อนจะหยุดยืนอยู่ใกล้ๆร่างสูงกำยำที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่
“ทุกอย่างที่ท่านวางแผนไว้ ใกล้จะสำเร็จแล้วนะครับ”
“กูรอดูวันที่เธอเดินมาคุกเข่าต่อหน้ากูไม่ไหวแล้วไอ้เมฆ” เขาตอบกลับทันทีอย่างเข้าใจ ทว่าสายตายังคงจดจ้องไปยังตึกที่อยู่ต่ำกว่าเขาอย่างนั้นไม่กระพริบ
“อีกไม่นานหรอกครับนาย เธอคงได้มาคุกเข่าต่อหน้านายอย่างแน่นอน”
“หึ กูจะรอ” ยกแก้วชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ