หลังจากมาหยุดต่อแถวรับป้ายชื่อ วีนัสก็ยืนมองแถวด้านหน้าที่ทอดยาวไปเกือบถึงโต๊ะลงทะเบียน
คนยืนเบียดกันเต็มพื้นที่ ลมร้อนอบอ้าวของเช้าสาย ๆ พัดเข้ามาจนเส้นผมของเธอปลิวไปข้างแก้ม
วีนัสปัดผมเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองตามแนวแถวไป เพียงเสี้ยววินาที เธอก็เห็น เขา
ร่างสูงในเสื้อนักศึกษาขาวสะอาด พับแขนขึ้นจนเห็นท่อนแขนแข็งแรง กางเกงดำเข้ารูปกับสรีระช่วงไหล่ที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งใช้มือเสย และเหงื่อบาง ๆ ที่ซึมตรงท้ายทอยยิ่งทำให้เขาดูโตขึ้นกว่าเดิม
แม้จะเห็นแค่ด้านหลัง แต่เธอจำแผ่นหลังนี้ได้แม่นยิ่งกว่าตัวหนังสือในตำราเรียนเสียอีก
วิศวะ
คนที่เคยเดินจับมือกันกลับบ้าน
คนที่เคยหัวเราะให้เธอในโรงอาหาร
คนที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิก…ด้วยเหตุผลโง่ ๆ จนวันนี้ยังรู้สึกผิด
วีนัสยืนนิ่ง มองแผ่นหลังใหญ่ ๆ นั้นนานจนรู้สึกเหมือนเวลาแถวยาวทั้งโลกถูกกดปุ่มหยุดไปชั่วครู่
หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว มือที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ยังเผลอกำแน่นขึ้นนิดหนึ่ง
จนกระทั่ง—
กึก
มีปลายนิ้วแตะที่ไหล่เธอเบา ๆ วีนัสสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับไป
เป็นผู้หญิงร่างบาง รูปร่างเพรียว ผิวขาวอมชมพูเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแดดแรง ๆ ในชีวิต
ใบหน้าน่ารักแบบหวานจัด แต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตนักศึกษาพับแขนอย่างประณีตจนดูสะอาดตา
เป็นภาพที่ดูขัดกับบรรยากาศลุย ๆ ของคณะวิศวะจนวีนัสต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ ยิ้มแบบจริงใจจนสัมผัสได้ทันทีว่าเป็นคนนิสัยดีโดยธรรมชาติ
“หวัดดี… เราบัวนะ เธอชื่ออะไรหรอ?”
น้ำเสียงอ่อนโยนจนทำให้ความเกร็งในอากาศหายไปหน่อยหนึ่ง
วีนัสตอบสั้น ๆ แต่สุภาพ
“วีนัส”
บัวเบิกตานิด ๆ ก่อนยิ้มกว้างขึ้น
“อ้อ วีนัส… ชื่อเพราะมากเลยนะ”
“ขอบคุณนะ”
เธอยิ้มตอบ แต่ดวงตาแอบเหลือบกลับไปยังแผ่นหลังใหญ่ด้านหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส
บัวขยับเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย เธอดูตื่นเต้นแบบเด็กปีหนึ่งทั่วไป
“เราเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด ยังไม่รู้จักใครเลย…”
เธอเม้มปาก ก่อนพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เราขอเป็นเพื่อนกับวีนัสได้ไหม?”
วีนัสเงยหน้ามองบัว
รอยยิ้มซื่อ ๆ ของเด็กผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ
ทั้งที่ใจอีกครึ่งหนึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่คน
เธอพยักหน้าช้า ๆ
“อืม…ได้สิ”
“แล้วคนนั้นเพื่อนวีนัสหรอ?”
บัวเอียงหน้าเล็กน้อย มองแผ่นหลังของวิศวะที่ยืนอยู่หัวแถว
“เราเห็นวีนัสมองผู้ชายคนนั้นนานแล้วอ่ะ”
คำถามนั้นทำเอาวีนัสหัวใจสะดุดวูบ เธอรีบเบือนสายตาออกจากวิศวะทันทีเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขา
“อ่อ… คนหน้าเหมือนอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
วีนัสตอบพร้อมยักไหล่กลบเกลื่อน น้ำเสียงดูสบาย ๆ แต่ปลายนิ้วกลับกำสายกระเป๋าแน่นกว่าปกติ
บัวพยักหน้าช้า ๆ เหมือนจะเชื่อ แต่ก็ยังแอบมองผู้ชายคนนั้นอย่างสงสัยอยู่ดี
วีนัสสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามดึงสติกลับมา ไม่ให้สายตาเผลอวกกลับไปทางเดิมอีกครั้ง แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่ยอมฟังคำสั่งเลยสักนิด
ผ่านไปไม่นาน
แถวขยับเร็วขึ้นจนถึงคิวเธอ
รุ่นพี่ผู้หญิงในสโมคณะก้มเขียนชื่อด้วยลายมือหวัด ๆ ก่อนยื่นป้ายชื่อให้
บนป้ายเขียนว่า
“น้องวีนัส”
วีนัสยื่นมือไปรับ มองชื่อนั้นที่เธอเคยเขียนเคียงกับใครอีกคนเสมอ แต่วันนี้…ต้องเริ่มใหม่ในฐานะเฟรชชี่ที่ต้องยืนอยู่หลังเขาอีกครั้ง
ไม่นาน เสียงตะโกนของรุ่นพี่ก็ดังแทรกขึ้นมาจากลานด้านหน้า
ทำเอาเฟรชชี่ทั้งหมดหยุดคุยและเริ่มขยับตัวเข้าแถวโดยอัตโนมัติ เหมือนระบบมันสั่งให้เดินเองยังไงอย่างนั้น
“เอาละครับน้อง ๆ ”
เสียงทุ้มของรุ่นพี่ผู้ชายปีสามดังชัดผ่านโทรโข่ง
“วันนี้เป็นวันแรกของการรับน้องนะครับ กิจกรรมสบาย ๆ ไม่ซีเรียส ไม่จริงจังมาก เอาแค่ทำความรู้จักกันเฉย ๆ พอเนอะ?”
เฟรชชี่ทั้งลานตอบกลับพร้อมกัน
“ครับ/ค่ะพี่ป๊อป!”
บรรยากาศคึกคักขึ้นทันที เสียงหัวเราะ เสียงคุยจอแจผสมกับแดดบ่ายจนแทบมองหน้าใครไม่ชัด
รุ่นพี่คนเดิมกวาดสายตาดูเฟรชชี่ทั้งหมดก่อนพูดต่อ
“ทีนี้เดี๋ยวพี่จะให้จับกลุ่มกัน กลุ่มละห้าคนนะครับ” เขาชูนิ้วห้าไปด้วยแบบประกอบคำพูด
“หน้าที่ของกลุ่มคือ…ออกไป ‘ล่าลายเซ็นรุ่นพี่คณะวิศวะ’ ให้ครบหนึ่งร้อยลายเซ็นภายในหนึ่งอาทิตย์!”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นทันที
“ร้อยลาย?!”
“เห้ยเยอะไปปะพี่!”
“โห เลือกคณะถูกหรือเปล่าวะเนี่ย…”
รุ่นพี่ยิ้มแบบกวน ๆ
“กลุ่มไหนเก็บมาไม่ครบ…” เขาทำเสียงลากยาวจนทุกคนเงียบ
“…จะโดนทำโทษนะครับ”
เฟรชชี่หลายคนกรี๊ดเสียงหลง บางคนถึงกับเอามือปิดปากตัวเองเหมือนกลัวล่วงรู้ชะตากรรม
รุ่นพี่หัวเราะก่อนรีบต่อ
“ส่วนจะทำโทษเป็นอะไร พี่ขอเก็บไว้ก่อนนะ เดี๋ยวไม่ลุ้น!”
เขาตบมือดังปั้ก
“โอเค เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ้ย! เสียเวลา! เออ ถูกแล้วแหละ”
เสียงเฟรชชี่หัวเราะลั่นกับความติดบัคของรุ่นพี่ทันที
“งั้นตอนนี้! น้อง ๆ ทุกคนเริ่มจับกลุ่มกันได้เลยครับบบ!”
เสียงฮือฮาดังกระหึ่มไปทั้งลานทันที เฟรชชี่หลายคนรีบคว้าคนข้าง ๆ บางคนหันซ้ายหันขวากำลังหาเพื่อน
บัวเองก็มองหน้าวีนัสพร้อมยิ้มตาใส ๆ
ส่วนวีนัส…
สายตาเธอดันไปหยุดอยู่ที่ แผ่นหลังของวิศวะ อีกครั้ง และตอนนี้เขาเองก็กำลังหันซ้ายมอง ขวาเลือกคนเข้ากลุ่ม…
และทันใดนั้น…
ก็มีผู้ชายร่างใหญ่ ผิวสองสี ไม่ขาวจัด ไม่คล้ำมาก เดินเข้ามาแตะไหล่บัวเบา ๆ
วีนัสกับบัวหันไปตามแรงสัมผัส
ผู้ชายคนนั้นยืนตัวตรง สีหน้าเรียบนิ่งจนแทบอ่านไม่ออก น้ำเสียงก็เรียบพอ ๆ กัน
“เธอ ๆ … เราขออยู่กลุ่มด้วยนะ”
บัวชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความเฟรนด์ลี่
“ได้สิ! เราบัวนะ ส่วนนี้วีนัส เพื่อนเราเอง”
“อืม… เรากายนะ”
เขาตอบสั้น ๆ พลางพยักหน้าทักทาย
วีนัสก็พยักหน้ารับกลับ
“อืม หวัดดีกาย”
กายเหลือบตามองทั้งสองคนก่อนถามตรง ๆ
“แล้วนี่คนครบกันยัง?”
“ยังอ่ะ ขาดอีกสองคน”
วีนัสตอบ พลางมองไปยังกลุ่มคนกำลังจับกลุ่มกันวุ่นวายรอบลาน
กายกวาดตามองรอบ ๆ เหมือนกำลังจะช่วยหาคนเพิ่มให้ ท่าทางนิ่ง ๆ แต่วางตัวดี ทำให้ดูเป็นคนที่น่าจะพึ่งได้ในกลุ่ม
แต่ทันใดนั้น—
เสียงผู้ชายอีกฝั่งของวีนัสก็ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เห้ย! นั่นไงไอวิศวะ! กลุ่มนั้นขาดสองคนพอดี!”
ทุกคนในกลุ่มหันไปตามเสียงนั้นพร้อมกัน และตามเสียงนั้นมาไม่กี่วินาที
ก็มีผู้ชายร่างสูงสองคนเดินตรงเข้ามา
คนแรกเป็นผู้ชายผิวเข้มหน่อย ตัวใหญ่ ใบหน้าเปิดเผย ยิ้มกว้างแบบโคตรเฟรนด์ลี่
เขาชะโงกหน้ามาทักทันที
“หวัดดี! กูจีโน่นะ” เขาชี้ไปด้านข้าง “ส่วนนี้ วิศวะ กูสองคนขออยู่กลุ่มด้วยนะ!”
วิศวะโดนจีโน่ลากมาชนิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ใบหน้าเขาดูเรียบนิ่ง แต่แววตาบอกชัดว่าไม่ได้เข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่
จนกระทั่ง…
สายตาเขาเผลอเลื่อนไปเจอ ดวงตาของวีนัส
วีนัสเองก็ยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แววตาเธอสั่นวูบในเสี้ยววินาที แต่รีบเก็บอาการแทบไม่ทัน
สายตาทั้งคู่เกี่ยวกันสั้น ๆ …แค่ไม่กี่วินาที
แต่มากพอให้หัวใจเต้นแรงจนแทบไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างอีก
จีโน่ยังคงคุยเสียงดังสนุกสนาน
บัวยิ้มต้อนรับสมาชิกใหม่
กายก็พยักหน้าให้แบบผู้ชายนิ่ง ๆ
แต่สำหรับวีนัสและวิศวะ โลกมันเงียบลงทันที เหลือแค่คน ๆ เดียวในสายตาอีกครั้ง