ตอนที่ 3

1675 คำ
ตอนที่ 3 “พักห้องเดิมของอาเจินนะ” บ้านฟางไม่ได้หลังใหญ่หรือมีห้องหับมากมาย แต่ก็มีห้องนอนสองห้องพอดี สำหรับสองครอบครัว หลังทักทายลุงเขย และกินข้าวไปหนึ่งมื้อ เธอก็จูงมือแม่เข้าห้องเพื่อพักผ่อน เพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา และปวดหัวกับเรื่องครอบครัวเหอ จนต้องระเหิดระเหินออกจากเมืองอิงถานจนถึงหมู่บ้านอู้หยวนนี้กล้ามเนื้อก็เริ่มประท้วงร่างกาย ทั้งสมองก็ต้องการการพักผ่อนเช่นนั้น ในหัวค่ำวันนั้นสองแม่ลูกจึงนอนข้างกันในห้องเล็กของบ้านฟางอย่างสงบสุขเป็นครั้งแรกในปี 1984 นี้ “จือหลิน ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวด้วยกันนะลูก” ฟางเจินเห็นลูกสาวที่โผล่หน้าออกมาจากห้อง เธอตื่นแต่เช้ามาช่วยพี่สาวทำกับข้าวอย่างมีความสุข ไร้เสียงก้นด่าของคุณนายของบ้านเหอ ทำให้อารมณ์ของฟางเจินรู้สึกปลอดโปร่งกว่าที่เคย แน่นอนว่าอวี่จือหลินก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่นอกจากความสงบสุขตรงหน้า สมองก็เริ่มประเมินสภาพรอบตัวเช่นกัน นี่คือหมู่บ้านชนบทในของเมืองอิงถาน เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพ และเหมืองแร่ทองแดง ด้วยน้ำดินอุดมสมบูรณ์ทำให้หมู่บ้านอู้หยวนแม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็สามารถปลูกพืช ตกปลาได้ตลอด อาหารเช้าวันนี้จึงมีปลาเปรี้ยวหวาน และซุปแกงฟักใส อร่อยอย่างมาก “ลุงเขยไปไหนหรือจ้ะป้า” อวี่จือหลินถามหาคนในครอบครัวที่หายไป “ลุงเขาไปรับจ้างข้างนอกน่ะ กว่าจะกลับมาก็เย็นๆเหมือนเมื่อวาน” เหมาโม่โฉว คือลุงเขยของเธอ เทียบกับพี่ชายหรือเหมาโม่ฉานที่สามารถเรียนจบมัธยมปลาย จนสอบเข้าทำงานรับราชการที่เมืองอิงถาน ในตำแหน่งเจ้าหน้าสำนักมรดกวัฒนธรรมถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัวเหมาอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ผู้เฒ่า และแม่เฒ่าเหมาจะรักลูกชายคนโตนี้มากกว่าคนน้องที่ไม่สนใจหนังสือ และมักแอบค้าขายในตลาดมืดมาตั้งแต่ก่อนการมีปฏิวัติตลาดเสียอีก หากแต่ก็มีเพียงใจรักเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจร่ำรวยได้อย่างที่คิด เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวที่แยกบ้านออกมาจึงต้องออกไปทำงานรับจ้างขนข้าวในเมืองอิงถาน แตกต่างจากชีวิตพี่ชายที่สุขสบายในบ้านพักข้าราชการ บ้านหลังไม่ใหญ่สองพี่น้องฟางใช้เวลาไม่นานก็ทำความสะอาดเรียบร้อย ก่อนเลือกมุมนั่งพูดคุยปัญหาชีวิตที่พบเจอ อวี่จือหลินจึงจูงมือเหมาอี้เฉินออกไปสำรวจหมู่บ้านจะดีกว่า แน่นอนว่าเหมาอี้เฉินมองมือที่ถูกพี่สาวจูงอย่างมีความสุข ทั้งยังแนะนำหมู่บ้านตัวเองอย่างมีกระตือรือร้น เพื่อให้พี่สาวอยากอยู่กับเขาตลอดไป เมื่อก่อนที่เคยเจอพี่จือหลินเขาไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้ หรืออาจเพราะเขาจะเล็กมากความจำจึงยังไม่ดีนัก แต่ต่อไปนี้เขาจะจำไว้ว่าพี่สาวคนสวยดีต่อเขามากจริงๆ “นั่นเป็นหนองน้ำในหมู่บ้าน ไหลมาจากจากแม่น้ำตรงโน่น” เหมาอี้เฉินชี้ไปยังหนองน้ำของหมู่บ้านที่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก ถ้าผู้ใหญ่อยากจับปลาจะต้องเดินออกไปไกลกว่านี้ที่เป็นแม่น้ำ ซึ่งเด็กอย่างเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นแถวแม่น้ำ เพราะครั้งนี้มากับพี่สาวจึงพามาดูเท่านั้น อวี่จือหลินที่คิดอะไรได้ เลยจึงจูงมือเหมาอี้เฉินมายังริมหนองน้ำที่มีโคลนไม่มากนัก เลือกมุมลับตาคนหน่อยก่อนจะหาไม้มาขุดหลุมลงไป เหมาอี้เฉินที่เห็นพี่สาวเลอะโคลนอย่างใคร่รู้ แต่ก็ลงมาโกยโคลนขึ้นจากหลุดให้อย่างไม่กลัวเปื้อน “พี่จือหลินจะขุดหลุมไปทำไม” “ขุดไว้ดักจับปลา” อวี่จือหลินบอกพร้อมขยิบตาให้ ทำเอาเด็กหกขวบผงกหัวอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่เข้าใจก็ตาม “ที่บ้านมีถังที่ไม่ใช้แล้วหรือเปล่า เอามาวางไว้ตอนเย็นเราค่อยมาดูกัน” อวี่จือหลินถาม “มีครับ” เหมาอี้เฉินตอบอย่างกระตือรือร้น สองพี่น้องต่างวัยกลับบ้านไปเอาถังขนาดพอหลุมมาวางไว้ ก่อนกลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้า สำหรับเหมาอี้เฉินนั้นไม่เท่าไร เพราะเป็นผู้ชายและมีชุดเปลี่ยนอยู่หกเจ็ดชุด แต่อวี่จือหลินนั้นมีชุดอยู่อีกเพียงสามชุดเท่านั้น ทั้งยังเป็นชุดเก่าที่ได้ต่อมาจากเหอซูเมิ่งอีกที สำหรับเจ้าของร่างเดิมตอนนี้คงปวดใจ แต่อวี่จ่งนั้นสามารถใส่ได้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด ด้วยต้นทุนเพียงเท่านี้ ไม่มีทางเลือกให้เธอมากนัก ด้วยแรงงานชายเพียงคนเดียวของลุงเขยไม่อาจเลี้ยงดูทั้งบ้านได้เพียงพอ และเธอก็ไม่ใช่คนที่จะงอมืองอเท้าเพื่อให้คนอื่นเลี้ยงดูเช่นกัน “เจ้าลูกคนนี้ ไปแอบเล่นที่หนองน้ำมาใช่หรือไม่ บอกแม่มา” เสียงบ่นของป้าซินทำให้อวี่จือหลินต้องออกหน้าเพื่อน้องชายตัวน้อยทันที “อย่าดุเสี่ยวเฉินเลยป้า ฉันพาน้องไปขุดหลุมดักปลาข้างหนองน้ำเอง แต่ไม่ได้ลงเล่นน้ำกันค่ะ ขุดเสร็จก็กลับบ้านเลย” อวี่จือหลินอธิบาย “จะลำบากหาปลาเองทำไม ถ้าอยากกินปลาบอกลุงเขยก็ได้ เดี๋ยววันหยุดป้าจะบอกให้ลุงไปตกปลามาให้ที่แม่น้ำ” ฟางซินได้รับคำอธิบายแล้วจึงใจเย็นลง แม้จะไม่เข้าใจว่าขุดหลุมดักปลาคืออะไร แต่จับประเด็นได้ว่าเพื่อจับปลา อีกอย่างลูกชายของเธอไม่ปริปากบอกสักคำว่า อวี่จือหลินพาไปหนองน้ำ คงกลัวว่าเธอจะดุพี่สาวของเขาล่ะสิ เจ้าลูกคนนี้ ไม่ทันไรก็รู้จักปกป้องคนอื่นซะแล้ว ฟางซินส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เธอดูเหมือนคนไร้เหตุผลนักหรือไง จึงบอกหลานสาวอย่างใจดี ไม่เจอกันนานไม่คิดว่าหลานสาวจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาก ครั้งนี้คงเกรงใจที่มาอยู่ที่บ้านเฉยๆสินะ จึงอยากช่วยหาอาหารมาเพิ่มให้ “ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้รอลุงกลับมา ค่อยไปดูกัน” ลุงเขยทำงานเหนื่อยๆจะให้เธอเอ่ยปากเอาแต่ใจได้อย่างไร เพียงแต่ตอนเห็นหนองน้ำแล้วนึกถึงคลิปวิดีโอหนึ่งในวิธีหาปลาอย่างง่ายขึ้นมาได้ จึงทดลองดูเท่านั้น หากได้ผลจริงๆนับว่าสบายใจเรื่องอาหารการกินได้ “ต่อไปลูกจะทำอะไรบอกแม่พอ เดี๋ยวแม่ทำให้เอง” ยังคงเป็นฟางเจินที่สงสารลูกสาวอย่างยิ่ง ปกติตอนอยู่ที่บ้านอวี่ก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง “แม่ หนูไม่ได้บอบบางขนาดนั้น” อวี่จือหลินที่แม้จะตกใจต่อการใส่ใจระดับวีไอพีของแม่ในชาตินี้ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก เพราะตลอดชีวิตก่อนหน้าของอวี่จ่งไม่เคยได้รับความใส่ใจที่บริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อนเลย ไม่แปลกใจเลยที่อวี่จือหลินคนเก่าจะหยิ่ง และเอาแต่ใจถึงเพียงนั้น “โอ้โห พี่จือหลินปลาเต็มไปหมดเลย” เมื่อลุงเขยกลับมาบ้านมาในเย็นวันนั้น อวี่จือหลิน และเหมาอี้เฉินก็ได้พาพ่อของเขามายังหนองน้ำอีกครั้ง โดยถือตะกร้า และถังมาไว้เก็บปลาจากหลุม “จือหลิน หลานรู้วิธีแบบนี้ได้อย่างไร” เหมาโม่โฉวมองปลาในถังที่อยู่ในหลุมอย่างตกใจ จึงถามหลานสาวอย่างแปลกใจ เพราะปกติชาวบ้านมักจะไปตกปลาที่แม่น้ำที่ละตัว หากอยากได้เยอะๆก็จะใช้วิธีว่านแห น้อยคนนักที่จะมาที่หนองน้ำแห่งนี้เพื่อจับปลา “เคยเห็นชาวบ้านที่หวงหลิงทำค่ะ แต่เป็นการแอบเห็นนะคะ” อวี่จือหลินแต่งเรื่องหน้าตาย เพื่อจะได้ไม่ต้องระบุตัวตนคนต้นคิด “ดีแล้วๆ งั้นวิธีนี้เราอย่าเพิ่งบอกใครเลยนะ ปกติหนองน้ำนี้ก็ไม่ค่อยมีคนมาอยู่แล้ว มุมนี้ก็อับตาคนดี จือหลินของเราฉลาดเลือกมุมจริงๆ” เหมาโม่โฉวพูดเอาใจหลานสาวทันที จากนี้อาหารการกินที่บ้านก็สบายใจไปอีกนาน “พี่จือหลินเก่งมากครับ” เหมาอี้เฉินเห็นพ่อชอบพี่สาว เขาจึงทำตามบ้างประสาคนอยากประจบพี่สาว “ขอบใจนะเสี่ยวเฉิน ลุงเขยหนูว่าเราแบ่งไว้ไม่กี่ตัวก็พอ พรุ่งนี้ค่อยมาขนไปใหม่ ที่เหลือเราเอาไปขายดีไหมคะ” อวี่จือหลินเสนอ “ดีสิ แต่ราคาปลาที่นี่ไม่ค่อยมีราคานัก คงได้ไม่กี่เหมา” เหมาโม่โฉวบอก เพราะที่แม่น้ำสายใหญ่ผ่านหมู่บ้านชาวบ้านชนบทเป็นคนประหยัดอยู่แล้วน้อยครั้งนักที่จะซื้อปลา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะในตำบลก็มีตลาด แต่ราคาไม่ดีนัก “หนูว่าจะไปขายในเมืองอิงถานจ้ะ พรุ่งนี้หนูว่าจะเข้าเมืองพร้อมลุงเลย” อวี่จือหลินบอก เพราะที่บ้านมีจักรยานอยู่หนึ่งคันที่ลุงเขยเธอใช้ปั่นเข้าเมืองอิงถานไปทำงาน ถ้าเธอจะเอาของไปขายในเมืองก็ต้องเข้าเมืองไปพร้อมลุงในตอนเช้า “โอ้…ไปขายในเมืองเลยสินะ ดี ดีมาก” ติชมอย่างสุภาพ ขอคอมเม้นท์ และกำลังใจ ด้วยนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม