นัยน์ตาคมมองเสื้อกันหนาวเจ้าปัญหาที่ตัวเองเผลอหยิบติดมือมาด้วยความไม่เข้าใจ อีกทั้งยังไม่รู้ว่ามันทำให้เขากับเขียนฝันทะเลาะกันอยู่หน้าห้องน้ำหญิงได้อย่างไร นาทีนั้นใครจะหาว่าหลานอธิการบดีไม่รู้กาลเทศะก็ตามแต่
เพราะคนดื้อที่ไม่ยอมรับเสื้อจากเขาไปใช้คลุมก่อนนั้นคงจะไม่นึกเป็นห่วงตัวเองเลยว่าเสื้อนิสิตมันบางเปียกน้ำจนเห็นไปไหนถึงไหนแล้ว ทว่าเขียนฝันก็ยังคงเป็นเขียนฝัน ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วเจ้าตัวก็มักจะเดินหนีเขาตลอด
กลับเข้าไปในห้องเรียนทั้งที่ยังอยู่ในสภาพนั้น แน่นอนว่ามันมีสายตาหลายคู่จดจ้องเธออย่างปิดไม่มิดอยู่แล้ว คิร่ายอมรับเลยว่าตอนนั้นเขามีความหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะต้องผ่อนลมหายใจออกยามเห็นว่าหญิงสาวยอมรับคาร์ดิแกนราคาแพงจากเพื่อนสนิทไปสวมใส่แทนการรับน้ำใจจากเขา
แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้าเธอยังดื้ออยู่เขาก็คงจะต้องบังคับแล้วจริง ๆ นาทีนั้นใครจะมองยังไงก็ช่างมัน
“หน้ามึงเครียดอะไรขนาดนั้น”
คิร่าหลุดออกจากภวังค์ มือหนาที่มีรอยอักษรโรมันอยู่บริเวณด้านในของนิ้วหัวแม่มือโยนเสื้อกันหนาวของตัวเองลงส่ง ๆ ที่เก้าอี้ไม้ภายในห้องส่วนตัวของร้าน วันนี้ไม่ได้มีคิวสัก หากแต่จะให้กลับไปนอนคอนโดก็คิดว่าคงจะเหงาเกินไป เพราะเป็นแบบนี้เขาจึงจำเป็นที่จะต้องมี Friend with benefits มาตลอด
ขี้เหงา แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่อยากจะมีใครเป็นตัวเป็นตน ถ้าไม่ใช่คนที่เขาปักใจรอน่ะนะ
“ทะเลาะกับฝันมานิดหน่อย”
“ที่มึงเดินตามเธอออกไปน่ะเหรอ” เอเดนเพื่อนต่างคณะคนเดียวที่สนิทกับแก๊งวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มากที่สุด ละสายตาออกมาจากจอสี่เหลี่ยมขนาดพกพา เขาเรียนสถาปัตยกรรม อีกทั้งยังมีความชอบออกแบบมาตั้งแต่ยังเด็ก เลยเป็นเหตุให้เลือกคณะนี้ ได้รู้จักกับพวกคิร่าตอนยังเป็นเฟรชชี่ใหม่ ๆ ที่พวกรุ่นพี่นั้นบังคับให้หาเพื่อนต่างคณะจดลงในสมุดที่แจกให้
เรียกได้ว่าพวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่นั้นจนแทบจะปรึกษาได้ทุกเรื่อง และงานอดิเรกที่คิร่าอยากลองทำก็ขาดคนทำเรฟสักให้พอดี อีกฝ่ายจึงมาเสนอให้เขา ซึ่งมันก็ได้ผลตอบรับดีเกินกว่าที่คาด อะไรที่ได้เงินคุ้มเหนื่อยเอเดนเองก็คิดว่ามันไม่เลวเหมือนกัน พวกเขาจึงตกลงกันมาเช่าตึกเปิดร้านจริงจังแบบนี้
“อือ”
“แล้วไปทะเลาะกันได้ยังไง” เอ่ยถามพร้อมกับเทเบียร์เย็น ๆ ให้เพื่อนสนิท เผื่อจะสามารถทำให้มันหายหัวอุ่นลงได้บ้าง ไม่นานเจ้าของร้านก็เลือกนั่งลงตรงข้างกัน ที่พวกเขานั่งอยู่ในตอนนี้เป็นชั้นสองที่มักใช้เวลาต้องการจะขึ้นมาพักผ่อนหลังจากทำงานเสร็จแล้วไม่เลือกที่จะกลับไปนอนคอนโด
“ดื้อ”
“หึ” เอเดนหัวเราะออกมาในลำคอเมื่อได้ยินคำตอบของคิร่า เท่าที่มองดูคนทั้งสองเรื่อยมา จากคู่นอนมันก็ดูจะพิเศษไปมากกว่านั้น ถึงขนาดที่ว่าเขียนฝันสามารถเข้าออกที่ร้านสักนี้ได้ตามสบายขอแค่ไม่รบกวนเวลาทำงาน ทั้งที่ก็แค่พาร์ทเนอร์เรียกมาเอาตอนที่อยากก็พอแล้วไม่ใช่หรือ แต่นี่เพื่อนเขากลับคิดไม่ตกเพราะมีปากเสียงกันเพียงแค่เรื่องเสื้อผ้า
หรือไม่ใช่แค่นะ เพราะก่อนที่คิร่าจะได้ตามเขียนฝันออกไป เจ้าตัวดันให้เสื้อตัวนี้ไปอยู่บนตัวของเพื่อนเรียนสมัยมัธยมก่อน
แบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะได้เห็นศึกเชิงนายหรือ
“ขำอะไร”
“มึงไง แค่คู่นอนจะมาหงุดหงิดเพื่อ”
“ก็เห็นว่าเสื้อมันบางขนาดนั้น ยังจะกล้าเดินกลับเข้าไปให้คนทั้งเซคมองกันหมด”
“ทำไม หวงเหรอ”
คิร่าที่กำลังจะยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาจิบชะงักหลังจบประโยคของเอเดน ทว่ามันก็คงจะไม่แปลกในเมื่อเรายังเป็นคู่นอนกันอยู่ เขารับปากว่าจะไม่ไปต่อกับใครขณะที่ยังมีความสุขร่วมกัน เธอเองก็ด้วย แต่มาวันนี้ดันอยากจะโชว์สัดส่วนให้คนอื่นเห็นเสียอย่างนั้น เป็นใครจะไม่รู้สึกหงุดหงิดบ้าง
“เขายังเป็นของกูอยู่ จะทำอะไรก็ควรนึกถึงใจกันหน่อย”
“ตรรกะเหี้ยไรของมึง อย่ามาเห็นแก่ตัวดิ เพราะถึงมึงจะนอนกับเขียนฝัน แต่ก็ยังให้ความหวังคนอื่นไปทั่วอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันแล้ว” เป็นเรื่องจริงแบบที่เพื่อนสนิทกล่าว ถึงแม้ว่าในระหว่างนี้คิร่าจะไม่ได้ไปมีอะไรกับคนอื่น แต่เขาก็ยังมีไปออกเดตกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอด แต่เราก็จบกันแค่เดินควงไปทานข้าวหรือดูหนังแค่นั้น ไม่ได้ลึกซึ้งทางกายใด ๆ ต่อ
“แล้วถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเขียนฝันอยากที่จะเลิกความสัมพันธ์นี้กับมึงขึ้นมาล่ะ” มันไม่มีผู้หญิงคนไหนที่รู้สึกก่อนแล้วจะใจกว้างให้คนของตัวเองไปกับคนนั้นคนนี้หรอก เพราะความอดทนของเรานั้นมีขีดจํากัด
“หมายถึง?”
“ก็หมายถึงว่าเธอไม่อยากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้แล้วไง”
“ก็ในเมื่อกูไม่ได้รัก และไม่คิดที่จะรักตั้งแต่แรก ก็แค่ปล่อยเธอไปไหม”
“อ่าฮะ งั้นวันนี้มึงก็ไม่ควรจะมานั่งหงุดหงิดเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้นะ”
“รู้ ยังไงฝากดูร้านด้วย”
“จะกลับไปนอนคอนโดหรือไง กูคิดว่ามึงจะนอนนี่”
“เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัด แต่คงจะอาบน้ำก่อนออกไป คิดว่าไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว”
“เพลา ๆ ลงบ้างเถอะ”
ประโยคแผ่วเบาที่ได้ยินมาจากการนั่งสนทนาของบุคคลทั้งสองด้านนอกระเบียงนั้นทำเอามือขาวบีบเข้าหากันแน่น ถึงแม้ว่ามันจะแผ่วเบา แต่กลับดังกึกก้องในโสตประสาทของหญิงสาวที่เข้ามาได้ยินโดยบังเอิญพอดี เขียนฝันเกือบจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องมาเอาอะไรที่นี่
อ่า เธอลืมรองเท้าคู่โปรดที่จะใช้ออกงานกับมารดาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นึกขึ้นได้ก็ต้องขับรถวนมาที่ร้านสักของคิร่า แน่นอนว่าหญิงสาวสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามที่ต้องการ และไม่คิดว่าจะต้องมาชาหนึบที่หัวใจซ้ำเป็นรอบที่สองของวันกับประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวกับเพื่อนสนิท
เข้าใจว่าเราไม่ได้รักกันมากตั้งแต่แรก แต่ประโยคที่เขาคนนั้นบอกว่าไม่คิดจะรักเธอเลยนี่สิ
ทำเอาเขียนฝันถึงกลับต้องเหยียดยิ้มออกมา ความผูกพันที่ผ่านมาครึ่งปีไม่สามารถทำให้คิร่าคิดที่จะเปลี่ยนใจบ้างเลยหรือ มันน่าตลกสิ้นดีตรงที่เธอถลำลึกไปคนเดียวเพราะความลุ่มหลงหรือไม่ก็กำลังเสพติดเซ็กซ์ของชายหนุ่ม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ได้รู้สึกกับเขาไปแล้ว ก่อนดวงตากลมโตจะพยายามกะพริบถี่ ๆ รีบมองหารองเท้าส้นสูงของตัวเองเพื่อออกไปจากตรงนี้เงียบ ๆ
“นายมันเฮงซวยที่สุด”
TBC.