ตอนที่ 1 ตามหาของ
เหตุการณ์เมื่อหกปีก่อน....
เช้าวันใหม่
หญิงสาวในวัย 18ปี รูปร่างผอมเพรียวหน้าตาสะสวยสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋าข้างเดินขึ้นมาบนรถไฟที่กำลังจะแล่นออกจากสถานีผู้คนทะยอยขึ้นมานั่งและยืนเบียดกันแน่น
ไม่นานนักรถไฟวิ่งออกจากสถานีทันทีหลังรับผู้โดยสารทุกคนแล้ว
ในขณะที่หญิงสาวนั่งกอดอกเบียดกันกับชายวัยกลางคนที่นั่งข้างเธอ เทียนหอมรู้สึกได้กลิ่นแปลกๆเมื่อชายคนนั้นยกแขนขึ้นเธอจึงเขยิบออกห่างเล็กน้อยและเบือนหน้าไปทางอื่น
แต่ทันใดนั้นอยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งแอบซ่อนซองเอกสารสีน้ำตาลใส่ไว้ในกระเป๋าของเธอ เทียนหอมลืมรูดซิปเอาไว้แต่ชายคนนั้นเป็นคนรูดซิปกระเป๋าให้เธอหลังจากที่ซ่อนของไว้สำเร็จ
ทว่าของชิ้นนั้นที่อยู่ในซองเอกสาร เป็นของสำคัญบางอย่างของใครบางคนที่มันไปขโมยมาและมีเงินจำนวนหลายล้านอยู่ในนั้นด้วย ก่อนที่ชายคนนั้นจะแอบขโมยมามันได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยคนหนึ่งและลงมือทำตามคำสั่ง เมื่อพวกมันได้ของมาแล้วมันส่งต่อให้ลูกน้องอีกคนและเอาไปให้ลูกน้องอีกคนที่ขึ้นมาบนรถไฟขบวนนี้
“เป็นไงบ้างเอาไปซ่อนที่ใคร” ไทธัชนั่งคุยโทรศัพท์กับลูกน้องอีกคนที่เขาสั่งให้มันเอาซองสีน้ำตาลไปซ่อนไว้ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงออกจากลูกน้องของมาเฟียหนุ่ม แล้วพวกเขาจะไปตามเอากลับมาคืน
(ซ่อนไว้กับผู้หญิงครับลูกพี่)
ที่แท้ก็มันนี่เองที่เอาของไปซ่อนไว้ในกระเป๋าของเธอ
“มึงจำหน้าได้ใช่ไหม”
(ได้ครับผม)
เมื่อคุยสายจบไทธัชเลี้ยวรถเดินทางกลับไปหาเสี่ยเขารู้ดีว่าเจ้าของคงต้องตามไปหาที่บ้านของเขาแน่นอน ไทธัชจึงไม่เลือกกลับไปที่บ้านตอนนี้
ณ บ้านของเทียนหอม
“อย่า อย่าทำอะไรผมเลยครับผมไม่รู้จริงๆว่ามันอยู่ที่ไหน”
เสียงของชายวัยสูงอายุดังขึ้นและนั่งคุกเข่าลงยกมือไหว้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อย่างใจเย็น ตามใบหน้าของเกริกพลเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ไหลออกมาเพราะโดนลูกน้องของหนุ่มมาเฟียเล่นงานอย่างหนัก
“ไม่เจอมันเลยครับนาย” เสียงทุ้มของลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นหลังจากที่ช่วยลูกน้องคนอื่นตามหาลูกชายของชายวัยสูงอายุ
“อืม...” คณินอัดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะโยนลงพื้นแล้วใช้เท้ากดเหยียบร่างสูงนั่งลงยองๆต่อหน้าเกริกพลใช้ปลายกระบอกปืนที่ถือไว้ในมืออีกข้างแตะปลายคางเชิดขึ้น
“ถ้าหาตัวมันไม่เจอก็หาของของฉันให้เจอถ้าไม่เจอมึงได้ตายเป็นผีแน่” ว่าจบคณินลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งบนโซฟา
เรย์และลูกน้องคนอื่นช่วยกันลื้อข้าวของในบ้านหลังนี้และหาซองเอกสารสีน้ำตาลทุกซอกทุกมุมจนกว่าจะเจอตามคำสั่งเจ้านาย
คณินคือเจ้าของของที่อยู่ในซองสีน้ำตาลก่อนที่พวกเสี่ยจะสั่งลูกน้องของมันให้มาขโมยในตอนนั้นคณินกำลังหลงไหลผู้หญิงที่เข้ามาอ่อยและเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นคือคนของเสี่ย ส่วนซองสีน้ำตาลเขาเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในแต่ก็โดนผู้หญิงถอดเสื้อออก ในขณะนั้นคณินมีอาการมึนเมาด้วยฤทธิ์ยาที่พวกมันผสมในเหล้าคณินไม่ได้ระมัดระวังตัวเพราะคิดว่าเสี่ยคงจะไม่หักหลังเขา
เมื่อเริ่มสางเมาคณินพึ่งนึกออกแล้วหาซองสีน้ำตาลในเสื้อปรากฏว่ามันหายไปแล้ว เขาจึงส่งคนออกตามหาจนได้มารู้ว่าลูกน้องของเสี่ยเป็นคนเอาไปและคนคนนั้นก็คือ ไทธัช ลูกชายของชายวัยสูงอายุที่เขากำลังจัดการอยู่ตอนนี้
“ไทธัช มันไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้วค่ะอย่าทำอะไรฉันสองคนเลยนะคะ ไว้ชีวิตฉันกับสามีเถอะค่ะคุณคณิน” จันทร์ทิพย์มารดาของหญิงสาวยกมือไหว้ขอร้องมาเฟียหนุ่มที่นั่งขาไขว้ห้างบนโซฟาร่างกายของเธอก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากฝีมือของลูกน้องเขา
“หึ! ฉันไม่สนหรอกนะว่ามันจะกลับหรือไม่กลับแต่ตอนนี้ฉันต้องการของของฉันคืน” คณินหัวเราะในลำคอเบาๆเขาเอนตัวพิงโซฟาแล้วยืดขาไปวางไว้บนโต๊ะกระดิกเท้าสองสามที
“มันไม่ได้เอามาไว้ที่นี่หรอกครับ มันคงจะหนีไปแล้วแหละ” เกริกพลรู้ว่าลูกชายของตนหนีไปอยู่ที่อื่นและคงจะไปอยู่กับเสี่ย
“หนีเหรอ มันจะหนีไปไหนได้” ต่อให้ศัตรูจะหนีออกนอกประเทศยังไงเขาก็ต้องตามกลับมาอยู่ดี คณินไม่ยอมให้ใครหนีไปง่ายๆแบบนี้หรอก
เทียนหอมเดินทางออกจากสถานีรถไฟแล้วขึ้นรถแท็กซี่กลับมาที่บ้านระหว่างทางเธอแวะซื้อกับข้าวมาให้บิดามารดาได้ทานของอร่อยๆ ในขณะที่เดินเท้าจากหน้าปากซอยมาถึงหน้าบ้านของตนเธอเห็นรถหรูสีดำจอดขวางอยู่ห้าคัน เทียนหอมรู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆเธอรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที เมื่อจะก้าวขาเข้าไปข้างในอยู่ๆก็มีข้าวของเครื่องใช้ถูกโยนออกมาข้างนอกเทียนหอมยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งใจเต้นสั่นระรัวแล้วรีบเข้าไปในบ้านถึงกับเบิกตากว้างโตเมื่อเห็นบิดามารดาถูกมัดติดกับเสา มือบางที่ถือถุงกับข้าวหล่นลงพื้นและรีบวิ่งเข้าข้างใน
“พ่อแม่ ทำไมถูกมัดไว้แบบนี้ล่ะคะ” เทียนหอมนั่งลงต่อหน้าบิดารมารดาเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นทำสีหน้างุนงงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร
“คุณคณินมา...” เสียงเหนื่อยๆของเกริกพลเอ่ยบอกลูกสาวสภาพตอนนี้แทบจะไม่ไหวแล้ว
เทียนหอมได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งบนโซฟาสีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ยางอายไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“มีสิทธิ์อะไรมาลื้อข้าวของบ้านฉัน ทำไมต้องทำร้ายพ่อแม่ฉันด้วย” เทียนหอมลุกขึ้นกำหมัดแน่นเอ่ยด้วยเสียงแข็งมองเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ฉันมาตามเอาของฉันคืน” เขาตอบด้วยเสียงเรียบคณินลุกออกจากโซฟาเดินเข้ามาหาเธอ
“ของอะไรของนาย” เทียนหอมก้าวถอยหลังอัตโนมัติแค่มองดูสายตาของเขาก็ยิ่งขนลุก
“ถามพี่ชายเธอเอาเองละกันนะ” สองมือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้” แม้ว่าพี่ชายของเธอจะเป็นคนก่อเรื่องแต่เธอก็ไม่พอใจที่เขามาทำร้ายพ่อแม่ทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยสักนิด
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อไอ้ไทธัชมันขโมยของของฉัน ฉันก็ต้องตามมาจัดการสิ”
“มันมีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ” เทียนหอมไม่รู้หรอกนะว่าของที่เขาตามหามันคืออะไรกันแน่
“มีสิ มีค่ามากแม้แต่ตัวเธอก็ยังชดใช้ให้ไม่ได้” คณินดันร่างเล็กติดกำแพงใช้แขนกันไว้ไม่ให้หญิงสาวหลุดออกสายตาคมวาวเพ่งมองเธออย่างคาดคั้น
“ออกไปเลยนะอย่ามาใกล้ฉัน” เทียนหอมดันคนตัวโตสุดแรงแต่กลับโดนเขาบีบปลายคางของเธอ
หมับ!
“พี่ชายเธอมันหาเรื่องใส่ตัว ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีเชื้อสายเดียวกันกับมันฉันไม่เอาไว้แน่ แม้แต่พ่อแม่ของเธอแล้วก็เธอเทียนหอม”
จบคำพูดมือหนาจับไหล่บางเหวี่ยงคนตัวเล็กกระเด็นไปอีกทาง
“อ๊ะ!” เทียนหอมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเธอไม่เคยโดนใครทำขนาดนี้หยาดน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มทีละข้าง
ทำไมนะ!! ทำไมเธอต้องโดนอีกคนทั้งที่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน
“เทียนหอมลูก” จันทร์ทิพย์เป็นห่วงลูกสาวมากกลัวว่าเธอจะเจ็บแต่ตัวเองนั้นก็โดนมัดไว้อยู่แบบเนี่ย
“ผมต้องทำยังไงถึงจะชดใช้แทนไทธัชมันได้ครับคุณคณิน” เกริกพลเห็นลูกสาวร้องไห้ด้วยความเจ็บหัวใจของคนเป็นพ่อมันหล่นไปถึงตาตุ่มแล้วเขาอยากชดใช้ให้ลูกชายจะได้จบๆสักที
“อยากชดใช้แทนมันเหรอ” คณินนึกอะไรออกบางอย่างสายตาคู่นั้นไล่มองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้กอดพ่อแม่ตัวเอง ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ครับ ผมรู้ว่าลูกชายผมทำผิด ผมอยากขอโอกาสให้มันสักครั้งถ้ามันกลับมาผมจะบอกให้มันเอาของไปส่งคืนครับ”
“หึ! ต่อให้กูฆ่ามึงตายมันก็ชดใช้อะไรไม่ได้อยู่ดี”
คณินขึ้นเสียงใส่ที่ได้ยินเกริกพลขอร้องให้เขาให้โอกาสลูกชายของตน มันคงไม่ง่ายเกินไปหรอก
ถึงจะต้องฆ่าล้างครอบครัวของหญิงสาวเขาก็จะไม่ได้ของคืนกลับมาเพราะมีแต่สูญเปล่า
แล้วตอนนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของสำคัญนั้นอยู่ที่ใคร