04.00 น
Rrrrrr Rrrrr Rrrrrr
เสียงเรียกเข้าดังขึ้น มือบางควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า ก่อนจะคว้าแล้วนำมันขึ้นมาแนบหู กรอกเสียงงัวเงีย
“ฮัลโหลลลล”
(“ยัยแพร อยู่ไหนย่ะ ตื่นหรือยังเนี่ย”) น้ำเสียงจากชายหัวใจหญิงดังจนเจ้าของยกหูออก ความง่วงหายปลิดทิ้ง
“เห้ย แก มารับฉันหน่อย”หญิงสาวเด้งตัวลุกขึ้น มือบางคว้ากระเป๋า แต่ทำบัตรพนักงานสายการบินตกพื้น
แพรไพรวิ่งออกจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มนอนหลับเพียงลำพัง หญิงสาวกดแชร์ตำแหน่งไว้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรวัตขับรถมารับหญิงสาวหน้าโรงแรม
“นี่แก ทำไมมานอนโรงแรม เกิดอะไรขึ้น หรือว่าแกแอบพาผู้ชายออกมา....”
“บ้าน่าแก พอดีมันเกิดเรื่องนิดหน่อย”
“นี่ฉันแค่ไปคุยกับผู้ชายไม่กี่นาที แกก็มีเรื่องแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้นเล่าให้ฟังหน่อยสิ” เรวัตหันมาหาหญิงสาวก่อนจะสลับมองทางข้างหน้า
“มีเรื่องกับลูกน้องพ่อเลี้ยงนะสิ โชคดีเขามาช่วยฉันไว้”
“เขาไหน”
“ก็ผู้โดยสารคนนั้นไง” แพรไพรเอ่ย พร้อมกับทาครีมรองพื้นไว้ก่อนแต่งหน้า ในใจก็อดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้
“แหมๆ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้นะ แกชอบเขาแล้วหละสิ”
“บ้า ใครจะชอบกัน เจอกันไม่กี่ครั้ง”
“แต่นี่มันหลายครั้งแล้วนะ” เรวัตพูดแทรกขึ้นมา
“ก็ไม่รู้สิ แต่เขาช่วยฉันไว้จนตัวเองต้องเจ็บ” แพรไพรหยุดทาครีมนั่งนึกถึงเขาคนนั้น
“แล้วนอนในห้องด้วยกันเกิดอะไรขึ้นบ้างเล่าให้ฟังหน่อย”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาเมาบวกกับอาการเจ็บก็หลับไปเลย” หากหญิงสาวไม่ได้เล่าที่เขาเพ้อหาใครบางคน ศิริลนภา เธอคนนั้นเป็นใครกัน
เรวัตนั่งฟังขับรถไปตามทางจนมาถึงสนามบิน ทั้งสองรีบก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้ามายังสำนักงานของสายการบิน
ทันทีเข้ามาข้างใน แพรไพรแยกตัวไปยังห้องแต่งตัว รีบจัดของบางส่วนลงในกระเป๋าเดินทาง มือบางค้นหาบัตรพนักงาน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
“หายไปไหนเนี่ย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน หากไม่มีบัตรพนักงานไม่สามารถสแกนลงชื่อทำงานได้
“ตายๆ หรือว่า” หญิงสาวคิดได้ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อีกสองชั่วโมงก็ถึงเวลาทำงานแล้ว ขืนขับรถกลับไปกลับมาก็ไม่ทันอยู่ดี นอกจากลางาน หากลางานต้องแจ้งล่วงหน้าเจ็ดวัน
ก๊อก ก๊อก
“แก เสร็จหรือยัง ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้วนะ” เรวัตเรียกเพื่อนสาวหน้าห้อง อีกไม่กี่นาทีก็จะมีการเรียกประชุมกันแล้ว
แพรไพรลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องสีหน้าเป็นกังวลจนเพื่อนชายใจหญิงมองออกจึงรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“แก เป็นอะไร”
“ฉันทำบัตรพนักงานหายนะสิแก หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”
“เอาไปไว้ไหนละ”
“ฉันว่าต้องทำหล่นในโรงแรมแน่ๆเลย ฉันไม่ได้สแกนลงชื่อเลยเท่ากับวันนี้ฉันขาดงานนะสิ” หญิงสาวพูดน้ำเสียงร้อนรน
“ใจเย็นๆแก ก่อนประชุมบอกพี่แหวนทราบ ฉันว่าแกคงหาทางอย่างอื่นให้” เรวัตเอ่ยถึงพี่แหวนหัวหน้าในเที่ยวบินวันนี้
“จะลองดูแล้วกันนะแก”
“ไปกันเถอะจะเข้าประชุมกันแล้ว” เรวัตเดินนำเพื่อนสาว แพรไพรตามหลังเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงห้องประชุม เหล่ากัปตันพนักงานสายการบินเดินเข้าห้องประชุมกัน
“สวัสดีค่ะ พี่แหวน” แอร์โฮสเตสสาวรีบยกมือไหว้ทันทีเห็นร่างสูงโปร่งวัยสามสิบห้าเดินเข้ามา
“สวัสดีจ๊ะ น้องแพร” ใบหน้าสวยรูปไข่มองรุ่นน้องสาวสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง
“เอ่อ พี่แหวน แพรมีอะไรจะบอก”
“คือว่า แพรลืมบัตรพนักงานค่ะ” แพรไพรบอกตามตรงไม่อ้อมค้อม แอร์โฮสเตสรุ่นพี่มองหญิงสาวก่อนจะส่งยิ้มให้นิดๆ
“เอาละ ทำงานวันนี้ไปก่อนแล้วค่อยบันทึกรายงานทีหลังแล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่แหวน” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไร ทีหลังอย่าลืมอีกนะ ตั้งแต่เราทำงานด้วยกันมาเราไม่เคยลืมเลย นี่ครั้งแรกพี่ไม่ว่าหรอก”
“ต่อไปแพรไม่ลืมอีกแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างโล่งอก
“ไปประชุมกัน”แอร์โฮสเตสรุ่นพี่เดินนำทั้งสองเข้าห้องประชุม เตรียมการทำงานสำหรับวันนี้
โรงแรม
พศิกรลืมตาตื่นรู้สึกปวดหัว พร้อมกับเจ็บตรงท้ายทอย ฝ่ามือหนายกลูบเบาๆ เมื่อคืนทั้งดื่มหนักแล้วถูกทำร้ายอีก โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก
ชายหนุ่มมองรอบห้องหัวสมองประมวลความทรงจำเมื่อคืน เขาจำได้แม่นผู้หญิงคนนั้นกำลังถูกชายร่างใหญ่สองคนทำท่าจะเชิญไปที่ไหนสักที่ แต่เขากลับเดินเข้าไปอ้างว่าเป็นแฟนจนเกิดเรื่อง ว่าแต่ตอนนี้เธอหายไปไหนกัน
ร่างสูงลงจากเตียงตรงไปโซฟาตัวใหญ่ เขาจำได้ว่าเธอนอนอยู่ตรงนี้ พศิกรเห็นอะไรบางอย่างตกพื้น ก้มลงหยิบมันขึ้นมา
“นางสาวแพรไพร” ชายหนุ่มสะดุดชื่อนี้เหมือนเขาเคยอ่านมันมาก่อน ดวงตามองรูปแอร์โฮสเตสสาวสลับอ่านชื่อซ้ำๆ
“ใช่แล้ว เธอนั่นเอง” พศิกรนึกถึงตอนลงจากเครื่องบินเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มถือบัตรเอาไว้ อยู่ๆเขาก็คิดจะคืนด้วยตัวเอง
รถยนต์ขับมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ พศิกรลงจากรถเดินเข้าบ้าน เจอพ่อกับแม่กำลังนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกับเปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปด้วย พอคนเป็นแม่เห็นรีบทักขึ้น
“กลับเช้าจริงๆด้วย” ศิณีเอ่ยขึ้นก่อน
“กินอะไรมาหรือยังละ มากินด้วยกันสิ” พศินเรียกลูกชายมานั่งกินข้าวด้วยกัน
“ผมยังไม่หิวครับ ขอตัวก่อนนะครับ” พศิกรตอบเสียงเหนื่อยๆว่าแล้วร่างสูงรีบเดินขึ้นบันใดเข้าห้องทันที
“จริงๆเลย”
“เอาน่าคุณ ให้ลูกได้พักบ้าง” พศินบอกภรรยา ก่อนจะหันมาจัดการอาหารเช้า
พศิกรอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปสนามบิน ตั้งใจจะคืนบัตรให้แอร์โฮสเตสสาวคนนั้น เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น
‘การแต่งงานของคุณทิศตะวันลูกชายเพียงคนเดียวของคุณทศทิศ กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมงาน และเชื่อว่างานจะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน’ ภาพข่าวบนหน้าจอทีวีพร้อมเสียงนักข่าวนั่งคุยกัน
พศิกรมองภาพทีวีเด่นหรา ศิริลนภาในชุดเจ้าสาว ภาพพรีเวดดิ้งบางส่วนแทรกเข้ามาพร้อมๆกับเสียงของนักข่าวบรรยาย
“ถ้าลูกเราไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ เจ้าบ่าวของหนูศิคงเป็นตากรนะคุณ” ศิณีพูดกับสามีด้วยความเสียดาย
“เอาน่าคุณ คิดเสียว่าลูกของเราไม่ใช่เนื้อคู่ของหนูศิ อีกอย่างเจ้าบ่าวดูจะรักหนูศิมากด้วย” คำพูดของคนเป็นพ่อทำเอาชายหนุ่มเจ็บกลางหัวใจอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าเดินออกจากบ้านไป
สนามบิน
พศิกรเดินเข้ามา สายตามองหาเคาท์เตอร์สายการบินบลูสกายแอร์ไลน์ พอเห็นสีฟ้าอยู่ไกลๆร่างสูงรีบเดินตรงเข้าไป
“สวัสดีค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นทันทีเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา
“ขอโทษนะครับ พอดีแฟนผมลืมบัตรไว้ โทรหาก็ไม่ติดพอจะเช็คตารางการบินวันนี้ได้มั๊ยครับ” พศิกรถามพนักงานสาวพร้อมยื่นบัตรให้ดู
“เดี๋ยวขอตรวจสักครู่นะคะ” พนักงานสาวรับบัตรมาดู กดเข้าข้อมูล
“เป็นความลับนะคะ เราไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่คุณสามารถไปดูตารางเที่ยวบินตรงจอทางโน่นนะคะ”
“อ๋อ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรหาแฟนอีกทีนะครับ” พศิกรขอบัตรพนักงานคืนจากพนักงานสาวคืนก่อนจะส่งยิ้มให้ แล้วเดินจากไป