“หึ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ดูแล้วก็พยศอยู่นะ ถ้าได้มาขนาดนั้นคงคุมยาก” กฤตินเค้นหัวเราะพลางนึกถึงสายตาที่แฝงไปด้วยความดื้อรั้นของหญิงสาวที่ตนสนใจไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นแชมเปญก็ยังเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากสำหรับเขาอยู่ดี
“หรือพ่อถูกใจผู้หญิงคนนี้เหมือนกันรึไง? ผมแบ่งให้ได้นะ แต่ต้องหลังจากที่เบื่อแล้วน่ะ ซึ่งดูแล้ว...ก็คงนานกว่าคนก่อน ๆ เหมือนกัน”
“จะให้ฉันมีปัญหากับแม่แกอีกรึไง ยิ่งเป็นผู้หญิงคนนี้คงได้วุ่นวายมากกว่าเดิม”
กฤตินหัวเราะเบา ๆ กับคำตอบของคนเป็นพ่อ ก่อนยศพลจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แต่ถ้าเป็นคนนี้ฉันก็ไม่ติดหรอกนะ ดูเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไหน ๆ แกก็ให้ฉันลงทุนมาด้วยขนาดนี้แล้ว ก็เอามาเป็นของไว้โชว์เวลาไปไหนมาไหนสิ ดีกว่าพวกดารานางแบบที่ทำตัวเป็นผู้ดีแต่ก็มีแค่เปลือกนะ”
“ถ้าพ่อพูดมาขนาดนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ” กฤตินนึกสนุกมากกว่าเดิม เพราะแชมเปญถือเป็นผู้หญิงที่ได้มายากสำหรับเขา ถึงกฤตินจะเคยเจอผู้หญิงที่ขัดขืนหรือไม่เต็มใจมาบ้าง แต่แชมเปญก็ไม่เหมือนกับคนอื่นที่จะบังคับให้มาเป็นของตัวเองได้ตามใจ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้ถ้าเธอไม่ยอมรับเขาจริง ๆ
เพียงแต่ต้องหาจังหวะและเวลาที่เหมาะสมก็เท่านั้น
**********
ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของแชมเปญก็เปลี่ยนไป เพราะกฤตินไม่ได้หยุดแค่นั้นในการพยายามเข้าหาเธอ และแชมเปญยิ่งรู้สึกกังวลมากกว่าเดิมในตอนที่ได้รู้เรื่องราวของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเขาเป็นคนโหดร้ายมากแค่ไหน
พอเบื่อก็พร้อมเขี่ยทิ้ง หรือหากไม่ถูกใจก็จะกำจัดไม่ให้มาสร้างความรำคาญใจกับตัวเองได้อีก แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยทั้งนั้น
“ฉันเองก็พยายามถามพ่อให้นะว่าพอจะมีใครช่วยได้รึเปล่า แต่ว่าเธอก็รู้ว่าแบ็คของเขาดีขนาดไหน แม้แต่พวกนักข่าวยังไม่กล้าแตะเลย” ไข่มุกบอกเพื่อนสนิทเสียงเต็มไปด้วยความกังวล แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถจะปล่อยให้แชมเปญทุกข์ใจแบบนี้ต่อไปได้
“หรือว่าเธอจะหนีไปอยู่ต่างประเทศสักระยะดีมั้ย? เพราะดูแล้วไอ้กฤตินมันอยากได้เธอมากเลยนะ”
“แต่ฉันเพิ่งกลับมานะ ถ้าต้องหนีแบบนั้นแล้วฉันจะต้องหนีไปจนถึงเมื่อไหร่ แล้วครอบครัวของฉันที่ยังอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ทำไมเราถึงทำอะไรกับคนพวกนี้ไม่ได้เลยนะ...” แชมเปญกำมือแน่นเพราะทุกอย่างไม่สามารถจะเป็นตามที่หวังได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะไม่ยอมทำตามที่คนแบบนั้นต้องการเด็ดขาด
“สงสัยเธอคงอยู่ในช่วงดวงตกจริง ๆ นะถึงไปเข้าตาคนแบบนั้นได้ แล้วดูสิ เป็นพวกมีอิทธิพลล้นฟ้าด้วย”
“ปกติคนพวกนี้เขาจะมีคนคอยหาผู้หญิงให้อย่างนั้นเหรอ? ฉันยังสงสัยอยู่ว่าทำไมฉันที่เพิ่งกลับมาไทยในรอบหลายปีถึงไปสะดุดตาคนแบบนั้นได้ แค่เจอกันในงานไม่กี่นาทีทำให้เขาอยากได้ฉันขนาดนั้นเลยหรือไง”
“นั่นสิ ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกัน เพราะเธอก็ไม่ใช่ดาราคนดังสักหน่อย หรือว่าจะเป็นเพราะงานวันนั้นจริง ๆ”
แชมเปญพยายามนึกถึงวันงานเลี้ยงวันนั้นที่เธอได้เจอกับกฤตินเป็นครั้งแรก และมันก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเจอคนนิสัยแย่ขนาดนี้เช่นกัน
“เพื่อนฉันสวยขนาดนี้ คงไปเข้าตาคาสโนวาจนเขาอยากได้ขึ้นมาแหละ”
“ฉันกำลังรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูแปลกไป...” แชมเปญหลุดพูดความคิดของตนเองออกมาเสียงแผ่วเบา ทั้ง ๆ ที่เธอก็เคยรู้ว่ากฤตินทำยังไงกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาอยากได้บ้าง แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ดี
“ถ้าฉันบอกว่าเดี๋ยวเขาก็เลิกสนใจเธอไปเอง แบบนี้เธอจะสบายใจขึ้นมั้ย?”
“ฉันเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน ถึงตอนนี้จะต้องใช้อดทนมาก ๆ ก็เถอะ” ไข่มุกกุมมือเพื่อนสนิทเพื่อให้กำลังใจ ความจริงวันนี้พวกเธอไม่ได้นัดกันเพื่อมาพูดคุยหาทางแก้ไขเรื่องนี้จริงจังเท่าไรนัก แต่เพียงแค่มาเพื่อรับฟังความทุกข์ใจของแชมเปญก็เท่านั้น
กว่าทั้งสองคนจะพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันจบ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว แชมเปญเดินกลับมาที่รถของตนเองด้วยอาการที่เริ่มรู้สึกเมาเล็กน้อย ทว่าประสาทสัมผัสของเธอยังคงดีอยู่จึงสามารถรับรู้ถึงคนที่กำลังเดินตามเธอได้
แชมเปญพยายามที่จะทำตัวให้ปกติที่สุดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา ทว่าสายตาของเธอก็ต้องเลื่อนไปสะดุดกับแผ่นหลังของใครบางคนที่คุ้นเคยเสียก่อน
“คุณดีน”
เพราะเป็นลานจอดรถของร้านอาหารในยามดึก ที่ตรงนั้นจึงเงียบมากจนทำให้คำพูดที่เผลอหลุดออกมาจากปากของแชมเปญคล้ายกับเสียงเรียกที่ทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักได้
“เจอกันอีกแล้วนะครับ” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกหันกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างเป็นมิตรเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันรู้สึกคุ้นเลยหลุดปากเรียกไป”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองต่างหากที่รู้สึกดีใจตอนเราเจอกันอีก”
“มาทานข้าวคนเดียวเหรอครับ?” ดีนเอ่ยถามพลางเหลือบมองทางด้านหลังของหญิงสาวไปด้วย แววตาของเขาฉายแววถึงความพึงพอใจออกมาเพียงนิดจากนั้นจึงละสายตากลับมาที่ใบหน้าสะสวยอีกครั้ง
“ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมกำลังจะมาหาแท็กซี่ไปโรงพยาบาลครับ คิดว่าตอนเดินน่าจะเหยียบเหล็กไม่ก็เศษแก้วเลยปวดมากแบบนี้”
“งั้นไปด้วยกันมั้ยคะ” หญิงสาวโพล่งออกไปโดยแทบจะไม่ต้องคิด ทว่าเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่มันคงดีกว่าการโดนติดตามแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คนเดียว
“ที่นี่ไม่ค่อยมีแท็กซี่เข้ามาหรอกค่ะ แล้วโรงพยาบาลก็เป็นทางผ่านของฉันด้วย”
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
“ตกลงครับ”
แชมเปญพ่นลมหายใจด้วยความโล่งใจที่สามารถทำให้ดีนมาอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ อย่างน้อยระหว่างนั้นเธออาจจะพอให้ชานนท์มารับที่โรงพยาบาล หรือถ้าโชคดีคนที่ตามเธอตอนในตอนนี้อาจจะถอดใจไปก็ได้
พอชายหนุ่มตอบตกลงแชมเปญก็เดินนำไปที่รถของตนเองโดยไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองบริเวณรอบ ๆ ไปด้วย
แชมเปญพาดีนไปที่โรงพยาบาลแล้วรอจนกระทั่งเขาทำแผลเสร็จ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ว่าใครสักคนที่สะกดรอยตามเธออยู่ไม่ได้ตามมารอถึงโรงพยาบาลแล้ว
นับว่าวันนี้เธอยังพอโชคดีอยู่บ้าง
“ขอบคุณนะครับที่พาผมมาส่งโรงพยาบาล รวมถึงรอเป็นเพื่อนจนทำแผลเสร็จด้วย”
แชมเปญนึกละอายใจอยู่เล็กน้อย เพราะความจริงก็เหมือนเธอหลอกใช้ดีนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แต่เขากลับแสดงออกว่ากำลังรู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของเธออยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ลำบากเลย ไม่ต้องคิดมากนะคะ”
“ผมเป็นหนี้บุญคุณคุณแล้วสิ ถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อนเมื่อไหร่ผมพร้อมจะช่วยเหลือเป็นการตอบแทนนะครับ”
“ทุกเรื่องเลยเหรอคะ?” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวหลุดปากออกไปกับคนตรงหน้า
“ครับ ทุกเรื่องที่คุณต้องการ”