“มันกลับไปแล้วครับ”
หลังจากแยกกับแชมเปญ ดีแลนก็เดินมาที่รถยนต์คันหรูซึ่งจอดไว้ด้านข้างโรงพยาบาลพร้อมกับแกะผ้าพันแผลที่เท้าออกอย่างใจเย็น เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผู้หญิงคนนั้นคงไม่กล้าไปไหนคนเดียวแล้วล่ะ”
“แบบนี้นายจะเข้าหาเธอยากขึ้นมั้ยครับ”
“ไม่หรอก เพราะตอนนี้มันเพิ่งเริ่มแค่นั้น” ดีแลนเอนกายพิงเบาะด้านหลังพลางปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตา ทว่าภายในใจของเขากลับนึกถึงแต่ใบหน้าของหญิงสาวที่เพิ่งแยกจากกันเท่านั้น
ทั้งใบหน้าสวย รอยยิ้ม และนิสัยของแชมเปญยังคงไม่ต่างจากเด็กสาวในความทรงจำของดีแลนเลยแม้แต่นิดเดียว “เพราะแบบนี้ฉันถึงจำเธอได้ตั้งแต่ครั้งแรก”
ลูกน้องหนุ่มเหลือบมองเจ้านายผ่านกระจกเล็กน้อย เพราะเขารู้ดีว่าแชมเปญเป็นทั้งเด็กสาว และผู้หญิงที่อยู่ในความทรงจำของดีแลนมานานหลายปีแล้ว
“วันนี้มีงานอะไรนอกจากเคลียร์ของบ้าง”
“มีไอ้คณินเจ้าของรีสอร์ทวัลย์ลดามาขอให้ช่วยครับ”
“กูไม่ชอบปวดหัวกับอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์”
“มันโดนเพื่อนสนิทหักหลัง และทำร้ายลูกสาวของมันครับ มันบอกว่ายอมแลกทรัพย์สินทุกอย่างขอแค่ได้แก้แค้นไอ้เลวคนนั้น ผมเลยบอกว่านายจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเอง”
“มันติดต่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่เมื่อวานครับ”
“บอกมันว่ากูให้เวลามันไปรอที่เดิมก่อนที่กูจะไปถึง” ดีแลนออกคำสั่งเพียงสั้น ๆ ทำให้ลูกน้องของเขาต้องรีบติดต่อไปหาคณินทันที
ถึงคำสั่งของดีแลนจะดูกะทันหันในเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ แต่นี่ก็ถือว่าเจ้านายของเขาใจดีมากแล้ว เพราะปกติชายหนุ่มจะไม่เข้าไปจัดการกับปัญหาของคนระดับล่างที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนแบบนี้
แต่นี่ถือเป็นเคสที่ค่อนข้างพิเศษ ซึ่งเขามั่นใจอยู่แล้วว่าเจ้านายของเขาจะลงมือจัดการให้ด้วยตัวเอง
**************
ร้านอาหาร
“อึดอัดที่ต้องมากินข้าวกับผมงั้นเหรอ?” กฤตินถามทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหารพลางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปด้วย ทว่าท่าทีของเขากลับไม่ได้รู้สึกกังวลตรงไหนเลย ต่างจากแชมเปญที่เธอแทบจะไม่กล้ากินอะไรที่กฤตินเป็นคนสั่งมาแม้แต่น้อย
ความจริงแชมเปญพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการมากินมื้อเที่ยงในวันนี้แล้ว แต่เพราะเป็นคำขอเชิงบังคับทางอ้อมของยศพลที่ทำให้เธอและคนอื่นยากจะปฏิเสธได้
“ฉันไม่ชินกับการทานอาหารแบบสองต่อสองอย่างนี้น่ะค่ะ”
“งั้นหมายความว่ามื้อนี้ผมเลือกผิดสินะ?”
“ฮ่า ๆ ตรงดีนะ” กฤตินหัวเราะออกมาตอนที่ท่าทางของแชมเปญได้ตอบทุกอย่างของคำถามเขาแล้ว แทนที่จะรู้สึกไม่ดีกับคำตอบนั้นเขากลับรู้สึกสนุกมากกว่าเดิมเสียอีก
“ผมชอบนะคนตรง ๆ แบบนี้ แต่ว่าผมเองก็ตามใจคุณมากแล้วนะถึงไม่ได้จองห้องแบบไพรเวทมา” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ภายในร้านอาหารก็มีเพียงแค่เธอกับกฤตินเท่านั้น ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ร้านอาหารระดับนี้จะไม่มีลูกค้าคนอื่นในร้าน
“วันนี้คุณน่าจะมีงานต่อใช่มั้ยคะ?” แชมเปญทำราวกับไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้า แล้วถามเรื่องอื่นออกไป
ทว่าคนฟังก็คงจะเดาความหมายประโยคที่ไม่ซับซ้อนของเธอได้ แต่แชมเปญคงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่ากฤตินจะเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจได้ขนาดนี้ “น่าเสียดายนะแต่ผมไม่มีงานอะไรต้องทำอยู่แล้ว”
“...ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมว่างเลยจะหาคนมาอยู่ด้วยแค่นั้น และคุณก็เป็นคนที่ผมเป็นคนเลือกมาไง”
“ฉันไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกที่คุณจะเลือกได้ตามใจค่ะ ที่ฉันยอมมาวันนี้ก็เพราะเกรงใจคุณยศพล และวันนี้ฉันก็มีงานต่อด้วยเหมือนกัน”
“เปิดเผยความรู้สึกออกมาง่าย ๆ แบบนี้ ผมก็เสียใจแย่เลยนะ”
“แต่ว่าคุณแชมเปญเองเพิ่งจะกลับจากต่างประเทศใช่มั้ยครับ? ผมคิดว่าคุณคงไม่รู้ว่าปู่ของผมทำงานให้กับใคร”
“ถึงมันจะไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ที่ประกาศให้คนอื่นรู้ก็เถอะ แต่ว่าอย่างน้อยถ้าอยู่ในวงการระดับเดียวกันแล้วก็น่าจะรู้เอาไว้นะว่าแต่ละตระกูลทำงานอะไรบ้าง เหมือนที่ผมรู้เกี่ยวกับครอบครัวของคุณไง”
แชมเปญพยายามไม่แสดงความกลัวออกไปตอนที่โดนข่มขู่อย่างอ้อม ๆ จากลูกหลานคนมีอิทธิพลตรงหน้า คำพูดของเขาไม่ต่างจากการบอกว่าตอนนี้ครอบครัวของเธอได้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วเลย
“เรื่องแบบนี้ค่อย ๆ เรียนรู้ได้ครับ อย่างน้อยครั้งต่อไปที่เราไปไหนด้วยกันจะได้คุยกันถูกคอมากกว่านี้” กฤตินไล่มองคนตรงหน้าด้วยสายตากระลิ้มกระเหลี่ยอย่างไม่ปิดบังพร้อมกับฉวยโอกาสเลื่อนมือไปกุมมือชองแชมเปญเอาไว้แน่น แม้ว่าเธอจะพยายามดึงมือออกก็ตาม
ซ่า!
“เฮ้ย! อะไรวะ!” กฤตินสบถออกมาแล้วดันตัวขึ้นตอนที่น้ำเย็นปริมาณมากถูกราดลงบนหัวจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว เช่นเดียวกับแชมเปญที่ตกใจต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ต่างกัน
“มึงเป็นใครวะ เอาน้ำมาราดตัวกูทำไม!”
“ขอโทษด้วยครับ ผมกำลังจะเอาน้ำไปเททิ้ง แต่ดันพลาดทำหกซะก่อน”
“คิดว่ากูโง่รึไง!” กฤตินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอารมณ์เดือดดาล ทว่าก็มีชายฉกรรจ์สองคนมาห้ามเอาไว้เสียก่อน “คุณลูกค้าใจเย็นก่อนนะครับ”
“ปล่อยกู! มันตั้งใจทำขนาดนี้จะให้ใจเย็นได้ยังไงวะ”
แชมเปญได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะเธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างกฤตินจะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ทว่าหญิงสาวก็ต้องชะงักไปตอนเลื่อนสายตาไปปะทะกับดีนเข้า
เมื่อครู่เขากำลังยิ้มงั้นหรือ?
“มึงเป็นพนักงานใช่มั้ย เพราะวันนี้ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาได้เด็ดขาด พวกมึงไปเรียกผู้จัดการมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ผมเองก็ขอโทษไปแล้วนะครับ แต่ถ้าคนระดับคุณกฤตินจะใจแคบขนาดนั้นสงสัยคุณคงต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองแล้วล่ะ”
“...เรื่องแบบนี้ต้นตระกูลคุณคงสอนมาดีใช่มั้ย?”
“หึ” แชมเปญหลุดหัวเราะออกมาตอนที่กฤตินถูกดีนตอกกลับไปจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บใจมากกว่าเดิม ก่อนเขาจะเดินเลี่ยงออกไปอย่างไม่เร่งรีบราวกับไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวได้แต่มองตามแผ่นหลังของอีกคนไปโดยที่กฤตินเองยังคงโดนจับล็อกแขนทั้งสองข้างเอาไว้มั่น
‘สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน’
ทั้งตอนที่ดีนปรากฏตัวออกมา หรือแม้แต่ประโยคที่เขาสามารถยอกย้อนกฤตินกลับไปได้ราวกับว่ารู้ถึงสิ่งที่อีกคนพูดกับเธอ
แต่ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจ หรือเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ดีนทำแบบนี้ เธอเองก็กำลังกังวลถึงผลที่จะตามมาต่อตัวของชายหนุ่มอยู่ดี
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้! มึงเป็นพนักงานเxยอะไรวะ ทำไมถึงปล่อยไอ้เวรนั่นออกไปได้!”
“พวกผมจะรีบจัดการให้ครับ แต่ตอนนี้คุณไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่านะครับ”
กฤตินขบกรามแน่นโดยสายตาของเขายังคงจ้องไปยังทางที่ดีนเพิ่งเดินออกไปอย่างไม่ละสายตา จากนั้นจึงสะบัดแขนออกอย่างแรงซึ่งชายทั้งสองคนก็ยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี
“วันเxยอะไรวะ!” กฤตินสบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วตวัดสายตากลับมามองที่แชมเปญอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินออกไปเปลี่ยนชุดเพื่อจะไปตามหาคนที่ทำกับเขาแบบนั้นต่อไป
เพราะตอนนี้เขาหมดอารมณ์ที่จะทำอย่างอื่นแล้ว จนกว่าจะได้จัดการกับคนที่มาหาเรื่องเขาแบบนั้น