ตอนที่ 3 ตกกระไดพลอยโจน

2090 คำ
“นี่คุณจะมองฉันอีกนานไหม ฉันรู้หรอกน่าว่าฉันสวย แต่ตอนนี้ฉันว่าคุณควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่านะ” เดวามองใบหน้าที่ซีดเซียวของคนเจ็บด้วยความเป็นห่วง ใจก็อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ซึ่งที่น่าเป็นห่วงและน่าตกใจกว่าก็คือเกิดอะไรขึ้นในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาความปลอดภัยอย่างตึกเอ็มไพร์สเตทนี้ หรือว่าจะมีผู้ก่อการร้าย! นัยน์ตาสีเปลือกไม้หลับลงช้า ๆ ราวกับว่าต้องการพักครู่หนึ่ง ดาร์เรนยอมรับว่าครั้งนี้เขาเสียท่าจริง ๆ เพราะไม่นึกว่าพวกมันจะกระทำการอุกอาจในที่รโหฐานอย่างตึกเอ็มไพร์สเตทแบบนี้ เพราะว่าตึกเอ็มไพร์สเตทไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ แม้ว่าจะมีการเปิดให้ผู้เข้าชมจำนวนมากทุกปีแต่ก็ไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ทุกส่วนของอาคาร ภายในนี้ยังเป็นพื้นที่ของบริษัทต่าง ๆ อีกมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือพื้นที่ของบริษัทบาร์เนทท์ ช่อว์ คอร์ปอเรชั่น และคราวนี้ก็เหมือนกับว่าฝั่งนั้นจะวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดีจึงได้เจาะจงมาในวันที่การรักษาความปลอดภัยของเขาไม่ได้เข้มงวดนัก ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ชุลมุนแบบนี้ขึ้นบอดี้การ์ดส่วนใหญ่จึงถูกดาร์เรนสั่งให้คุ้มกันผู้เป็นพ่อและแม่ออกไปอีกทาง ส่วนเขามีเพียงโรม บอดี้การ์ดคนสนิทเพียงคนเดียวคอยติดตามเท่านั้น และก่อนหน้านี้โรมก็เพิ่งขวางพวกอีกกลุ่มที่อยู่ชั้นบนเอาไว้เพื่อเปิดทางให้เขาหนีลงมา ลิฟต์วิ่งลงจากชั้นที่แปดสิบหกมาหยุดอยู่ที่ชั้นสามสิบห้า เพราะว่าตึกนี้มีความสูงถึงหนึ่งร้อยสองชั้น และลิฟต์ที่ใช้ขึ้นลงตึกเอ็มไพร์สเตทมีทั้งหมดเจ็ดสิบสามตัว ดังนั้นในการขึ้นลงไปยังส่วนต่าง ๆ หรือจุดชมวิวของตึกนี้จึงต้องขึ้นและต่อลิฟต์อีกหลายตัว “คุณ!” เดวารีบเข้าไปประคองร่างที่กำลังโงนเงนของคนบาดเจ็บไว้ “คุณไหวไหมเนี่ย” “ไม่เป็นไร” ยังเป็นคำตอบเดิมที่ส่งมา และนั่นก็ทำให้เดวาถึงกับเริ่มหงุดหงิด “โอ๊ยคุณ เลิกพูดว่าไม่เป็นอะไรสักที ต้องให้เลือดไหลหมดตัวจนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก่อนหรือไงถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอะไร” เดวาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แอบด่าตัวเองไม่ได้ว่าแล้วเธอจะไปยุ่งกับเขาด้วยทำไมก่อน ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าคงไม่พ้นพวกนักธุรกิจหรือมาเฟียที่กำลังหนีตายมาแน่ นี่คงจะเกิดการลอบสังหารกันล่ะมั้ง “....” “ไปกัน เดี๋ยวฉันประคองคุณลงไปชั้นล่างเอง” แต่ในขณะที่เดินออกมาจากลิฟต์ กลุ่มชายชุดดำรูปร่างสูงใหญ่ประมาณสองสามคนก็กระโจนออกมาตรงหน้า ปัง! ร่างบอบบางของเดวาก้มหลบกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามาในระยะประชิด พร้อม ๆ กับมือเล็กที่ดึงร่างของดาร์เรนให้พ้นวิถีของกระสุนปืนไปพร้อม ๆ กันด้วย ใบหน้าสวยได้แต่กัดฟันกรอด แบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้ว อยู่ดี ๆ ก็ดันมาตกเป็นเป้านิ่งซะได้ “เฮ้ย! นายสั่งมาว่าให้จับเป็น นอกจากทายาทของบาร์เนทท์แล้ว คนอื่นไม่ต้องสนใจ ฆ่าให้หมด!” ซวยแล้วไง! ตอนนี้เดวาแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เธอหันไปหาดาร์เรนที่กำลังนั่งพิงอยู่ที่ด้านหลังของพนักโซฟารับรอง เสียงหายใจหอบถี่และใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือดทำให้เดวาถึงกับชะงัก โลหิตสีเข้มยังไหลทะลักออกมาจากบริเวณช่วงท้องไม่หยุด “นี่คุณ... ส่งปืนมาให้ฉัน” นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงมองหญิงสาวด้วยแววนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งมันกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ฟังฉันนะ ถ้าทั้งคุณและฉันยังไม่อยากตายอยู่ที่นี่คุณก็ส่งปืนของคุณมาให้ฉัน และฉันบอกได้เลยนะว่าฉันไม่อยากตาย” เดวาพูดกระซิบเสียงลอดไรฟัน พลางเหลือบมองกลุ่มชายในชุดดำด้านหน้าที่กำลังค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ตรงที่ ๆ พวกเขาหลบอยู่ “เร็วสิ!” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไรแต่ดาร์เรนก็ยอมส่งปืนไปให้แต่โดยดี นี่เขาจะต้องมาฝากชีวิตไว้กับเด็กนักศึกษาหรือนักท่องเที่ยวตัวเล็ก ๆ แบบนี้เหรอเนี่ย เดวาไม่สนใจสายตาดูแคลนของคนตรงหน้า เธอรับปืนมาถือไว้ก่อนจะปลดแม็กกาซีนเพื่อเช็คดูกระสุน จากนั้นก็ใส่มันกลับเข้าไปคืนอย่างคล่องแคล่ว ทุกการกระทำของเดวานั้นอยู่ในสายตาของดาร์เรนตลอด “ไม่ต้องจ้องจับผิดฉันขนาดนั้นหรอก ก็แค่เคยฝึกยิงปืนมาบ้าง” เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาจับผิดที่จ้องมองมาเดวาจึงรีบพูดออกไป ยังไงแล้วเธอก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมารู้ถึงปูมหลังครอบครัวของเธอ ปัง! ปัง! เสียงของกระสุนปืนดังลั่นสนั่นมาอีกระลอก เดวารีบก้มตัวลงหมอบให้มากที่สุด จากนั้นก็รอจังหวะเวลา และเมื่อกลุ่มชายชุดดำเดินเข้ามาใกล้ ร่างเล็กก็โผล่ขึ้นมาจากที่นั่งแล้วยิงกลับไปทันที ปัง! ปัง! กระสุนไม่ได้เจาะเข้าจุดตายแต่ก็ทะลุแขนและขาของคนพวกนั้น เดวาก้มกลับลงมาหลบอีกครั้ง “อุ้ย! ยิงถูกด้วย บังเอิญชะมัด” แม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนตรงหน้าทำนั้นดูเหมือนจะหวาดกลัวและตกใจ แต่ทว่าแววตากลับไม่ได้ดูตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั่นยังคงออกคำสั่งให้ดาร์เรนก้มหลบพัลวัน “ไปคุณ” เมื่อสบโอกาสเหมาะ เดวาก็รีบเข้าประคองร่างของดาร์เรนแล้วลากไปทางลิฟต์อีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกลทันที “ระวัง!” เสียงทุ้มร้องบอกก่อนจะผลักร่างเล็กให้หลบออกแล้วฟาดฝ่ามือไปยังชายอีกคนที่พุ่งเข้ามาจนล้มลงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกคนที่พุ่งเข้ามาแทน ถ้าเป็นในยามปกติจำนวนคนแค่นี้คงไม่คณามือของมาเฟียหนุ่ม แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนัก แค่ยังยืนไหวขนาดนี้ก็ถือว่าอึดมากแล้ว “เฮ้ย!” เดวาไม่รอช้ายกเท้าขึ้นถีบชายชุดดำออกไปอย่างแรง จากนั้นก็ปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าสาก ๆ อย่างจังจนอีกฝ่ายล้มลงไปตามกัน “โอ๊ย! เจ็บ ๆ ๆ ไอ้บ้านี่หน้าหนายังกับหิน” หญิงสาวสะบัดมือไปมาพลางร้องลั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์นั้นเปิดออกพอดี ในที่สุดคนทั้งสองก็หนีลงมายันชั้นล่างได้อย่างปลอดภัย และก็น่าแปลกมากที่ตรงบริเวณนี้กลับไม่พบใครเลย ทั้งพนักงาน นักท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่ง รปภ. ทุกอย่างเหมือนถูกเคลียร์ทางเอาไว้เพื่อรอสังหารใครบางคนโดยเฉพาะ และเดวาก็ดันบังเอิญเป็นผู้โชคร้ายที่มาถูกจังหวะอยู่ในเวลานี้พอดิบพอดี “คุณไหวไหม แข็งใจหน่อย เราต้องออกไปจากที่นี่กันก่อน” “ไปทางด้านหลัง” ดาร์เรนกัดฟันแน่น “จะไปทางด้านหลังทำไมล่ะคุณ ออกไปทางด้านนี้เราจะได้บอกให้คนด้านนอกช่วย” แต่ดาร์เรนกลับส่ายหน้า นิ้วที่เปื้อนเลือดชี้ไปยังประตูกระจก และเดวาก็เห็นว่ามีกลุ่มชายชุดดำอีกกลุ่มกำลังตรงมาทางนี้ ให้ตายเถอะ! นี่กะเล่นเอาชีวิตกันให้ได้เลยจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย เป็นช่วงวินาทีที่เดวานั้นกำลังตัดสินใจว่าจะทำยังไง เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย ถ้าเธอทำเนียนเดินออกไปเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ เธอก็คงจะรอด แต่ว่า... ถ้าเธอไปแล้วผู้ชายคนนี้ล่ะจะทำยังไง แน่นอนว่าถ้าเธอปล่อยมือตอนนี้เขาก็คงจะไม่รอด โธ่เว้ย! การเป็นคนดีนี่มันลำบากจริง ๆ “ไปคุณ” สุดท้ายเดวาก็ตัดสินใจประคองร่างของคนบาดเจ็บออกไปทางประตูด้านหลัง ตรงบริเวณนั้นมีแท็กซี่หลายคันจอดอยู่ “ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดค่ะ” เดวาร้องบอกคนขับแท็กซี่ทันทีที่พวกเขาขึ้นมานั่งบนรถ “ไม่ต้อง ตรงไปที่คฤหาสน์บาร์เนทท์” แต่ดาร์เรนกลับออกคำสั่งอีกอย่าง “นี่! แต่ว่าแผลของคุณ-” “ทำตามที่ผมบอก... ถ้าคุณช่วยให้ผมกลับไปถึงได้ผมจะจ่ายเงินให้คุณเป็นการตอบแทน” “ฉันไม่ได้...” เดวาที่กำลังจะอ้าปากพูดว่าที่เธอช่วยนั้นเธอไม่ได้ต้องการเงินหรือว่าสิ่งของตอบแทนอะไร แต่ที่เธอยอมช่วยเขานั่นก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นคนดีต่างหากเล่า! แต่ทว่าเสียงปืนที่ดังตามมาทำให้เดวาไม่สามารถพูดต่อจนจบประโยคได้ ปัง! ปัง! ปัง! “ว๊าย!” “เฮ้ย! นี่พวกคุณหนีอะไรมาเนี่ย” คนขับรถแท็กซี่เองก็ก้มหัวหลบเป็นพัลวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมขยับ “ออกรถสิลุง! มัวรออะไรอยู่” เดวาตะโกนลั่น “ไม่ ๆ ไม่เอา พวกคุณลงไปจากรถของผมเดี๋ยวนี้เลย ผมไม่อยากตายนะ” “โธ่ลุง! มันใช่เวลาไหมเนี่ย” เดวาแทบอยากจะกัดลิ้นตาย เธอหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นกลุ่มชายชุดดำอาวุธครบมือกำลังตรงมาทางนี้ “ลงไปเดี๋ยวนี้เลย!” และในระหว่างที่เดวาและคนขับแท็กซี่กำลังทุ่มเถียงกันอยู่ ปากกระบอกปืนที่ไม่รู้ว่าดาร์เรนนั้นหยิบคืนกลับมาตอนไหนก็จ่ออยู่ที่ด้านหลังศีรษะของคนขับแท็กซี่แล้ว “ออกรถ ไม่อย่างนั้นแกก็ตายอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงเยียบเย็นดุดันนั้นแสดงออกให้รู้ว่าคนพูดนั้นเอาจริง “อะ อะ ออกแล้วครับ ออกแล้ว” และไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ คนขับแท็กซี่ก็ขยับฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็วทันที ส่งผลให้ร่างเดวาหงายหวืดไปกระแทกเบาะด้านหลังตามแรงเหวี่ยง “เหวอ~” เดวาเม้มริมฝีปากเน้นพร้อมหวีดร้องอยู่ในลำคอ ดวงตากลมโตมองไปยังเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่ดูซีดเซียวของคนด้านข้าง แม้จะมีเหงื่อผุดขึ้นมาตามหน้าผากประปรายอีกทั้งคิ้วเข้มยังขมวดเข้าหากัน แต่ท่าทางที่ไม่ได้ตื่นตระหนกนั่นก็ทำให้เธอรู้ว่าชายหนุ่มคงผ่านเรื่องอะไรแบบนี้มาไม่ใช่น้อย... คุ้นเคยกับการถูกตามล่าสินะ ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนยังคงดังลั่นตามมาติด ๆ จากที่คิดว่าหนีพ้นแล้วกลับไม่ง่ายดายแบบนั้น เดวาหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นรถเก๋งสีดำสองคันกำลังขับจี้ตามพวกเธอมาติด ๆ “ลุง! เลี้ยวซ้ายข้างหน้าสิ!” เพราะด้านหน้านั้นเห็นได้ชัดว่าการจราจรค่อนข้างติดขัด เดวาจึงร้องบอกออกไป “ครับ ๆ” ลุงขับแท็กซี่ตอบรับพร้อมกับหักเลี้ยวไปตามที่หญิงสาวบอก จากถนนใหญ่ตอนนี้กลายเป็นตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางแทน แต่ถึงอย่างนั้นด้านหน้าก็เป็นทางโล่ง ปัง!! ปัง!! ปัง!! “ลุงคะ! เหยียบให้เร็วกว่านี้อีกได้ไหมคะ พวกข้างหลังนั้นมันจะตามมายิงหัวหนูได้แล้วนะคะ!” “ครับ ๆ” เสียงสั่นตอบรับพร้อมกับความเร็วที่เร่งขึ้นนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ทันใจของหญิงสาวอยู่ดี “แล้วไอ้กล่องพวกนั้นลุงจะหลบทำไมเนี่ย! ชนมันไปเลยสิลุง!” ตอนนี้ความอดทนของเดวาใกล้จะขาดผึ่งแล้ว “ผะ ผมไม่ไหวแล้วครับคุณ ตอนนี้ฉี่ผมจะราดอยู่แล้ว” เพราะไม่เคยต้องเผชิญและคุ้นเคยกับสถานการณ์ไล่ฆ่ากันแบบนี้ แน่นอนว่าต้องสติแตกกันบ้าง “งั้นมานี่! เดี๋ยวหนูขับเอง!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม