*:・゚⸻ ✧*:・⸻*:・゚
2 วันต่อมา
“นี่ ช่วยฉันหาของหน่อยสิ” เจ้าของร่างเพรียวสวยอย่างแอนนานั้นเอ่ยเรียกมีนตราที่กำลังจะเดินผ่านหน้าเธอไปเพื่อตรงไปยังห้องนอนของตนเองที่อยู่ชั้นเดียวกันกับห้องพักของตุลา ซึ่งคนเป็นเจ้านายเป็นคนจัดเอาไว้ให้เธอใช้ต่างหาก ก่อนที่เธอจะได้ย้ายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ห้องเดียวกันกับอีกฝ่าย
ด้านร่างอรชรที่กำลังจะเดินผ่านคู่ขาของคนเป็นเจ้านายไปก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจแต่เท้าทั้งสองข้างของเธอก็พาตนเองเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ได้เอ่ยปฏิเสธออกมาเลยแม้แต่น้อย
“หาอะไรเหรอคะ”
“หาแหวนหมั้นน่ะ คุณตุลให้ฉันมา แต่ฉันน่าจะเผลอทำหล่น ถ้าหาไม่เจอฉันตายแน่”
ร่างอรชรชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังหาของสำคัญที่คนเป็นเจ้านายของเธอเป็นคนให้มา ดวงตาหม่นของมีนตราหลุบมองร่างเพรียวของแอนนาที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ตามแจกันตกแต่งทางเดินครู่หนึ่งพลันในหัวของเธอเองก็กำลังมีความคิดที่ตีกันว่าควรจะช่วยอีกฝ่ายหาดีหรือไม่
เพราะถ้าให้ว่ากันตามตรงเธอก็ไม่อยากจะช่วยเท่าไหร่นัก
“ได้ค่ะ พอจะจำได้ไหมคะว่าเดินไปแถวไหนบ้าง”
แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เมื่อคนตรงหน้าเธอในตอนนี้คือคนของเจ้านาย
ร่างอรชรเอ่ยถามขณะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างอีกฝ่ายพร้อมกับก้มหน้าหาตามพื้นไปด้วยเช่นกัน แอนนาที่กำลังเปิดพรมออกเพื่อหาแหวนอยู่นั้นก็เอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อมองร่างอรชรซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาหาแหวนของเธออย่างตั้งใจแล้วก็ยกยิ้มเย็นขึ้นมาที่มุมปากเล็กน้อย
“อืม.. ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในห้องเอกสารของคุณตุลนะ”
“ห้องไหนเหรอคะ”
“ห้องเก็บเอกสารไง ห้องนั้น” แอนนาว่าพร้อมกับชี้มือไปที่ห้องซึ่งมีป้ายติดเอาไว้ว่าห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาตที่มุมสุดของทางเดิน มีนตราที่เงยหน้าขึ้นมามองตามมือของแอนนาไปนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เพราะเธอรู้ดีว่าห้องนั้นเป็นห้องที่คนเป็นเจ้านายหวงแหนมากขนาดไหน
“แต่ห้องนั้น.. คุณตุลไม่ให้ใครเข้านอกจากคุณตุลนะคะ”
“คุณตุลเพิ่งพาฉันออกมาเนี่ย เธอคิดว่าคุณตุลจะห้ามฉันด้วยเหรอไง”
แอนนาเอ่ยถามเสียงสูงพร้อมกับยืนกอดอกหลุบดวงตาลงมองร่างอรชรที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนเองแสดงออกถึงความไม่พอใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ด้านมีนตราเมื่อได้ยินร่างเพรียวเอ่ยถามแบบนั้นก็รีบส่ายหน้าระรัวปฏิเสธ
“ปละ เปล่าค่ะ”
“เข้าไปหาในห้องนั้นให้ฉันหน่อย ฉันจะไปทางนี้” ไม่ว่าเปล่าร่างเพรียวยังชี้ไปที่ทางเดินอีกฝั่งของตึกพร้อมกับหมุนตัวเดินหันหลังตรงไปอีกฝั่งตามที่ร่างเพรียวเอ่ยบอกทันที ด้านร่างอรชรที่ถูกทิ้งไว้ให้เคว้งกลางทางเดินนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี
“เอาไงดี..”
มีนตราพึมพำกับตนเองด้วยความคิดไม่ตก ขณะที่ดวงตาใสซื่อของเธอก็จ้องมองไปที่ประตูต้องห้ามบานนั้นที่ตั้งห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ความเงียบสงัดระหว่างทางเดินที่แผ่เข้ามากดดันนั้นทำให้เธอต้องยกนิ้วตนเองขึ้นมากัดเพื่อระบายความเครียดที่เข้ามากัดกิน
หากเธอไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของแอนนา เธอก็อาจจะโดนแอนนาเอาไปฟ้องคนเป็นเจ้านาย
แต่หากเธอแอบเข้าไปในห้องเก็บเอกสารแล้วคนเป็นเจ้านายจับได้ ชีวิตของเธอคงจบเห่แน่
“มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ! ทำไมไม่รีบไปหาให้ฉัน” เสียงหวานดังออกมาจากทางเดินอีกฝั่งก่อนจะตามด้วยใบหน้าสวยของแอนนาที่โผล่พ้นขอบประตูออกมาแหวใส่เธอเสียงสูงเพื่อกดดันนั้นทำให้มีนตราต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปด้วยความยากลำบาก
“เอ่อ คือ.. ไปขออนุญาตคุณตุลก่อนดีไหมคะ”
“ฉันอนุญาตแล้วก็เหมือนคุณตุลอนุญาต หรือเธอจะไม่ฟังคำสั่งฉัน?” ร่างเพรียวของแอนนาที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูนั้นเอ่ยถามเสียงเรียบขณะที่แขนทั้งสองข้างของเธอก็ยกขึ้นมากอดอกอย่างวางท่า ทำเอาคนที่เจียมตัวในสถานะของตนเองอยู่แล้วอย่างมีนตรานั้นยิ่งกลัวอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปหาให้”
“ถ้าไม่เจอไม่ต้องออกมาล่ะ” ว่าแค่นั้นก็หมุนตัวเดินออกจากบริเวณโถงทางเดินไปปล่อยให้ร่างอรชรอย่างมีนตรานั้นยืนน้ำท่วมปากอยู่ที่เดิม
“ฟู่ว”
หลังจากที่ยืนทำใจอยู่บริเวณโถงทางเดินอยู่พักใหญ่ร่างอรชรก็เริ่มสาวเท้าเดินไปยังห้องเก็บเอกสารของคนเป็นเจ้านายทันทีด้วยความเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่นานสองเท้าก็พาร่างอรชรมาหยุดอยู่บริเวณหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่มีป้ายห้ามเข้าติดเอาไว้อยู่ ดวงตาใสซื่อของร่างอรชรไล่สายตาอ่านป้ายนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ไม่นานมือเล็กข้างหนึ่งของเธอจะเลื่อนขึ้นมาจับเข้าที่ลูกบิดประตูแล้วจึงค่อย ๆ หมุนมันออกอย่างเบามือ
แกร๊ก
“ทะ ทำไมประตูไม่ล็อกเนี่ย”
เหมือนว่ามันจะผิดคาดกับที่เธอคิดเอาไว้ เมื่อตอนนี้ประตูไม้บานใหญ่นั้นกำลังถูกเปิดออกด้วยมือของเธอเอง เพราะตอนที่เธอรับปากแอนนาไปนั้นเธอคิดว่าคนเป็นเจ้านายคงจะล็อกประตูห้องนี้ไว้ เพราะถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นเธอก็คงจะปฏิเสธอีกฝ่ายได้อย่างเต็มปาก
แต่เหมือนเธอจะคิดผิด
แอ๊ด...
ประตูไม้บานใหญ่ที่เคยปิดแนบสนิทนั้นส่งเสียงดังออกมาทันทีที่ร่างอรชรแง้มมันออกไปจนสุดความกว้าง เสียงที่แผดร้องของมันนั้นทำให้ร่างอรชรสะดุ้งโหยงจนต้องรีบกระโจนเข้าไปภายในห้องนั้นด้วยความเร็วเพราะกลัวจะมีใครผ่านมาเห็นเข้า
“แฮ่ก” ร่างอรชรยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกของตนเองซึ่งกำลังสั่นกระเพื่อมอย่างแรงเพราะความตกใจราวกับกำลังปลอบโยนตัวเองไม่ให้ขวัญเสียไปมากกว่านี้ ดวงหน้าสวยที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่ข้างขมับนั้นค่อย ๆ ไหลไปตามกรอบหน้าสวยอย่างเชื่องช้า แล้วจากนั้นจึงตกลงพื้นไม้ของห้องเก็บเอกสารแห่งนี้ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“...”
ดวงตาสวยไล่มองทั่วห้องด้วยความตกตะลึง เพราะตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสักพักหนึ่งตัวเธอเองก็ไม่เคยที่แม้แต่จะเดินผ่านหน้าห้องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้เธอดันต้องเข้ามาในห้องนี้เพื่อหาของสำคัญให้กับคู่นอนของคนเป็นเจ้านาย
ทันทีที่ตั้งสติได้ร่างอรชรก็รีบก้มลงไปหาแหวนหมั้นของอีกฝ่ายที่เธอคิดว่าน่าจะตกอยู่ที่พื้นทันที ร่างอรชรทำท่าคลานไปตามพื้นห้องพร้อมกับเร่งมือเปิดพรมผืนใหญ่ออกทีละผืน จากที่คลานอยู่บริเวณหน้าประตูก็เริ่มคลานไปตามมุมห้องเรื่อย ๆ จนในที่สุดมาหยุดอยู่ที่บริเวณโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย
“อ๊ะ เจอแล้ว!”
มีนตราร้องเสียงหลงออกมาทันทีด้วยความดีใจเมื่อหันไปเห็นแหวนเงินวงเกลี้ยงตกอยู่ที่บริเวณขาโต๊ะทำงาน ร่างอรชรจึงรีบคลานเข้าไปหมายจะหยิบเข้าที่แหวนนั้นด้วยความดีใจ แต่แล้วเสียงด้านนอกห้องก็ทำให้เธอตกใจจนเผลอหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเลยทำให้หัวของเธอกระแทกเข้าที่มุมของโต๊ะอย่างแรง จนเธอต้องล้มกลับไปนั่งก้นจั้มเบ้าลงบนพื้นอีกครั้ง
แกร๊ก
ปึ้ก!
“โอ๊ย!” ร่างอรชรร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บทันที มือข้างหนึ่งที่ถือแหวนของแอนนาเอาไว้นั้นก็เลื่อนมากุมเข้าที่กลางหัวของตนเองก่อนจะพบว่ามันมีของเหลวอะไรบางอย่างที่แฉะอยู่บริเวณนั้น
“ละ เลือด…”
ผลัวะ!
เสียงประตูไม้ที่ถูกเปิดออกมาอย่างดังราวกับมีคนถีบเข้ามานั้นทำให้ร่างอรชรหันขวับไปมองยังต้นตอของเสียงด้วยความตกใจ ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้ร่างอรชรหยุดหายใจมากกว่าเลือดที่เปื้อนมือเธอในตอนนี้เสียอีก เพราะที่หน้าประตูนั้นกำลังปรากฏร่างสูงของคนเป็นเจ้านายที่กำลังยืนจ้องมาที่เธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่ทว่าดวงตาดุดันของอีกฝ่ายกลับกำลังเต็มไปด้วยเปลวไฟ
“เธอเข้ามาทำอะไรในห้องนี้”
“เอ่อ คือมีนตรา มีนตรา..”
“คุณตุล! แฮ่ก แฮ่ก อย่าโกรธมีนตราเลยนะคะ แอนนาบอกแล้วว่าไม่เป็นไร ๆ แต่มีนตราก็พยายามจะเข้ามาหาให้ได้” ร่างเพรียวของแอนนาที่วิ่งตามหลังเจ้านายตัวสูงมานั้นหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยประโยคใส่ร้ายเธอออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าราวกับว่าอีกฝ่ายวิ่งมาจากที่ไหนสักที่
แต่..เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินอะไรผิดไปแน่ ๆ
“ฉันถามว่าเธอเข้ามาทำอะไรที่นี่!” เจ้านายตัวสูงเอ่ยถามซ้ำกับประโยคเดิมก่อนหน้านี้พร้อมกับน้ำเสียงเรียบที่เพิ่มความดังมากขึ้นทำเอาร่างอรชรที่นั่งมุดอยู่ใต้โต๊ะนั้นตัวสั่นออกมาเพราะความกลัวได้อย่างง่ายดาย
“พอแล้วคุณตุล อย่าดุมีนตราเลย มีนตราแค่หวังดีกับแอนนาเอง”
“คุณออกไปก่อนแอนนา” ตุลาเอ่ยบอกร่างเพรียวที่กำลังยืนกอดแขนเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่ดวงตาคมของเขาเองก็ยังคงจับจ้องไปที่ร่างอรชรดังเดิม ด้านมีนตราที่เพิ่งละมือออกจากบริเวณบาดแผลที่หัวของตนเองก็นั่งกำแหวนของร่างเพรียวเบื้องหน้าไว้แน่น ขณะที่ดวงตาใสซื่อของเธอเองก็ช้อนมองร่างเพรียวที่กำลังยืนขนาบข้างเจ้านายตัวสูงอยู่เช่นกัน
แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับกำลังยิ้มราวกับสะใจ
“นี่มันอะไรกัน…”
“ฉันถามว่าเข้ามาทำไม!?” ไม่ว่าเปล่าคนตัวสูงก็ก้าวเดินฉับเพียงสามก้าวก็มาถึงตัวร่างอรชรที่นั่งคุดคู้อยู่ใต้โต๊ะ แล้วจากนั้นไม่นานแขนเรียวของร่างอรชรก็ถูกอีกฝ่ายดึงพร้อมกับกระชากลากถูให้ออกมาจากบริเวณใต้โต๊ะทันที
“คุณตุล! จะ เจ็บ”
“แอนนาออกไปแล้วล็อกประตู”
“คือ..”
“ออกไป!” แอนนาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจแล้วจากนั้นจึงรีบหมุนตัวออกจากบริเวณห้องเก็บเอกสารของอีกฝ่ายไปทันทีด้วยความกลัว โดยไม่ลืมที่จะปิดและล็อกประตูบานนั้นให้ตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วย
“ปล่อยมีนตรานะ!”
“กล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ?”
“ก็คุณทำมีนตราเจ็บ” ร่างอรชรเอ่ยเถียงหลังจากที่สะบัดข้อมือของตนเองให้หลุดออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาเรียวของมีนตรานั้นจ้องเขม็งไปที่คนตัวสูงด้วยความไม่พอใจขณะที่ดวงตาของเธอเองก็เริ่มคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำใส
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาที่นี่”
“คุณแอน..”
“ถ้าไม่ใช่ฉันที่เป็นคนอนุญาต คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์” คนตัวสูงเอ่ยตัดประโยคนั้นของร่างอรชรด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ความน่ากลัวของร่างสูงตรงหน้านั้นทำให้มีนตราลืมเรื่องหัวของตนเองที่แตกไปในทันที ร่างอรชรเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
“ฉันคงจะต้องแสดงให้เห็นแล้วล่ะ ว่าถ้าล้ำเส้นของฉันแล้วเธอจะโดนอะไร”
“อะไรนะ…คุณตุล! อ๊ะ!”
*:・゚⸻ ✧*:・⸻*:・゚