บทที่ 2 เฝ้ามอง

1002 คำ
“แล้วอยากได้รางวัลอะไรหลังสอบเสร็จดี?” “หนูคิดว่าอยากจะขอวันหยุดกับคุณพ่อคุณแม่ให้ไปพักผ่อนด้วยกันค่ะ เพราะท่านทำงานเหนื่อย หนูอยากให้เราได้ใช้เวลาครอบครัวด้วยกันบ้าง” “...แต่ว่าที่หนูมาหาพี่ดินวันนี้เพราะจะขออนุญาตไปฉลองกับเพื่อนในวันเสาร์นี้ค่ะ” “ไปที่ไหน?” ดวงตาคมเริ่มหรี่มองน้องสาวคนเล็กด้วยสายตาจับผิด เพราะดูเหมือนว่าลลินกำลังจะขอเขาทำอะไรบางอย่างในสิ่งที่ไม่เคยทำ “เอ่อ...ไปที่ร้านเหล้าหลังมอค่ะ” แผ่นดินจ้องเขม็งตอนได้ยินน้องสาวคนเล็กกำลังขอไปในสถานบันเทิงแบบนั้น ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณความเป็นพี่ชายของเขาจะเริ่มทำงานจากอาการที่หวงเธอจนออกนอกหน้าแทบเก็บอาการไม่อยู่ “พี่ดิน...” “โตแล้วเหรอถึงจะไปที่แบบนั้น” “หนูโตแล้วนะคะ เมื่อไหร่พี่ดินจะเลิกมองหนูเป็นเด็กมอต้นสักที” “โตแล้วแต่นั่งร้องไห้เพราะแค่โดนเฮียเตมองหน้าอะนะ?” “กะ...ก็ตอนนั้นสายตาคุณเตชินท์น่ากลัวจริง ๆ หนิคะ” “วันเสาร์นี้พี่ไม่ว่าง ถ้าอยากไปให้ไปที่คาสิโนของเฮียเตแทน ชั้นล่างเป็นผับนั่งฉลองกันได้ เดี๋ยวพี่บอกคนดูแลให้” “ไม่เอา...” เตชินท์ใช้เวลาอยู่ที่นั่นแทบจะเกือบทั้งคืน ขืนเธอไปทำตัวเกะกะให้เขาเห็น ชายหนุ่มจะต้องไม่พอใจแน่นอน แค่คิดลลินก็เสียวสันหลังวาบจนไม่กล้าก้าวขาเข้าไปแล้ว “ถ้าไม่ไปที่นั่นพี่ก็ไม่ให้ไป เพราะที่อื่นพี่ไปเป็นเพื่อนไม่ได้” เขายื่นคำขาด “ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้น เราลืมไปแล้วเหรอว่าครอบครัวเราทำธุรกิจอะไร ถ้าเป็นที่อื่นพี่ก็ไม่ไว้ใจ” ลลินมุ่ยหน้าเมื่อโดนพี่ชายคนกลางขัดใจ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งอีกคน เพราะเธอเคยเห็นตอนที่แผ่นดินอยู่ในโหมดทำงานแล้วต่อว่าลูกน้องที่ทำงานพลาด ...เขาน่ากลัวพอ ๆ กับเตชินท์เลยก็ว่าได้ “ถ้าเราไม่อยากเจอเฮียเต เดี๋ยวพี่จะบอกลูกน้องไว้แทน” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวของเธอเบา ๆ ในสายตาของเขาลลินยังคงเป็นเด็กเหมือนเมื่อแปดปีก่อนอยู่เสมอ เธอยังคงอ่อนต่อโลกเกินกว่าที่จะปล่อยให้คาดสายตาได้ ความไม่ทันคนของลลินทำให้แผ่นดินกลัวว่าจะมีคนที่ไม่หวังดีมาทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจ “ถ้าเข้าใจที่พี่บอกแล้วก็เอาของไปเก็บ แล้วเตรียมตัวลงมากินข้าวกับพ่อแม่ ไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวท่านก็กลับมา” “เตรียมตัวไปอวดให้พ่อกับแม่ฟังแบบที่อวดพี่ล่ะ พวกท่านต้องดีใจแน่นอน” เขาพูดด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวของเธอไปด้วย “หนูว่าไว้วันหลังก็ได้ค่ะ เพราะวันนี้คุณเตชินท์อุตส่าห์กลับมาร่วมมื้อเย็นด้วย หนูไม่อยากให้เสียบรรยากาศ” ลลินคลี่ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไปอย่างรู้ในสถานะของตัวเอง ถึงทุกคนจะพร่ำบอกและปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นลูกสาวคนเล็กจริง ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะมีคนเห็นด้วยทุกคน จากเดิมที่เตชินท์มักจะเป็นคนเก็บตัวเงียบอยู่แล้วแต่พอเธอเปลี่ยนสถานะจากลูกของคนใช้มาเป็นน้องสาวของเขา ตั้งแต่ตอนนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยที่จะกลับมาบ้านอีกเลย มีแค่นาน ๆ ครั้งที่จะมาร่วมมื้ออาหารให้คนเป็นพ่อและแม่ได้หายคิดถึงเท่านั้น เหมือนกับว่ารอยร้าวระหว่างครอบครัวเทพพิพัฒน์ได้เกิดขึ้นเพราะเธอเข้ามา แต่ใครจะอยากให้เป็นอย่างนั้นกัน ใครจะอยากถูกมองด้วยสายตาเกลียดชังแบบที่ผ่านมา ในเมื่อเขาเป็นคนที่อยู่ในใจของผู้หญิงที่ชื่อลลินดามาโดยตลอด สิบปีที่แล้ว เมี๊ยว~ “อ๊ะ!” “ชู่…อย่าเสียงดังสิ” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปเอ็ดแมวตัวสีขาวนวลด้านข้างเสียงเบาพลางยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากของตัวเองเป็นสัญญาณให้สัตว์ที่อยู่ด้านข้างเงียบไปด้วยตามประสา ก่อนดวงตาใสจะหันกลับมาให้ความสนใจกับลูกชายคนโตของเจ้านายอีกครั้ง เด็กน้อยชะโงกหน้าออกมาจากพุ่มไม้ที่บดบังตัวเองอยู่เล็กน้อยพอให้ได้มองเห็นร่างสูงชัดกว่าเดิม ถึงระยะห่างระหว่างเธอและเขาจะไกลกันพอสมควร แต่ก็ยังคงสามารถมองเห็นความหล่อเหลาและท่าทางที่ดูน่าเกรงขามของเขาได้ ‘เพราะเกิดเป็นลูกของคนมีอำนาจหรือเปล่านะ ถึงได้ดูมีความเป็นผู้นำตั้งแต่ยังเด็กเลย’ เด็กน้อยคิดในใจ “คุณเตชินท์ตัวสูงจัง สูงกว่าคุณดินอีก ทำยังไงหนูถึงจะสูงแบบนั้นบ้างนะ” หากเธอและเขายืนใกล้กันความสูงก็คงจะต่างกันลิบลับ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ได้แต่จินตนาการภาพในหัวเอาเท่านั้น เพราะเตชินท์เป็นคนที่ค่อนข้างถือตัว และโลกส่วนตัวสูง บางทีแม้แต่เสียงวิ่งเล่นของเธอกับแผ่นดินก็อาจจะทำให้เขารำคาญได้ ทำให้ถึงแม้เมย์จะเป็นเด็กที่ทุกคนในบ้านต่างเอ็นดู แต่เด็กสาวก็ไม่เคยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเตชินท์เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถึงอย่างนั้นภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูสะดุดตาและสมบูรณ์แบบก็เรียกความสนใจจากเด็กหญิงตัวเล็กได้เป็นอย่างดี แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม