ไอ้คนบ้าอำนาจ

2411 คำ
เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านต้นไม้ใหญ่ในคาเฟ่กลางสวนสุดร่มรื่น เสียงนกร้องแผ่วเบา ผสานกับเสียงเครื่องชงกาแฟที่ดังคลอไปมา แอนนี่ นั่งไขว่ห้างอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง มือเรียวพลิกดูเมนูอย่างใจเย็น แต่สายตากลับจับจ้องไปยังประตูทางเข้าร้านอยู่ตลอด เมื่อร่างของ มิริน ปรากฏขึ้นพร้อมกับชุดที่ มิดชิดสุดๆ เสื้อลินินคอปิด กระโปรงยาวคลุมเข่า ราวกับแม่ชีผู้สูงศักดิ์ แอนนี่ถึงกับสำลักน้ำส้มที่กำลังจิบอยู่ รีบวางแก้วแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “โอ้โห! หล่อนเป็นใครเนี่ย? ยัยมิรินคนแซ่บหายไปไหนแล้ว?” แอนนี่แซวเสียงดังลั่นจนลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านหันมามองอย่างสงสัย มิรินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกับเพื่อนรักอย่างหมดแรง “เบาๆ หน่อยแอนนี่ คนมองหมดแล้ว” “จะไม่ให้ฉันมองได้ยังไงล่ะยะ! ดูชุดเธอสิ—โคตรมิดชิด! เหมือนหลุดออกมาจากวัด” แอนนี่พูดพลางกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? เอาดีๆ นะ โดนท่านทูตจัดหนักจัดเต็มใช่ไหม?” “แอนนี่!” มิรินตาโต รีบคว้ากระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่เพื่อนรัก แอนนี่หัวเราะคิกคักไม่หยุด พลางยกมือยอมแพ้ “ฉันแค่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเท่านั้นเอง” “สุขดิบอะไรของเธอ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร” มิรินก้มหน้าก้มตาดูเมนู แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อกลับไม่สามารถซ่อนจากสายตาของแอนนี่ได้ “ไม่มีอะไร? โอ๊ย ดูหน้าเธอสิ แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ!” แอนนี่เอามือเท้าคาง ยิ้มเจ้าเล่ห์ “บอกมาเถอะ เพื่อนอย่างฉันรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” “เขาแค่...” มิรินอึกอัก มือเล็กบีบเข้าหากันบนตัก “บังคับให้ฉันเปลี่ยนชุด เรียบร้อยกว่าเดิมนิดหน่อยเท่านั้น” “แค่นั้น?” แอนนี่เลิกคิ้ว ยิ้มกริ่มอย่างไม่เชื่อ “แล้วทำไมชุดวันนี้ของหล่อนถึงมิดชิดเหมือนจะไปงานประชุมผู้ใหญ่บ้านล่ะ?” “ก็...ไม่มีอะไรหรอก” มิรินหลบสายตา พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อหลบความจริงที่แสนวุ่นวายในใจ แอนนี่ยังคงหัวเราะขำไม่หยุด ก่อนจะพูดเสียงเบาแต่ชัดเจน “นี่หล่อนยอมเขาแล้วใช่ไหมล่ะ? ฉันว่าท่านทูตคนเคร่งขรึมนั่นน่ะ คงเริ่มเผยธาตุแท้บางอย่างออกมาแล้วล่ะสิ” “ไม่มีอะไรทั้งนั้น!” มิรินรีบปฏิเสธเสียงแข็ง แต่แก้มแดงจัดและท่าทีที่กระสับกระส่ายของเธอกลับฟ้องทุกอย่าง “ยัยมิริน เธอหนีไม่พ้นหรอก” แอนนี่กระซิบเสียงเย้า ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางยิ้มขำ “เพื่อนอย่างฉันจะคอยติดตามทุกความคืบหน้าของหล่อนกับท่านทูตนี่แหละ!” “แอนนี่!” มิรินถึงกับกุมขมับกับความป่วนของเพื่อนรัก แต่ในใจลึกๆ เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงคำสั่งเด็ดขาด น้ำเสียงทุ้มต่ำ และสัมผัสที่รุกเร้าของภาณุยังคงทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง “โอ๊ย ตายแล้ว! เรื่องนี้น่าติดตามสุดๆ” แอนนี่ยิ้มกว้างพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้ามีตอนต่อไป รีบบอกฉันก่อนใครเลยนะ!” “ฝันไปเถอะ” มิรินตอบกลับพลางขว้างกระดาษใส่เพื่อนอีกครั้ง แต่ก็อดยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้ในที่สุด แอนนี่ยังคงนั่งยิ้มกริ่มเหมือนคนรู้ทันทุกอย่าง พลางเลื่อนนิ้วไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์เหมือนกำลังคิดแผนอะไรบางอย่าง “ว่าแต่...เมื่อคืนท่านทูตไม่ว่าอะไรที่หล่อนลงรูปเซ็กซี่กับฉันใช่ไหม?” เธอพูดขึ้นพร้อมเลิกคิ้วมองเพื่อนรักอย่างมีเลศนัย มิรินเงยหน้าขึ้นมองแอนนี่ทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นกังวลเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบ “ไม่! เขาไม่เห็นแน่นอน” “ไม่เห็น?” แอนนี่ยิ้ม “ฉันว่าฉันเห็นยอดไลก์จากคนหนึ่งที่น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะ” “แอนนี่!” มิรินแทบสำลักกาแฟ เธอวางแก้วลงทันที “อะไรของเธอ ฉันบอกแล้วไงว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก!” “โอ้โห มั่นใจขนาดนั้นเชียวเหรอ” แอนนี่ยิ้มยั่ว ก่อนจะโชว์โทรศัพท์ให้เธอดู รูปคู่ของทั้งสองคนในห้องลองชุดที่ดูสนุกสนาน แต่คอมเมนต์ด้านล่างมีบางอย่างที่มิรินคุ้นตา “Phanu_diplomat กดไลก์รูปนี้ไว้นะจ๊ะ บอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่ะ?” มิรินชะงักไปทันที หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เธอรีบคว้าโทรศัพท์จากมือแอนนี่มาดูด้วยความตกใจ และใช่—ชื่อบัญชีของภาณุโผล่ขึ้นมาจริงๆ “บ้าจริง... เขาเห็นแล้ว...” มิรินพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับกุมขมับ สีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด แอนนี่หัวเราะลั่นจนคนในคาเฟ่หันมามองอีกครั้ง “ฉันบอกแล้วว่าเขาตามดูเธออยู่ตลอด ถึงทำตัวเป็นท่านทูตเย็นชาก็เถอะ แต่เห็นได้ชัดว่า ‘หวง’ หนักมาก” “หยุดพูดเลย แอนนี่!” มิรินพูดเสียงเขียว ใบหน้าขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างแรง ก่อนจะยกมือกอดอกนั่งนิ่งเหมือนคนกำลังใช้ความคิด แอนนี่เอนตัวไปข้างหน้า ยิ้มแซวไม่หยุด “ฉันว่าเขาคงไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ หรอก ยิ่งเธอทำตัวแสบแบบนี้นะ...เผลอๆ กลับไปคืนนี้เธอได้โดนลงโทษอีกแน่” “พอได้แล้ว!” มิรินหันมาถลึงตาใส่เพื่อนรัก แต่ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ภาณุหวงเธองั้นเหรอ? มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสองสามวันมานี้ก็ดูเหมือนจะยืนยันคำพูดของแอนนี่ได้ดี “เอาเป็นว่า ถ้าคืนนี้มีอะไรเด็ดๆ ก็อย่าลืมเล่าให้ฉันฟังนะ” แอนนี่ยิ้มกว้าง ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเหมือนพอใจกับสิ่งที่ได้แหย่เพื่อนรักในวันนี้ มิรินถอนหายใจยาว ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบตามบ้าง พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่ในใจกลับว้าวุ่นไปหมด ในขณะที่แอนนี่ยังคงมองเธออย่างสนุกสนาน พร้อมรอคอยเรื่องราวบทต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเธอกับภาณุ—ท่านทูตผู้เย็นชาที่กำลังแสดงความหึงหวงออกมาอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน “ห๊า! ยังไม่มีอะไรกันเลย?” เสียงของแอนนี่ดังลั่นขึ้นจนคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หันมามอง มิรินรีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อนทันทีด้วยความตกใจ “เบาๆ หน่อยสิ ยัยบ้า!” มิรินกระซิบเสียงเขียว ดวงตาเบิกกว้างอย่างหวาดระแวง เธอมองซ้ายมองขวาเพื่อเช็กว่ามีใครได้ยินอีกไหม แอนนี่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง แต่ดวงตายังคงเป็นประกายวิบวับอย่างสุดแสนจะอยากรู้อยากเห็น “โอ๊ย แต่งงานมาจะสองปีแล้วนะยะ!” เธอพูดเสียงเบาลงหน่อย แต่ยังอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ “ยังไม่มีอะไรกันเนี่ยนะ? นี่เธออยู่กับท่านทูตน้ำแข็งหรือพระอิฐพระปูนกันแน่?” “ฉันบอกให้เบาๆ ไง!” มิรินขู่กลับ แต่พยายามระงับความเขินที่พุ่งขึ้นมาจนหน้าแดงจัด แอนนี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะเท้าคางมองเธออย่างจับผิด “เอาล่ะ พูดมาซิ เขาทำอะไรเธอบ้าง? แค่นอนกอดกันเฉยๆ หรือยังไง?” มิรินถอนหายใจแรงราวกับยอมแพ้ เธอขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะกระซิบข้างหูแอนนี่อย่างอับอาย “เขา...แค่...” “แค่อะไร?” แอนนี่ถามเสียงกระซิบกลับ แต่ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความอยากรู้ มิรินกระซิบอีกครั้ง คราวนี้เสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน “เขา...แค่เล้าโลมไปทั่วแล้ว...แล้วก็ปล่อยฉันค้างไว้แบบนั้น” “อะไรนะ?!” แอนนี่รีบยืดตัวขึ้นจนแทบจะล้มจากเก้าอี้ ก่อนจะจับแขนเพื่อนรักแน่น “เธอพูดจริงเหรอ? เล้าโลมไปทั่วแล้วปล่อยค้างไว้?” “เบาๆ สิแอนนี่!” มิรินแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ ใบหน้าที่แดงจัดทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าใครทั้งนั้น “ใช่! เขาทำแบบนั้น แล้วก็เดินหน้านิ่งออกจากห้องไปเลย เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา” แอนนี่ยกมือขึ้นทาบอก ทำตาโตอย่างกับจะหลุดออกมาจากเบ้า “คุณพระช่วย ท่านทูตทำอะไรของเขาเนี่ย? นี่มันโคตรจะทรมานเลยนะ! ยัยมิริน เธอโอเคเหรอเนี่ย?” “โอเคบ้าอะไรล่ะ!” มิรินแหวใส่เพื่อนเสียงเบา “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทุกครั้งเขาทำเหมือนจะ...แต่สุดท้ายก็หยุด แล้วก็ทำเหมือนทุกอย่างปกติ แล้วฉันล่ะ? ฉันทำอะไรได้บ้าง?” “เฮ้อ ท่านทูตนี่มันร้ายลึกจริงๆ นะ!” แอนนี่ทำเสียงพึมพำเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือเขากำลังทดสอบความอดทนของเธออยู่?” “อะไรของเธอ?” มิรินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ก็ท่านทูตน่ะ อาจจะแค่เล่นสงครามประสาทกับเธอไง ลองดูซิว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน” แอนนี่กระซิบติดตลก พลางยักคิ้วขยับตัวเข้าใกล้ “แต่ดูท่าฉันว่า...เธอนั่นแหละที่จะไม่ไหวก่อน” “แอนนี่!” มิรินหน้าแดงจัดจนไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเอง เธอทั้งอาย ทั้งโกรธ ทั้งสับสนไปหมด “โอ๊ยๆๆ ฉันล้อเล่นน่า” แอนนี่หัวเราะคิกคัก ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างสบายใจ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “แต่เรื่องแบบนี้นะ ยิ่งเขาทำตัวร้ายๆ แบบนี้ เธอก็ต้องเล่นเกมกลับบ้างสิ ใส่ชุดแซ่บๆ หลอกล่อเลย รับรอง...คืนนี้เขาไม่ปล่อยเธอค้างแน่!” “แอนนี่! หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!” มิรินเอื้อมมือไปหยิกแขนเพื่อนอย่างแรง ในขณะที่แอนนี่ยังคงหัวเราะสนุกสนานไม่หยุด ในใจของมิรินกลับยิ่งว้าวุ่นกว่าเดิม เมื่อคำพูดของแอนนี่ทำให้ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาวนกลับเข้ามาในหัว สัมผัสของเขาที่เร่าร้อนและจงใจทรมานเธอ ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าภาณุไม่ได้เล่นเกมกับความรู้สึกของเธออยู่จริงๆ หลังจากบทสนทนากับแอนนี่จบลงและต่างแยกย้ายกันไป มิรินกลับมานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของภายในคอนโนที่กว้างขวาง บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดจนได้ยินเสียงนาฬิกาที่เดินเป็นจังหวะ เสียงแอร์ที่ทำงานเบาๆ กลับทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมถอนหายใจยาว ปล่อยให้ความคิดที่สับสนวนเวียนอยู่ในหัวกลับมาอีกครั้ง พอแต่งงานมาก็เฉยชาใส่กันมาตลอด... ความทรงจำในวันแรกหลังงานแต่งงานผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน รอยยิ้มฝืนๆ และคำพูดเย็นชาของเขาที่เหมือนจะแยกโลกของพวกเขาออกจากกันอย่างเด็ดขาด “คุณไม่ต้องคาดหวังอะไรจากผม เพราะผมเองก็ไม่คาดหวังอะไรจากคุณ” คำพูดของเขาในคืนนั้นยังคงดังวนเวียนอยู่ในใจของเธอเสมอ มันทำให้เธอรับรู้ชัดเจนว่าชีวิตแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงข้อผูกมัดที่ไร้หัวใจ แต่จู่ๆ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปเมื่อเดือนที่แล้ว... เขาเข้ามาหาเธอหลังจากปล่อยให้ความสัมพันธ์เฉยชาเหมือนคนแปลกหน้ามาเกือบสองปี ตอนแรกเธอคิดว่าเขาแค่ต้องการสร้างสถานะสมบัติผู้ดีให้คนอื่นเห็น แต่ไม่ใช่เลย ในคืนนั้นภาณุบังคับให้เธอย้ายข้าวของเข้าไปในห้องนอนของเขา โดยที่เธอแทบไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ “คุณจะทำแบบนี้ทำไม?” เธอจำได้ว่าถามเขาเสียงสั่นเมื่อเขามองเธอด้วยสายตาเด็ดขาด เขาไม่ตอบ แต่พูดเพียงคำสั้นๆ “คุณเป็นภรรยาของผม คุณต้องอยู่ที่นี่” ตั้งแต่นั้นมา ทุกคืนที่ต้องนอนในห้องเดียวกัน เขาก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่ภาณุคนเดิมที่เย็นชาและเมินเฉยอีกต่อไป แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ทำให้เธอสับสน เขาเริ่มเข้าหาเธอ ใกล้ชิดมากขึ้นทุกวัน ความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา ความร้อนแรงในแววตาที่แฝงไปด้วยแรงปรารถนา รอยยิ้มที่ดูเหมือนเล่นเกมกับเธอ ทำให้เธอแทบจะควบคุมหัวใจของตัวเองไม่ได้ เธอนึกถึงคืนนั้นที่เขาเล้าโลมเธอจนร่างกายแทบจะสั่นสะท้านไปทั้งตัว ลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดอยู่ข้างหูทำให้เธอเผลอไผลไปกับทุกสัมผัสของเขา แต่สุดท้ายเขากลับหยุดกะทันหัน ดึงตัวออกห่างอย่างจงใจ ทิ้งให้เธอค้างคาไว้กับความรู้สึกว่างเปล่า “นี่คุณตั้งใจจะทรมานฉันใช่ไหม?” เธอเคยโพล่งถามเขาด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาหันหลังให้เธออีกครั้ง ภาณุเพียงหันมายิ้มบางๆ พร้อมกับคำพูดที่ทำให้เธอพูดไม่ออก “คุณก็แค่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง มิริน” “พร้อมอะไร?!” เธอเคยสวนกลับ แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรอีก เดินออกจากห้องไปอย่างหน้าตาเฉย ทิ้งให้เธอนอนกัดฟันอยู่คนเดียว เธอสะบัดหัวเบาๆ ไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปจากสมอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงสัมผัสและแววตาของเขา ภาณุทำให้เธอสับสนจนไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองคืออะไรกันแน่ เขาต้องการอะไรกันแน่? เขากำลังเล่นเกมอะไรอยู่ หรือเขากำลังพยายามทำให้ฉันยอมรับว่า...เขามีสิทธิ์ในตัวฉันจริงๆ? มิรินถอนหายใจอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงเดือนที่ผ่านมา สัมผัสร้อนแรงที่เขามอบให้มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะจมลงในบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับทำให้เธอสับสน และตั้งคำถามกับตัวเองว่า... ระหว่างพวกเรา มันกำลังจะไปทางไหนกันแน่?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม