มิรินถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มในคอนโดหรูที่ภาณุพาเธอมาพักด้วยกันช่วงนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่ถูกลากจากบ้านมาที่นี่โดยไม่อาจปฏิเสธได้ เธอก็เริ่มชินกับความเอาแต่ใจของท่านทูตผู้เย็นชา แต่สิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่าเดิมคือการที่เขา "บังคับ" ให้เธออยู่ที่นี่โดยไม่ให้กลับบ้าน
คงเพราะช่วงนี้เขายุ่งมาก ไม่อยากเดินทางไกลไปกลับล่ะมั้ง เธอคิดอย่างประชดประชัน
มิรินลุกขึ้นเดินไปมองในครัวขนาดเล็กที่ดูสะอาดและแทบจะไม่มีใครแตะต้อง เธอเหลือบมองนาฬิกาที่ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของเขาแล้ว ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้เบื่อ...
“เอาแบบยัยแอนนี่ว่าก็ได้วะ” เธอพึมพำกับตัวเอง
อย่างน้อยก็ต้องสร้างบรรยากาศให้สนุกขึ้นหน่อย มิรินเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางกดแอปสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนัก อาหารหลากหลายชนิดก็มาส่งถึงหน้าคอนโด เธอรับถุงอาหารมาแล้วจัดแจงเทลงจานอย่างประณีต ตั้งใจทำให้มันดูเหมือนเธอลงมือทำเองทุกขั้นตอน
“เนียนสุดๆ!” เธอชมตัวเองเมื่อจัดจานเสร็จเรียบร้อย บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ดูดีราวกับมาจากฝีมือเชฟระดับห้าดาว
แต่แค่นี้ยังไม่พอ...เธอมองไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน แววตาเป็นประกายเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ มิรินคว้าชุดนอนผ้าซาตินสีแดงบางเบาที่เธอแทบไม่เคยใส่เดินออกมา เธอมองตัวเองในกระจก ยิ้มขำกับภาพที่เห็นในชุดยั่วๆ ผมยาวสยายพลิ้วอย่างตั้งใจ
“ไหนๆ ก็ต้องอยู่ที่นี่แล้ว เล่นเกมสักหน่อยก็แล้วกัน” เธอกระซิบกับตัวเอง พลางจับโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโหมดกล้อง
เธอหามุมที่แสงสวยๆ ใกล้โต๊ะอาหาร หันหน้าเข้าหากล้องเล็กน้อย จัดท่าทางให้ดูไม่ตั้งใจแต่เต็มไปด้วยความเย้ายวน แขนเรียวบางวางแนบข้างจานอาหาร ในขณะที่ชุดสีแดงบางเบาเผยไหล่ขาวเนียนและลำคอระหงส์อย่างพอดี เธอยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
แชะ!
เสียงกล้องดังขึ้น ภาพที่ได้ออกมาดูดีจนเธอพอใจ มิรินยิ้มกว้าง ยื่นนิ้วไถเลือกฟิลเตอร์ให้สวยเป๊ะก่อนจะแนบแคปชั่นส่งตรงไปหา ภาณุ
"อาหารเย็นพร้อมแล้วนะคะ ไม่ต้องรีบมากก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้มันเย็นนะ 😊"
เธอกดส่งและวางโทรศัพท์ลงพลางหัวเราะคิกคักกับตัวเอง “จะทำหน้านิ่งๆ ได้อีกไหมล่ะคืนนี้”
ไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์ของเธอสั่นเป็นสัญญาณว่าข้อความใหม่เข้ามา มิรินหยิบขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงเมื่อเห็นข้อความสั้นๆ จากภาณุ
"อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเล่นกับผมได้คนเดียว เตรียมตัวให้ดี มิริน"
แค่อ่านจบเธอก็ชะงักไป ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที มิรินวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปมองอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะพูดกับตัวเองเสียงเบา “ตายแล้ว...ฉันไปยุอะไรเขาเนี่ย”
แต่ในใจลึกๆ กลับอดตื่นเต้นไม่ได้ ว่าคืนนี้ท่านทูตผู้เย็นชาจะมาไม้ไหนต่อ
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยฝีเท้าหนักแน่นของ ภาณุ ที่ก้าวเข้ามาภายในคอนโดอย่างเงียบเชียบ ดวงตาคมกริบมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่ มิริน ซึ่งยืนอยู่หน้าชั้นวางอาหาร มือบางยังคงถือจานอาหารอยู่ แต่สภาพของเธอกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคาดหวังเลยแม้แต่น้อย
เธออยู่ในชุดนอนเรียบๆ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กางเกงยาวหลวมๆ แว่นตากรอบหนาปิดบังใบหน้าสวย ผมยาวสยายปรกไหล่ ราวกับจงใจทำตัวให้ดูเรียบง่ายที่สุดในโลก แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ...ในความธรรมดานี้กลับดูน่ามองอย่างประหลาด
ภาณุยืนถอดเสื้อสูทออกอย่างใจเย็น พาดไว้กับพนักเก้าอี้ ก่อนจะปลดเน็กไทโยนลงอย่างไม่สนใจ เขาเริ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นอย่างมีระเบียบ เผยให้เห็นแขนแกร่งที่มีกล้ามเนื้อได้รูป ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูธรรมดาแต่กลับดึงดูดสายตาของเธอจนเธอเผลอมองตามอย่างไม่รู้ตัว
“เอาดีๆ ทำไมหล่อขนาดนี้...” เธอคิดในใจ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวเมื่อเห็นเขาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตลงไปสองเม็ด ลำคอหนาและแผงอกแกร่งที่โผล่พ้นออกมาทำให้หัวใจเธอเต้นแรงราวกับกลอง
“ว๊าย... กล้าม” เธอหลุดเสียงออกมาจนแทบกัดลิ้นตัวเอง ใบหน้าร้อนวูบวาบก่อนจะรีบกลืนน้ำลายลงคอทันที
ภาณุหันขวับมามองทันที ราวกับจับได้ว่ามีใครกำลังแอบมองอยู่ ดวงตาคมกริบจับจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาและคาดคั้น “แล้วไหนล่ะ ผู้หญิงในภาพ?”
“ภาพอะไรคะ?” เธอถามกลับพลางทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ยักไหล่ใส่เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินหนีไป
“มิริน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ แต่มันกลับทำให้เธอชะงักค้างไปทั้งตัว ร่างสูงไม่ปล่อยให้เธอเดินหนีไปไหนไกล เขาก้าวเข้ามาคว้าเอวบางของเธอไว้ในพริบตา ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกอุ้มหวือขึ้นมาจากพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ว๊าย! ภาณุ ปล่อยฉันนะ!” เธอร้องเสียงหลง มือคว้าคอเสื้อเขาไว้แน่นด้วยความตกใจ
แต่เขาไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอเลยสักนิด ร่างบางถูกวางลงบนตักแกร่งของเขา ก่อนที่ทั้งสองจะล้มลงไปบนโซฟายาวนุ่มโดยมีร่างสูงกดทับเธอเอาไว้ มิรินตาโตมองเขาด้วยความตกใจ ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
“นี่คุณทำอะไรของคุณ?” เธอแหวใส่เขา พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนที่รัดแน่น แต่เขากลับจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้มั่น
ภาณุก้มลงมองเธอ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอแค่ไม่กี่เซนติเมตร ดวงตาคมกริบมองลึกเข้ามาในดวงตาของเธออย่างคาดคั้น “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องมิริน ภาพที่เธอส่งมาเมื่อกี้มันหมายความว่าไง?”
“กะ...ก็แค่ภาพอาหารธรรมดา ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” เธอหลบสายตาพยายามแก้ตัว แต่กลับพูดตะกุกตะกักจนเขายิ่งจับผิดได้ง่ายๆ
ภาณุแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบเสียงเบาแต่ชวนให้ใจสั่น “ภาพนั้นไม่ใช่แค่อาหาร...ใช่ไหม?”
“คุณคิดไปเองต่างหาก!” มิรินตอบกลับเสียงสั่น ยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา เธอยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมพรางบางอย่างที่เขาวางเอาไว้
“คิดไปเองเหรอ?” เขากระซิบใกล้ใบหู ก่อนจะโน้มตัวลงมาอีกนิด ใกล้จนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแก้มของเธอ
หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด เธอพยายามกลั้นหายใจ ขณะที่ภาณุยังคงจ้องมองเธอราวกับกำลังอ่านทุกความคิดในใจ
“ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าส่งอะไรแบบนั้นมาอีก” เขาพูดเสียงเข้มก่อนจะปล่อยมือจากเธอและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทิ้งให้เธอนอนหอบหายใจอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
มิรินรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง “คุณมันบ้า!”
ภาณุเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินไปที่ห้องทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้มิรินนั่งหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว พร้อมกับคำถามในใจที่ว่า เขาต้องการอะไรกันแน่?
ภาณุออกมาจากห้องทำงานในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นอย่างลวกๆ แต่กลับดูเนี้ยบและสมบูรณ์แบบในทุกอณู เขาก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อย สายตาคมกริบตวัดมองจานอาหารที่มิริน อุตส่าห์ทำ จัดวางไว้อย่างประณีต
เขานั่งลงบนเก้าอี้ ยกช้อนขึ้นเตรียมจะทาน แต่สายตาเหลือบเห็นร่างบางของมิรินที่กำลังเดินผ่านโต๊ะอย่างจงใจจะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า
“จะไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้เธอชะงักเท้าทันที
“ฉัน... ฉันจะไปนั่งดูทีวี” มิรินตอบเสียงเบา หันหลังให้อย่างไม่สบตา
“ไม่ต้อง”
คำสั่งสั้นๆ พร้อมแรงดึงจากมือหนาทำให้เธอร้องเสียงหลงเล็กน้อย ก่อนจะถูกดึงร่างบางมาให้นั่งลงบนตักแกร่งของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ภาณุ! คุณทำอะไรเนี่ย!” มิรินพยายามดิ้นรน แต่แรงจากวงแขนที่โอบรอบเอวเธอไว้แน่นทำให้ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดผิวแก้ม
“เงียบ” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นชิดใบหู ก่อนจะไม่ปล่อยให้เธอได้ประท้วงอะไรอีก ริมฝีปากร้อนกดลงมาที่ริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น
“อื้อ...!” เธอครางประท้วงในลำคอ พยายามหันหน้าหนี แต่เขากลับประคองใบหน้าของเธอไว้แน่น มือหนาประคองข้างแก้มทั้งสองข้าง บังคับให้เธอรับจูบของเขาอย่างไม่อาจขัดขืนได้
จูบของภาณุร้อนแรงและล้ำลึก รุกเร้าจนเธอแทบหายใจไม่ทัน ลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่านริมฝีปากที่ปิดแน่นอย่างง่ายดาย ตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของเธออย่างจงใจจะทำให้เธอหมดแรงต้าน
“อื้อ...ภาณุ...” เธอพยายามดันอกเขาออก แต่แรงทั้งหมดที่มีเหมือนถูกดูดหายไปพร้อมสัมผัสเร่าร้อนนั้น หัวใจเธอเต้นโครมคราม สติที่เคยมีเลือนหายไปทุกวินาที
เมื่อจูบสิ้นสุดลง ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ แต่ยังคงจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความร้อนแรง ริมฝีปากของเขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอนั่งนิ่งหอบหายใจ ราวกับคนหมดแรง
“ดิ้นทำไม?” เขาถามเสียงทุ้มต่ำ สายตาคมจับจ้องเธอไม่วาง ราวกับจะตอกย้ำความเป็นเจ้าของ
“คุณมัน...บ้า” เธอพูดเสียงสั่น ใบหน้าแดงจัดอย่างห้ามไม่อยู่
เขาไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบหน้าของเธอเบาๆ ก่อนจะกระซิบใกล้ๆ อย่างท้าทาย “ผัวเมียจูบกันไม่เห็นเป็นไรเลย”
มิรินเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด ขณะที่เขายังไม่ยอมปล่อยให้เธอลุกจากตักนั้นง่ายๆ เธอไม่กล้าสบตาเขา แต่ก็รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้กำลังดึงเธอให้จมลึกลงไปในบางอย่างที่เธอไม่อาจหนีได้อีกแล้ว
มิรินนั่งนิ่งอยู่บนตักแกร่งของภาณุ ใบหน้าแดงจัดจนแทบไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปไว้ที่ไหน ริมฝีปากที่เพิ่งถูกเขาจู่โจมยังคงร้อนผ่าวอย่างชัดเจน เธอก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละ
เธอกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความขัดใจ ทั้งโกรธ ทั้งเขิน และอารมณ์ปั่นป่วนที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ในเวลานี้
สายตาของภาณุจับจ้องทุกการกระทำของเธอ ริมฝีปากที่ถูกขบกัดเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดของเธอทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก ราวกับเจออะไรที่ยั่วอารมณ์เขามากขึ้นกว่าเดิม
“ทำหน้างอทำไม?” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นใกล้ใบหู แต่เธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขา
“เปล่านี่!” เธอตอบเสียงแข็ง แต่ก็ยังคงก้มหน้ากัดริมฝีปากเหมือนเดิม
ภาณุจ้องมองปากสีสวยนั้นนิ่งนาน ดวงตาของเขายิ่งทวีความร้อนแรงก่อนจะก้มลงมาใกล้ในระยะที่เธอไม่ทันตั้งตัว มือหนายกขึ้นประคองกรอบหน้าของเธอไว้อย่างแผ่วเบา แล้วเสียงกระซิบที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ดังขึ้น
“กัดปากแบบนั้น...อยากให้ผมช่วยใช่ไหม?”
“อะไรนะ—” เธอยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากร้อนของเขาก็กดลงมาที่ปากล่างของเธอเบาๆ ก่อนจะขบกัดอย่างจงใจ ทิ้งความรู้สึกวูบไหวไปทั่วทั้งร่าง
“อื้อ!” มิรินสะดุ้งตัว มือเล็กยกขึ้นมาดันอกเขา แต่กลับไร้แรงผลักใดๆ เพราะสัมผัสจากเขาทำให้เธอชะงัก
ภาณุไม่ปล่อยให้เธอตั้งตัว ริมฝีปากของเขาค่อยๆ ละจากการกัดเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบที่ล้ำลึกและเร่าร้อนกว่าเดิม ลิ้นร้อนแทรกผ่านกลีบปากของเธอที่เปิดอ้าด้วยความตกใจ ตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของเธออย่างเอาแต่ใจ ราวกับกำลังท้าทายให้เธอตอบสนอง
“อื้อ...!” เธอครางประท้วงเบาๆ แต่กลับกลายเป็นเสียงที่ยิ่งปลุกเร้าให้เขาไม่ยอมผละออก มือหนาประคองใบหน้าของเธอแน่นขึ้น ในขณะที่จูบนั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่เขาไม่คิดจะปิดบัง
ความรู้สึกวูบไหวแล่นผ่านทุกอณูของร่างกาย เธอพยายามจะดิ้น แต่ยิ่งขยับก็ยิ่งทำให้เขารัดแน่นขึ้น ความร้อนจากร่างกายของเขาที่แนบชิดกับเธอทำให้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่เมื่อภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ มิรินก็แทบจะหมดแรง ใบหน้าของเธอแดงจัด ริมฝีปากบวมเจ่อจากสัมผัสรุนแรงเมื่อครู่
ภาณุมองใบหน้าของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจ มือหนาไล้ไปตามกรอบหน้าของเธอ ก่อนจะพูดเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันและแฝงความเจ้าเล่ห์
“อย่ากัดปากให้ผมเห็นอีก... เพราะคราวหน้าผมอาจจะไม่หยุดแค่นี้”
มิรินตาโตกับคำพูดของเขา แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เขาก็ยิ้มมุมปากแล้วปล่อยมือจากเธอ ปล่อยให้เธอนั่งหอบหายใจอยู่บนตัก ร่างกายสั่นเทาด้วยความปั่นป่วนที่ไม่อาจควบคุมได้