5
5
[Trinity's part]
น่าหงุดหงิด! ทำไมน้องสาวฉันถึงได้มีคนตอมหึ่ง ๆ เลยนะ ฉันไม่ได้อิจฉาน้องสาวหรอกนะ แต่โมโหไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นต่างหากที่คิดจะจีบมินตี้ ถึงยังไงฉันก็ชอบมองว่าเธอยังเป็นเด็กเสมอนั่นแหละ ต่อให้โตแล้วก็ตาม… ว่าแต่เราคิดดีแล้วเหรอที่ทิ้งน้องสาวให้กับไอ้โวคอล หมอนั่นก็ใช่ย่อยนะ แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่รู้จักละกัน!
“ทรินิตี้!”
เอาอีกแล้ว! หมอนี่จะมาแบบไหนอีกล่ะ เรียกไปใช้งานยังไม่พอใจใช่มั้ย ดีแต่สั่งจริง ๆ ฉันยังไม่เห็นเขาทำอะไรเป็นรูปเป็นร่างเลยนอกจากอู้
“ทำไมอีก ไม่เห็นนายจะทำอะไรนอกจากอู้" ฉันเฮ้วใส่เขาอีกรอบ มันจริงนี่น่า เขาเอาแต่ไปสั่งคนโน้นคนนี้แต่ตัวเองไม่ทำอะไรนอกจากถือโทรโข่งตะโกนปาว ๆ
“ฉันอู้ก็ดีกว่าบางคนทำให้เกิดเรื่องจนได้” ได้ยินแบบนั้น หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นตุ้มๆ ต่อม ๆ เลยค่ะ ไม่นะ! ใครไปฟ้องเขาอีกล่ะ
“อ๋อ แสดงว่ายอมรับแล้วสิว่านายอู้น่ะ”
“หะ...เธอนี่จริง ๆ เลย โบยความผิดให้คนอื่น ตัวเองมีความผิดกองเบ้อเริ่มยังไม่พูด”
“เซอร์คัส! พูดอย่างนี้ได้ไง ฉันไปทำอะไรให้รึไง" ฉันจ้องหน้าเขานิ่งราวกับไม่มีอะไรต้องปกปิด ทั้งที่ในใจกำลังโดนความกลัวเกาะกินในใจอย่างขีดสุด
“อย่าตีหน้านิ่งแบบนั้นทรินิตี้ ฉันรู้จักเธอดีพอ ๆ กับน้องสาวของเธอ เธอสองคนเป็นพี่น้องที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย คนหนึ่งเวลาโกหกมักจะไม่เนียน แต่เธอกลับนิ่งจนพิรุธ ลองคิดสิว่าไปทำอะไรไว้” เขาร่ายยาวพลางก้าวมาใกล้ ซึ่งมันทำให้ฉันไม่กล้าก้าวถอยหลังเลย ทั้งที่ในใจคิดจะทำ ถ้าถอยเขาก็รู้สิว่าฉันทำอะไรผิด!
“ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย!”
“ตะโกนทำไมล่ะถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ฮึ” รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ชอบเหลือเกินที่ได้ไล่ต้อนคนอื่นให้จนมุมน่ะ ไอ้โรคจิต!
ความเงียบเป็นคำตอบจากฉัน แต่ก็ไม่อาจละสายตาจากเขาได้...พระเจ้า! เราใกล้กันเกินไปแล้วนะ สามารถเห็นเลยว่าหน้าเขาเนียนกว่าหน้าฉันอีก!
“ลองนึกให้ดีสิว่าเธอทำอะไรลงไป ถ้าเธอไม่สารภาพ สนใจอยากจะไปสารภาพความผิดกลางทะเลก็เชิญ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาขณะฉันหันไปมองกลางทะเลที่มีคนเป็นร้อยกำลังรับน้องอยู่ จะให้ไปบอกความชั่วตัวเองเนี่ยนะ ประจานตนเองชัด ๆ!!
“เอาหน้านายออกไปไกล ๆ เลยนะ! ไม่มีหลักฐานแล้วจะมาว่ากันได้ไง!!”
“เหรอ… จะให้พาน้องเขามาชี้ตัวเธอมั้ยล่ะ หรือว่าอยากสารภาพเอง ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าสารภาพเองจะไม่มีการลงโทษอะไร" เขาว่าพลางประโยคตอนท้ายเข้ามากระซิบข้างหูกัน มันคงดีไม่น้อยหากคือคำบอกรัก แต่มันคำขู่นี่สิ
“ก็โวคอลบอกว่าหมอนั่น น้องชื่อไลน์อะไรนั่นจะจีบมินตี้นี่น่า นายจะให้ทำยังไง!”
“แค่นี้เนี่ยนะ! เธอไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ยังไง ทรินิตี้!!”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับน้องสาวนี่น่า”
“แล้วเธอปล่อยน้องสาวไปกับไอ้โวคอล เธอคิดแล้วเหรอว่ามันดีพอ”
“อย่างน้อยก็ดีกว่าคนไม่รู้จักอย่างไอ้เด็กนั่นละกัน!!” ดูเหมือนเขากำลังจะโทษฉันที่หวงน้องสาวมากเกินไป ก็มันเคยชินนี่น่ากับการที่ต้องคอยปกป้องน้องสาวเสมอ ถ้าไม่มีฉันคอยปกป้องแล้วแม่นั่นจะทำยังไง
“น้องสาวเธอโตแล้วนะ! ยัยนั่นควรจะมีใครสักคนดูแล ไม่มีทางให้เธอดูแลตลอดหรอกทรินิตี้ เธอเองก็เหมือนกัน เธอควรจะมีใครสักคนดูแล ถึงแม้เธอดูแลตัวเองได้ก็เถอะ และฉันก็อยากจะเป็นคนนั้นด้วย” สิ่งที่เขาพูดออกมามันก็ถูก ฉันไม่อาจอยู่ได้ค้างฟ้าและน้องสาวมีแต่จะโตขึ้นทุกวัน ฉันต้องหัดปล่อยให้เธอเรียนรู้ชีวิตบ้าง แต่มันอดไม่ได้นี่นา… ว่าแต่ท้ายประโยคเขาพูดว่าอะไรนะ มันเบาจนราวกับตัดพ้อ
ช่างเถอะ! ถ้าปล่อยให้น้องสาวเลือกคู่ชีวิตเอง แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าใครคนนั้นของน้องสาวจะเป็นคนที่ดีจริงล่ะ
“…”
“ไปช่วยกิจกรรมกันได้แล้ว เลิกคิดเรื่องน้องสาวเธอซะ มันรั้งแต่จะทำให้เครียด” เซอร์คัสกล่าวพลางจูงมือฉันเดินไปพื้นที่ที่ผู้คนกำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ
เสียงกลองและเสียงร้องเพลงดังขึ้นพร้อมกัน ผู้คนร่วมเต้น สนุกสนาน ครึกครื้น ทำให้บรรยากาศไม่เหงาเลย แต่แล้วฉันก็สัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่เป็นจังหวะเดียวกันกับกลองที่เล่นอยู่ ไม่ใช่เพราะอารมณ์ฮึกเหิมหรอกนะ มันเป็นอารมณ์สั่นไหวที่เกิดจากไออุ่นระหว่างมือที่สอดประสานของเราทั้งคู่
มันผ่านมาแปดปีแล้ว แต่ความอบอุ่นยามที่นายกุมมือกันยังคงอยู่ไม่ไปไหนเลยสินะ เซอร์คัส
[End]
[Minty's Part]
ไลน์หายไปไหนนะ?! ตอนนี้พวกพี่ ๆ เขาจะทำกิจกรรมกันแล้ว แถมผ้าอะไรนั่นยังอยู่ที่เขาด้วย และเมื่อเดินไปถามพวกเพื่อน ๆ ของเขาก็ได้คำตอบกลับมาว่าถูกรุ่นพี่คนหนึ่งลากไปไหนก็ไม่รู้ ทีนี้ฉันจะคู่กับใครล่ะ
มือของใครสักคนดึงมือฉันไป เมื่อพบกับเจ้าของมือ เขาก็ยิ้มกวนประสาทออกมา
“โวคอล! ตกใจหมดเลย”
“ไง” เขาส่งยิ้มทักทาย
“ก็ไม่ไง แล้วนายจะส่งข้อความบ้าบอนั้นมาให้ทำไม เพราะนายนั่นแหละฉันถึงถูกเขายึดโทรศัพท์”
“โทรศัพท์เธออยู่นี่” เขาชูโทรศัพท์ขึ้นมาระดับสายตา เมื่อฉันเอื้อมมือจะคว้า เขาก็รีบเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
“ไปได้มายังไง เอามันมานี่นะ!!”
“แน่จริงแย่งไปให้ได้” เขาทำหน้ากวนประสาท ฉันกลอกตาไปมาแล้วแบมือเขาอีกรอบ
“ส่งมันมานะ!”
“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ กว่าจะแย่งมา ไม่ง่ายเลย”
"นายพูดว่าอะไรนะ? นายไปแย่งมาตอนไหนกัน"
“เรื่องมันยาว ไว้ว่าง ๆ ค่อยเล่าให้ฟัง”
“จะพูดเป็นคำสุดท้าย ขอโทรศัพท์คืนด้วย!!”
“ไม่ง่ายไปหน่อยรึไงครับ ไว้ทำตัวดี ๆ แล้วจะให้คืนให้” นั่นแหละ สุดท้ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาอาฆาตไปให้เขาแทน
“น้อง ๆ ครับ ตอนนี้ทุกคนคงหาคู่ของตัวเองได้แล้วนะครับ ด่านแรกคือไข่เพิ่มพลัง อัง ๆ ๆ ๆ”
“ไลน์หายไปไหน?”
“เขามาไม่ได้น่ะ”
"ทำไมถึงมาไม่ได้?”
“เพราะคงติดธุระสำคัญอยู่ล่ะมั้ง” เขาพูดพลางกลั้นหัวเราะ แบบนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
“มินมินจ๋า คู่กิจกรรมของมินเกิดท้องเสียขึ้นมากะทันหัน มินตี้ทำกิจกรรมคู่กับเพื่อนพี่ไปก่อนได้มั้ย ไอ้นี่ชื่อโวคอล ถ้ามันทำอะไรรุ่มร่ามก็วิ่งมาบอกพี่ได้เลยนะ” พี่ทรินิตี้พูดพลางปรายตามองโวคอลราวกับไว้ใจครึ่งไม่ไว้ใจครึ่ง ไม่นานนักฝ่ามือใหญ่ปริศนาถูกวางบนบ่าของพี่สาว จากนั้นเธอก็สะดุ้ง
“ขอตัวยัยนี่ก่อนนะ เผอิญมีงานต้องให้ช่วย อ้อ! ส่วนเรื่องที่ยัยนี่ก่อคดีไว้จนน้องเขาเกือบปางตาย ฉันเคลียร์จบไปแล้ว และระยะเวลาต่อจากนี้ไปจนจบกิจกรรม นายรับหน้าที่เป็นคู่หูมินตี้ไปก่อนนะ” เซอร์คัสล็อกคอเบา ๆ ของเธอแล้วเดินนำไปพร้อมกันสองคน
“ดูท่าเธอมีเกณฑ์จะเสียพี่สายให้กับไอ้ปากมอมนั่นล่ะมินตี้”
"นายพูดว่าอะไรนะ?”
“ผู้ชายด้วยกันมันดูออกน่า เราไปทำกิจกรรมกันเถอะ” เขาเป็นฝ่ายจับมือฉันแล้วเดินเข้าไปในกลุ่มน้อง ๆ ปีหนึ่งที่กำลังยืนฟังกติกาการเล่นเกมอย่างขะมักเขม้น
สิบนาทีถัดมาฉันอยากจะผูกคอตาย โฟร์วิวบอกว่าในสองคนที่คู่กันนี้ พวกเราจะไม่ใครก็ใครต้องเป็นคนกินและอีกคนจะถูกมัดมือไว้ ซึ่งคนที่ถูกมัดมือไว้จะต้องมีหน้าที่ปอกไข่
มินตี้สงสัยอยู่อย่างหนึ่งนะพี่บัวลอย คนปอกมันจะปอกยังไง แถมกติกายังบอกว่าห้ามใช้มือ ถ้าทีมไหนแพ้จะมีมาตรการลงโทษ แต่ยังไม่บอกว่าโทษถึงขั้นไหน
“ฉันว่าเธอทำหน้าที่เป็นคนกินดีกว่า ถ้าให้เธอปลอกเองดูท่าแล้วเราคงไปกันไม่รอดแน่” เห็นด้วยกับเขาอย่างรุนแรง ฉันคงไม่มีความสามารถพอที่ปอกไข่โดยไม่ใช้มือและคิดว่าเขาก็คงจะสามารถทำมันได้ดีกว่าฉัน
“นายจะปอกมันยังไง”
“มันต้องมีซักทางนั่นหล่ะ”
อืม... ช่างเป็นคำตอบที่ทำให้อุ่นใจขึ้นได้มาก
…. และแล้วเวลาลุ้นระทึกก็มาถึง
"เริ่ม!!”
ไข่หนึ่งฟองอยู่ตรงหน้าเราสองคน เขามองหน้าฉันและเรามองหน้ากันก่อนเขาหันซ้ายหันขวาแล้วถอนหายใจออกมา
“เธอจะเอาไง”
“ไม่รู้”
“เอ้า ๆ น้องคู่นั่นจูบกันเลยเหรอครับ เกย์รึเปล่าครับนั่น!” เราสองคนหันตามเสียงโทรโข่ง ภาพที่เห็นคือผู้ชายแมน ๆ สองคนกำลังทำท่าจูบกันอยู่ คนหนึ่งอมไข่ไว้ครึ่งลูกชนิดที่ดูแล้วยังไงไข่ก็ไม่หล่นพื้นแน่ ส่วนอีกคนพยายามกินไข่ที่ถูกจับให้มั่นด้วยปาก กินทั้งเปลือก!!!
“หรือจะเอาแบบคู่นั้น ง่ายดีด้วย” เขาถามหน้าตาเฉย นายกับฉันจะจูบกันเนี่ยนะ!!
“จะบ้าเรอะ!! ไม่มีวิธีอื่นแล้วรึไง”
"มีสิ" เขาอมยิ้มอย่างคนแกมโกง
“ทำยังไงล่ะ”
“แก้มัดให้ที” เขาหันซ้ายหันขวาแล้วหันหลังมาให้ ส่วนฉันก็ทำสีหน้าเลิ่กลั่กเหมือนคนกำลังจะทำความผิด…ซึ่งก็ทำผิดจริงนั่นแหละ
“เร็ว ๆ หน่อยมินตี้ เวลาจะหมดแล้ว!!” พอเขาเร่ง มือก็ยิ่งสั่น “แกะได้แล้ว!!” เขารีบหยิบไข่ขึ้นมาแล้วก็ขยำมันจนเปลือกแตกคามือแล้วพร้อมนำเข้าปากฉัน
โฮก เขาจะให้กินของแบบนั้นน่ะเหรอ
"อ้าปาก!! "
“นายว่าอะไร อั๊ก!!! ...แค่ก ๆ ๆ นายจะยัดมันมาทั้งหมดเลยรึไง อยากฆ่ากันให้ตายเรอะ!!”
“มัดให้เหมือนเดิมเร็วเข้า!” เขาเร่งพลางรีบหันหลังให้ ฉันรีบหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาแล้วมัดให้เหมือนเดิม
“เสร็จแล้ว!” เสียงนกหวีดดังเกือบพร้อมกับที่ฉันมัดมือเขาให้เหมือนเดิม
“คู่แกลุกขึ้นมาเลยไอ้โวคอล” พี่เซอร์คัส!? ฮือ ว่าแล้ว เขาต้องแกล้งฉัน วิ่งไปฟ้องพี่ตอนนี้จะทันมั้ยนะ แต่ไม่! แข็งไว้มินตี้ เธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว
“ยืนทำไมวะ”
"แกสองคนกินไม่หมด” เขาจ้องหน้าเซอร์คัส ส่วนเซอร์คัสก็ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเป็นต่อ จากนั้นเขาก็หันมาบอกให้ฉันยืนขึ้นพร้อมเขา
“กินไม่หมดยังไง ในเมื่อนายยัดไข่ทั้งลูกใส่ปากฉันตั้งขนาดนั้น" ฉันกระซิบ
“จะไปรู้เรอะ มันตั้งใจจะแกล้งเธอแน่”
ในที่สุดเราสองคนก็ต้องมายืนเรียงกับคนที่ทำภารกิจพิสดารนี่ไม่สำเร็จ เอ๊ะ! หรือว่าเซอร์คัสเห็นตอนที่เราสองคนโกง ถ้าอย่างนั้นเราโดนเล่นงานเป็นสองเท่าแน่
“ในที่สุดพวกเราก็ได้ผู้โชคดีในการเล่นเกมที่หนึ่งแล้ว~” เสียงเซอร์คัสช่างเจ้าเล่ห์ ฉันล่ะเกลียดคนอย่างเขาที่สุด
“ไอ้เซอร์คัส คู่ฉันก็กินหมดแล้วนะ แกจะเล่นบ้าอะไรของแกอีก”
“ให้โอกาสพวกแกสำรวจกติกาการเล่นอีกครั้ง” เฮือก! เขาเห็นตอนที่แก้มัดให้โวคอลแน่
“อะไรของแก ฉันทำตามกติกาทุกอย่าง แกจะมาเล่นอะไร ไม่ตลกนะ!” เขาตีหน้าตาย แถมยังออกอาการอาละวาดเล็กน้อย
“กินให้หมด! กินไม่หมดก็โดนทำโทษ และที่สำคัญห้ามใช้มือเด็ดขาด” เซอร์คัสทวนกติกาการเล่นอีกครั้ง แสดงว่า...
"มินมินน้อยกินไข่ไม่หมด"
“??” เราสองคนทำหน้างง ไม่หมดตรงไหน
“ที่ข้างปากของยัยนั่นยังมีไข่แดงติดอยู่อย่างกับก้อนขี้แน่ะ” เซอร์คัสชี้มาที่หน้าของฉัน ฉันยกมือขึ้นทำท่าจะปาดมันออก แต่เสียงของเขาก็ดังขึ้นห้าม
“อ๊ะ ๆ ห้ามใช้มือ” คราวนี้โวคอลส่งสายตาพิฆาตไปให้เซอร์คัส เขามองหน้าฉันราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง
“ขอโทษนะถ้าทำอะไรไม่ดีลงไป" เขาพูดเสร็จก็โน้มตัวลงเลียสิ่งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว คนที่ลุ้นดูอยู่นั้นก็โห่เสียงดัง
“เฮ้ย! แกทำอะไรวะโวคอล”
“แกไม่ได้บอกนี่ว่าห้ามคนที่ปอกกิน อย่างนี้ก็ไม่ผิดกติกาใช่มั้ย” เขาเหยียดยิ้มราวกับผู้ชนะขณะที่ฉันยังตกใจไม่หาย ใจเต้นแรงและหน้าร้อนผ่าวไปหมด ก่อนเขาจะก้มลงกระซิบข้างหู “ว่าแล้วเธอต้องหน้าแดง ฉันขอโทษนะ”
เขาพูดจบก็รีบหันหน้าหนี ฉันเองก็ไม่ทันได้เห็นหน้าเขาหรอก แต่รู้แค่ว่าหูเขาแดงสุด ๆ ซึ่งไม่อยากบอกเลยว่าฉันเองก็ไม่ต่างกัน
[End]
[Trinity's Part]
ฉันกำลังจะดี๊ด๊าเรื่องที่ให้มินมินน้อยไปคู่กับไอ้โวคอลแทนไอ้หน้าอ่อนที่ไหนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนความสุขมักจะถูกขัดจากเซอร์คัสเสมอเลยสินะ โรคจิตนักรึไงนะ ไม่ได้เห็นฉันขัดใจแล้วจะตายเหรอ ไอ้ประสาทเอ๊ย!
“เราตกลงกันแล้วนะ”
“ตกลงอะไรของนาย ฉันไม่เคยไปตกลงอะไรกับนายเลย”
“ให้ตาย! เธอนี่แก่แล้วรึไง เราเพิ่งคุยกันไปนะ เรื่องน้องสาวเธอน่ะ”
"ตกลงว่านายจะมาว่าฉันแก่ใช่มั้ย!”
“ไม่รู้สิ ไหนเธอว่าโตแล้วคิดเองได้นี่” หน็อย ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่อีก!
ฉันจ้องมองเขาอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดอะไรจนเจ้าตัวต้องส่ายหน้าระอา “เธอนึกไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าตกลงอะไรกันไว้”
"อะไรของนาย"
“จำไม่ได้รึไงเรื่องที่บอกเธอไปแล้วว่าเธอไม่ควรยุ่งเรื่องพรรค์นี้ของน้องสาวอีก”
“แต่นั่นน้องสาวนะ! ฉันควรจะมีส่วนรู้เห็นด้วยสิ!!”
“ของอย่างนี้บังคับกันได้เหรอ เธอก็รู้ หรือเธอไม่เคยรักใครเลย ทรินิตี้” เขาเอ่ยอย่างจริงจังและฉันทำได้แค่นิ่งฟังเท่านั้น “รู้ว่าเธอห่วงน้องสาว แต่ขืนเธอไปยุ่งอีก เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าน้องสาวเธอจะสงสัยเธอกับไอ้โวคอล”
“ไม่หรอก มินตี้เชื่อใจฉันจะตาย"
“ยัยนั่นโตแล้วนะทรินิตี้ ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่สงสัย”
“แล้วตกลงว่าฉันเคยไปตกลงปลงใจอะไรกับนายไว้ เซอร์คัส”
“บอกแล้วว่าให้เธอเลิกยุ่งกับน้องสาวจนกว่าจะหมดกิจกรรม คิดซะว่าเป็นแค่รุ่นพี่คนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นมีหวังคนอื่นเขาจะได้คิดว่าน้องสาวเธอได้เปรียบ อีกอย่างถ้าเธอไม่ทำ สัญญายังเหมือนเดิม ฉันจะแฉเธอเองว่าเธอทำอะไรไว้”
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ต้องมานั่งอมทุกข์อยู่ที่ทำกิจกรรม น่าเบื่อที่สุด! คำก็ขู่ คำก็ด่าก็ว่ากันอยู่ได้ ถ้าวันไหนฉันได้เป็นประธานคณะมานะ เขาโดนเล่นแน่! ไม่สิ ขอเป็นคนปกครองประเทศเลยได้มั้ย ฉันจะได้กำจัดเขาทิ้งคนแรก!
“มาทำอะไรตรงนี้ หาเศษตังค์เหรอ” อยู่ ๆ คริสตัลที่หายหัวไปนานก็มาปรากฏตัวข้างกัน
ให้ตาย เอาแต่ยุ่งเรื่องน้องสาวจนลืมเธอไปเลย
“เศษตังค์บ้านเธอสิ หาปูเสฉวนอยู่เว้ย”
“นั่นมุขเหรอทรินิตี้!” คริสตัลเอ็ดเสียงดังพลางนั่งลงข้างกัน
“ขำมั้ยล่ะ”
“ไม่สักนิด ว่าแต่เป็นอะไรไป ทำหน้าอย่างกับไม่ได้ถ่ายมาหลายวัน” ใจจริงอยากหันไปเบิร์ดกะโหลกหล่อนสักรอบ คำทักทายเพื่อนเหรอ!
“เซ็งไอ้เซอร์คัสน่ะสิ หมอนั่นอะไรนักหนากับฉันนักไม่รู้ น่าเบื่อ” นึกถึงหมอนั่นแล้วอยากกรี๊ดให้ลั่นโลก น่าโมโหจริง คนบ้าอะไรเรื่องตัวเองก็ไม่ใช่เลยสักนิด ชอบมายุ่งอยู่ได้!
“เออ ตั้งใจจะถามเธอมานานแล้วแต่ไม่ว่างสักที ตกลงว่าเธอสองคนรู้จักกันเหรอ เห็นคุยกันบ่อยมาก”
“ใช่ เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทตอนเด็กน่ะ จริง ๆ ก็เป็นเพื่อนข้างบ้าน แต่พอพ่อแม่ทะเลาะกัน เราเลยต้องแยกย้ายจากกัน ฉันกับมินตี้ก็เลยไม่ได้เจอกัน รวมทั้งเซอร์คัสด้วย ผ่านไปแปดปีจนกระทั่งมาเจอกันปีนี้… ว่าแต่ถามทำไม”
“ไม่มีอะไรหรอก ตอนแรกนึกว่าเธอสองคนเป็นแฟนกัน เห็นออกไปไหนด้วยกันบ่อย ๆ มันแปลกที่มีคนคุยกับหมอนั่นได้ ปกติเขาคุยกับใครที่ไหนถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน”
“แฟนอะไรล่ะ! ถ้าสังเกตดี ๆ นะ ฉันโดนเขาข่มขู่และใช้งานตลอด ไม่พอยังจะมาว่ากันอีก คนเป็นแฟนกันเขาทำแบบนี้เหรอ!!”
เหอะ! ถ้าเราเป็นแฟนกัน หมอนั่นคงสรรหาภาษามาว่าไม่ซ้ำคำอะ!!
“จะโวยวายทำไม แค่อยากรู้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะทรินิตี้ หมอนั่นหล่ออยู่นะ”
“เอ้า คนดูกันที่ใจใช่ใบหน้า” ฉันยืดตัวอย่างภาคภูมิที่คิดได้ คิดดูนะหน้าตาหล่อขึ้นเทพแบบหมอนั่นแล้วนิสัยแย่แบบนั้น ไม่เอาด้วยหรอกนะ
“เหรอ แล้วถ้าแบบนั้นเอามั้ย” คริสตัลลากเสียงยาวเป็นการประชดประชันก่อนจะท้าแล้วชี้ไปที่ใครคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้จัก นอกจากจะรู้ว่าใครคนนั้นอยู่คณะเดียวกันและเรียนปีเดียวกัน ที่สำคัญหมอนั่นอ้วนดำ สิวเขรอะ แบบนี้ก็ขอไม่เอา!
“ไม่เว้ย!” ตอบเสียงดังฟังชัดก่อนตีมือคริสตัล
“เจ็บนะ! ตีเบา ๆ ก็ได้” คริสตัลรีบหดมือเข้าที่เดิมก่อนจะโวย
“อย่าทำอย่างนี้ คิดว่าน่ารักเหรอ?”
“ไม่ต้องทำก็น่ารักอยู่แล้ว” ยัยนั่นตอบมาอย่างภูมิใจในหน้าตา
เออ ยอมรับว่าเธอน่ารัก น่าทะนุถนอมกว่าฉัน เพราะนอกจากนางจะน่ารักแล้ว นางยังเป็นคนตัวเล็ก สายหน้าหวาน ใครเล่าจะไม่อยากดูแล ซึ่งต่างจากฉันที่ถึงจะเป็นผู้หญิงสวย แต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองล้นเหลือ ท่าทีกระฉับกระเฉงทำให้หลายคนคิดว่าฉันสามารถดูแลตนเองได้สบาย ไม่ต้องพึ่งใครก็ได้
ใครเล่าจะรู้ความจริงว่ามันก็แค่เกราะกำบังเท่านั้น ความจริงบางเวลาก็อยากมีคนที่ร่วมแบ่งปันทุกข์สุข แชร์ช่วงชีวิตต่าง ๆ ด้วยกันได้ เก่งขนาดไหนก็ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างในชีวิตนี้หรอกนะ การมีใครสักคนดูแลก็ดีกว่าอยู่แล้ว
ฉันทำย่นจมูกใส่มันก่อนจะมองไปที่ทะเล คืนนี้ตั้งใจจะไม่กลับ เพราะจะได้ออกมาเดินดูทะเลตอนกลางคืน ทะเลคือไม่กี่สิ่งที่ฉันชื่นชอบ เสียดายที่เป็นคนว่ายน้ำไม่เก่งเท่าไหร่
“เธอว่าทะเลสวยมั้ย” คริสตัลถามขณะที่เรากำลังนั่งดูคลื่นลมของทะเล ต่างจากคนอื่นที่กำลังเข้ากิจกรรม
“มันจะสวยมากกว่านี้ถ้าแดดไม่แรงแบบนี้ สงสารน้อง ๆ ที่ต้องมารับน้องด้วยแดดแบบนี้จัง ผิวเสียหมดแล้ว”
“อุตส่าห์หวังให้แกมีอารมณ์โรแมนติก ดันไปเสียดายผิวน้อง ๆ!”
“แหม! แม่คนโรแมนติก”
“เนี่ย… ว่าปะ บรรยากาศแบบนี้ถ้ามีคนรักมานั่งด้วยก็คงจะดีนะ” คริสตัลเอ่ยพลางหัวเราะร่าเริง ส่วนฉันก็มองมันอย่างพิจารณา
“ไปหาให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยฝันกลางวัน” ฉันส่ายหน้าระอากับอาการเพ้อเจ้อของหล่อน
“เชอะ! อย่าให้หาได้ดีกว่าของเธอแล้วกัน ตัวเองก็ยังหาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ระวังจะขึ้นคานนะ”
“โอ๊ย! ขึ้นคานไม่กลัวหรอก กลัวจะไม่ได้ขึ้นย่ะ!”
“เออ เดี๋ยวขึ้นแล้วจะรู้สึก” มันว่าพลางนั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เรานั่งมองทะเลที่แสงแดดตกกระทบต่อ
“เธอใส่สร้อยด้วยเหรอคริสตัล” ฉันเอ่ยทันทีที่เห็นแสงเงาสะท้อนเข้าตาแล้วเห็นจี้สร้อยเส้นสวยสีแดงเจียระไนเป็นอักษรจีนอยู่บนคอคริสตัล สวยอะ!
“ใส่มาตั้งนานแล้ว เพิ่งเห็นเหรอ”
“ก็ไม่เห็นนี่หว่า ไปซื้อที่ไหนมา สวยดี”
“โอ๊ย แน่นอนอยู่แล้วล่ะ คนใส่สวยใส่อะไรก็สวย อิ ๆ”
“เอิ่มมม ตกลงว่าซื้อจากไหน เผื่อจะไปซื้อบ้าง”
“เมืองจีนอะ มันแพงมากเลยนะ แล้วตอนที่ไปซื้อก็เหลือแค่สร้อยสองเส้นเอง พอจะกลับไปซื้อมาฝากเธอ มันก็หมดแล้ว”
ปิดเทอมคริสตัลไปเที่ยวจีนมาไม่เห็นบอกเลย ถึงว่าไงทำไมติดต่อไม่ได้ตอนปิดเทอม เพราะอย่างนี้สินะ!
“อ้าว อดเหรอเนี่ย… ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอยืมใส่หน่อยสิ” ฉันทำตาปิ้ง ๆ ใส่มัน เผื่อว่ามันจะใจอ่อนบ้าง
“เอาไปสิ ถือว่าไถ่โทษที่ซื้อให้ไม่ทัน แต่ห้ามทำหายนะ ถ้าทวงเมื่อไหร่ เธอควรจะมีให้เพราะมันแพงมาก” คริสตัลถอดสร้อยคล้องคอมา
“จ๊ะ ทรินิตี้คนนี้จะรักษาเท่าชีวิตเลย!”
ฉันกอดคริสตัลแน่นก่อนจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่น เพราะเย็นแล้วกิจกรรมกำลังจะเลิกและพวกเราก็สมควรที่จะมีที่พักกัน เราควรเก็บของแล้วพาน้อง ๆ แยกย้ายกลับห้อง ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ...ก๊งเหล้า!
“ปะ... ช่วยกันเก็บของที่ไม่ใช้แล้ว” คริสตัลว่าพลางจูงมือฉันไปที่จุดกิจกรรมเพิ่งเลิก คนยังครุกกันอยู่เลย
เราทั้งคู่เดินเข้าไปยังฝูงชนที่พวกรุ่นพี่กำลังเก็บของกันอยู่ และพวกน้อง ๆ ก็จัดแถว เตรียมรับกุญแจห้องกัน ห้องจะสามารถนอนได้สี่คน หากว่าจะนอนกันห้องละสองคน เห็นทีต้องเพิ่มห้องบาน
“ทรินิตี้! มาช่วยตรงนี้หน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ขณะที่กำลังขนของและคุยเม้ากับคริสตัลอยู่นั่น เพื่อนรุ่นเดียวก็เรียกให้ไปช่วยเช็กชื่อรุ่นน้อง ดังนั้นฉันจึงหาที่วางของและบอกลาคริสตัลก่อนเดินไปหยิบใบรายชื่อ
“ไปรอที่ห้องเลยนะ เดี๋ยวตามไป”
“เจอกันที่ห้องนะ” คริสตัลโบกมือลาก่อนแยกย้าย พอเห็นหล่อนเดินไปแล้ว ฉันก็หันมาหาอีกคน “ถึงคนไหนแล้ว”
“ไม่เยอะหรอก คนที่ 30 แล้ว อีกสิบคนเอง” ยัยนั่นชี้มาที่รายชื่อที่สามสิบก่อนจะบอกอะไรเล็กน้อยแล้ววิ่งไปห้องน้ำ
“รัชญา…” ฉันเอ่ยขึ้นไว้แค่นั้นก่อนจะเงยหน้าพบเจ้าของชื่อโดยไม่ต้องอ่านนามสกุล
“ตกลงว่ามินอยู่ห้องไหนเหรอพี่สาว"
น้องสาวที่รักยิ้มให้อย่างรู้กัน ฉันหยิบกุญแจห้องให้เธอพลางยีหัวเธอด้วยความเอ็นดู เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ
“พี่น้องคู่นั้นจะเล่นกันอีกนานมั้ยครับ มีคนอื่นยังอยากไปพักนะครับ” ฉันรีบหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าวจะชะเง้อไปดูหลังแถวว่าหมาตัวไหนพูดออกมา
“นายชื่ออะไร! ใครใช้ให้พูดตัดหน้ารุ่นพี่แบบนี้ ฮะ!”
“ก็มีป้ายชื่ออยู่นะฮะ พี่อ่านไม่ออกเหรอครับ?” เขาทำหน้าตายอย่างกับไม่รู้จักใครรุ่นพี่ใครรุ่นน้อง
“ใครใช้ให้นายเถียงรุ่นพี่! ฉันเป็นรุ่นพี่ก็น่าจะเคารพบ้าง!!” ฉันแว้ดใส่จนทุกคนต้องหันมามอง ใช่ว่าจะระคายเคืองแต่อย่างใด
“แกควรตอบเธอไปซะ ก่อนฉันจะเปลี่ยนใจทำโทษตอนนี้” อยู่ ๆ เซอร์คัสมาจากไหนไม่รู้ เขามาถึงก็วางแขนไว้บนบ่าฉันอย่างกับสนิทมาชาติปางก่อน ถึงเราจะสนิทกันตอนเด็ก ใช่ว่าตอนนี้จะทำอย่างนั้นได้นะ!
ไอ้น้องคนนั้นยังคงเงียบและมองพวกเราด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“ตอบมา! อยากลองดีนักใช่มั้ย!” ไม่ใช่ฉันที่โมโหแต่กลับเป็นเซอร์คัสที่โมโหแทน เขาจะโมโหแทนทำไมละ
“ชาโดว์ แกจะไปเถียงพี่เขาทำไมวะ!” เพื่อนของเขาพูดขึ้นพลางมองหน้าฉันกับเซอร์คัสอย่างหวาด ๆ
"อ๋อ นายชื่อชาโดว์เหรอ… หมดเรื่องที่ฉันต้องรู้แล้ว นี่กุญแจห้องนายกับเพื่อน” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจคนตรงหน้าอย่างถึงที่สุด เขาโยนกุญแจห้องให้อีกฝ่าย มินตี้ได้แต่มองดูเหตุการณ์ระหว่างเราอย่างหวาดกลัว
คู่กรณีจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ เหวี่ยงเป้ขึ้นหลังและตั้งท่าจะเดินไปยังห้องพักของตนแต่เซอร์คัสดัก “ฉันยังพูดไม่จบ ก่อนขึ้นห้องขอทำโทษนายด้วยการไปวิ่งที่ชายหาดยี่สิบรอบ ข้อหาที่รุ่นพี่ถามแล้วไม่ตอบและอีกยี่สิบรอบข้อหาที่ขัดจังหวะไม่รู้จักกาลเทศะเวลาคนคุยกัน”
เซอร์คัสว่าอย่างกับเรื่องที่ว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทำเอาทุกคนในที่นี้สีหน้าไม่สู้ดี ถึงฉันจะไม่ชอบเขา แต่ก็สงสารที่ต้องมาโดนลงโทษแบบนี้
โหดไปแล้ว!
“ลดให้เหลืออย่างละสิบพอ” ฉันว่าพลางมองหน้าเซอร์คัสหวังให้เขาเห็นใจ
“ใครใช้ให้เธอออกคำสั่งแทน”
“แดดร้อนขนาดนี้ ถ้าน้องเขาเป็นอะไรมาจะทำยังไง”
“เออ อย่างละสิบพอ ถ้าไม่ครบไม่ต้องสะเออะมาให้เห็นหน้า!” เขาว่าอย่างเกรี้ยวกราด ชาโดว์ฝากของให้เพื่อนขึ้นไปบนห้องแล้วตัวเขาก็เดินออกจากที่ตรงนี้
“ขอบใจนะ” ฉันว่าพลางดันให้มินตี้ไปที่ห้อง
“ฉันแค่ไม่ชอบเห็นรุ่นน้องไม่เคารพรุ่นพี่แบบนี้ ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเธอเลย” เขาว่าด้วยสีหน้านิ่งแต่สายตาเขาไม่ยอมสบตากัน
“เหรอ ก็ยังไม่ได้พูดซะหน่อยว่านายทำเพื่อฉัน” ฉันแกล้งแหย่พลางส่งยิ้มทะเล้นไปให้อีกฝ่าย
“ยัยประสาท!” นายสิประสาท ว่าคนอื่นแท้ ๆ แต่ดันหน้าแดงซะเอง
“มินตี้ พี่เดินไปส่งดีกว่า” ฉันว่าพลางเดินตามคู่กับมินตี้ไปเรื่อย ๆ
“อ่า ดีจังเลย ว่าแต่พี่สาวนอนที่ไหนน้า”
“พี่นอนห้อง 421 ห้องเดียวกับพี่คริสตัลน่ะ ถ้ามีอะไรไปหาได้เลย”
“ของมันแน่อยู่แล้ว ได้พักอยู่กับเพื่อนที่ไหน มินยังไม่รู้เลย”
“ฮ่า ๆ อย่างนี้แหละค่ายรับน้อง ให้รู้จักกันไว้เยอะ ๆ นั่นแหละดี”
“แต่มินอาจอึดอัดนิดหน่อยตรงที่มันไม่ค่อยเป็นส่วนตัว”
“มินโตแล้ว...แต่ถ้ามีอะไรก็มาหาได้นะ” ฉันว่าพลางโบกมือลาน้องสาวเมื่อหยุดที่หน้าห้องเธอก่อนกลับไปยังห้องของตนเอง
ตลอดเวลา ฉันไม่อาจหยุดคิดได้เลยว่าตกลงแล้วเซอร์คัสจะมีอาการขวยเขินกันทำไม แค่บอกว่าเขามาทำอะไรให้ฉันเหรอ...
แปลกพิลึก!
[End]