bc

เจ้านายเย็นชา เลขาจำเป็น

book_age18+
3.2K
ติดตาม
20.5K
อ่าน
ดราม่า
สุขนาฏกรรม
หวาน
like
intro-logo
คำนิยม

"คนเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?" คำถามจากผู้ชายที่หล่อ รวย เพอร์เฟกต์ ในชีวิตเขามีครบทุกอย่างที่ต้องการ แต่กลับเบื่อหน่ายชีวิตที่เป็นอยู่และอยากจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีความเบื่อหน่าย ทำให้ชลธารตัดสินใจพาเขากลับบ้าน และพยายามเปลี่ยนความคิดเขา ชลธารจะทำได้ไหมนะ

คนหนึ่งมองโลกในแง่ดีสุด ๆ และอีกคนหนึ่งที่เบื่อโลกสุด ๆ เมื่อทั้งสองคนมาอยู่รวมกันและมีความคิดไปคนละทาง พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้ไหมนะ และคำขอของพัทธดนย์จะทำให้ทุกอย่างมันปังหรือป่วงกันล่ะ

ลองติดตามชีวิตของเขาสองคนดูกันนะคะ ความรัก ความเข้าใจ จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
01 - ชีวิตที่น่าเบื่อ
          'คนเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?'           คำถามที่หลายคนคงจะตอบได้ไม่ยาก บางคนอาจจะตอบว่าอยู่เพื่อชดใช้กรรมเก่าจากชาติที่แล้ว บางคนอาจจะตอบว่าอยู่เพราะเป็นวัฏจักรของชีวิต อยู่เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ บางคนก็อาจจะตอบไม่ได้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร แต่ในเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องอยู่           สำหรับคนที่เกิดมาในสภาพที่อัตคัดขัดสนและต้องดิ้นรนตลอดเวลา ความหมายของชีวิตอาจจะดูรันทดหดหู่จนไม่อยากก้าวต่อ ผิดกับคนที่เกิดมาในสภาพสมบูรณ์พร้อมและไม่ต้องดิ้นรน ความหมายของชีวิตอาจจะดูสบายและน่าอิจฉา           แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่า ความหมายในการมีชีวิตอยู่ของบุคคลนั้นคืออะไร...           "ไม่ได้เรื่อง" เสียงเบา ๆ พร้อมกับสายตาที่ละความสนใจในหนังสือที่กำลังอ่านเงยหน้าขึ้นมองไปทางผนังกระจกบานกว้างที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาที่ว่างเปล่า อีกด้านของกระจกบานหนาคือตึกสูงและอาคารระดับต่าง ๆ กัน พระอาทิตย์กลมโตทอแสงนวลสวยผ่านบรรยากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันก่อนจะเลื่อนลงมาจนต่ำและถูกเหลี่ยมมุมของอาคารบ้านเรือนกลืนกินแสงของมันทีละน้อย             ชายหนุ่มหันกลับมามองหนังสือที่ยังเปิดค้างไว้บนโต๊ะตัวกว้างกลางห้องทำงานขนาดใหญ่ สายตาเขาช่างดูว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกใด ๆ ขัดกับใบหน้าหล่อคมเข้มราวกับดารานักแสดงนำระดับฮอลลีวูด เขาเอื้อมมือปิดหนังสือที่อ่านไปเมื่อสักครู่ หยิบมันขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปที่โต๊ะรับแขกตรงมุมหนึ่งของห้องอย่างไม่ใยดี           "ว้าย!" เสียงร้องด้วยความตกใจของหญิงสาวดังขึ้น และมองมาที่ชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มและเดินไปเก็บหนังสือที่ถูกเหวี่ยงมาใส่ตะกร้านิตยสารข้างชุดโซฟารับแขก           "อารมณ์ไม่ดีอีกแล้วเหรอคะพัท?" เธอยิ้มทักทายชายหนุ่มสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกที่นั่งหลังโต๊ะตัวกว้างอย่างอ่อนหวาน           "เข้ามาทำไม สุชาวดี" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบ           "ปายจะกลับบ้านแล้วนี่คะ ปายก็เลยเข้ามาเรียกพัท ค่ำแล้วนะคะ กลับบ้านกันเถอะ" สุชาวดีเดินเข้ามาหลังโต๊ะทำงาน ยกแขนโอบรอบคอชายหนุ่มและออดอ้อน           "หลีกไปซะ อย่ามาทำกิริยาเหมือนหญิงงามเมืองกับผม"           "ว้าย! พัทคะ! ทำไมพูดจาแบบนี้อีกแล้ว! ปายเป็นคู่หมั้นพัทนะ!" สุชาวดีร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ และยิ่งชายหนุ่มแกะแขนเธอออกแล้วขยับเก้าอี้หนี ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจมากขึ้น           "ก็แค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อยนี่ คุณคิดว่าเป็นคู่หมั้นผมแล้วอยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ" พัทธดนย์แค่นเสียง เขาปรายตามองมาที่หญิงสาวด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกด้านและเดินออกไปที่ประตูห้องทำงานโดยไร้ความสนใจคนที่กำลังโกรธ           "พัทคะ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!" สุชาวดีขึ้นเสียงใส่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น แต่เขาไม่สนใจเธอและเปิดประตูเดินออกไปแล้ว หญิงสาวกระทืบเท้าด้วยความโมโหแล้ววิ่งตามเขาไป           ทุกทางที่พัทธดนย์เดินผ่าน พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นจะต้องรีบก้มหัวคำนับและหลีกทางให้ท่านประธานบริษัทที่เข้มงวดและเย็นชา พร้อมกับเลขาสาวสวยที่มีตำแหน่งคู่หมั้นพ่วงมาด้วยอีกคน           "พัทคะ! นี่คุณจะไม่รอปายเลยงั้นเหรอคะ! ปายโกรธจริง ๆ แล้วนะคะ!" สุชาวดีกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามชายหนุ่มที่ก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่ในลานจอดรถของผู้บริหาร           "จะต้องรอทำไม? ในเมื่อคุณกับผมเอารถมาคนละคัน และคุณก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับผม"            "แต่เดือนหน้าปายก็จะย้ายไปอยู่บ้านพัทแล้วนะคะ แล้วปลายปีนี้เราก็จะแต่งงานกันแล้วด้วย พัทควรจะเอาใจใส่ปายให้มากกว่านี้หน่อยสิคะ"            "ในฐานะคู่หมั้นงั้นเหรอ?" พัทธดนย์ย้อนถาม           "ใช่ค่ะ ในฐานะคู่หมั้น ในฐานะคนรัก" สุชาวดีกระแทกเสียงใส่           "งั้นเหรอ? ผมก็เอาใจใส่คุณตามหน้าที่คู่หมั้นที่ดีแล้วไง ตอนกลางวันก็พาไปกินข้าว พาไปชอปปิ้ง และผมก็รูดการ์ดให้คุณซื้อของไร้สาระไปมากแล้วนี่ ยังจะเอาอะไรอีก"           "มันไม่พอค่ะ พัทต้องเอาใจปายมากกว่านี้สิคะ พูดจาหวาน ๆ ให้สมกับเป็นคนรักกัน กอดปายบ้าง ยิ้มให้ปายบ้าง ไม่ใช่เอาแต่พูดจาเสียดแทงและเหน็บแนมปาย พัททำตัวเย็นชากับปายและไม่เคยมีปายอยู่ในสายตาพัทเลย ทั้งที่เราเป็นคนรักกัน" สุชาวดีโวยวายออกมาด้วยความเหลืออด แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่งและไร้ความรู้สึก           "ผมไม่เคยรักคุณ" ประโยคสั้นและเรียบ แต่กลับจุดชนวนระเบิดความอดทนของฝ่ายหญิงอย่างรุนแรง           "พัทคะ!! คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง!! ปายรักพัทนะ และเราก็หมั้นกันแล้ว วันแต่งงานก็กำหนดแล้ว พัทจะมาบอกว่าไม่รักปายงั้นเหรอ!! พัทขอโทษปายเดี๋ยวนี้เลยนะ!!" สุชาวดีกรีดร้องโวยวายใส่คู่หมั้นหนุ่มตรงลานจอดรถด้วยความโกรธจัด แต่พัทธดนย์กลับมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา           "กิริยามารยาทเหมือนคนไร้สกุล เอะอะโวยวายเหมือนคนไร้การศึกษา พูดจาเอาแต่ใจเหมือนคนไม่ได้รับการอบรม"             "พัทคะ!!" สุชาวดีกรีดร้องใส่คู่หมั้นหนักขึ้น แต่พัทธดนย์แค่ปรายตามองหญิงสาวแล้วเปิดประตูขึ้นรถ ขับออกไปจากตรงนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทิ้งคู่หมั้นสาวให้ยืนกรีดร้องโวยวายเกรี้ยวกราดอยู่ที่ลานจอดรถและไม่สนใจเธออีก           พัทธดนย์ขับรถไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่อยากกลับบ้าน เพราะรู้ว่าสุชาวดีต้องไปอาละวาดที่บ้านเขาแน่นอนที่เขาทำตัวเย็นชาและด่าเธอแบบนั้น แต่ใครสนล่ะ...           น่าเบื่อ...           พัทธดนย์ขับรถเล่นในเมืองจนมืด และไปจบที่ผับหรูแห่งหนึ่ง อาหารและเครื่องดื่มตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้อารมณ์เบื่อหน่ายจางหายไปสักนิด เขามองผู้คนที่กินดื่มและคุยกันสนุกสนานเฮฮารอบตัวด้วยความเฉยชา แค่เรื่องได้เงินเดือนเพิ่มก็มีความสุขแล้วเหรอ ทางนี้เล่าเรื่องออกทริปไปน้ำตกด้วยความสนุก อีกทางหนึ่งคุยกันเรื่องภาพยนตร์ดังจากต่างประเทศที่กำลังจะเข้าฉายในไทย ทางนั้นกำลังปรับทุกข์กับเพื่อนเรื่องผู้หญิง           ทำไมมนุษย์ถึงมีเรื่องราวมากมายขนาดนี้นะ            พัทธดนย์ออกจากผับหรูในเวลาดึกโข เขาขับรถกลับบ้านในสภาพที่มึนเล็กน้อย เขาไม่ได้ดื่มมากเท่ากับเวลาที่ผ่านไป เพียงแค่กินมื้อค่ำและจิบเบียร์นิดหน่อยในระหว่างนั่งปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงที่ไม่เข้าหูเลยสักนิด น่าเบื่อ...           จะดื่มไปทำไมมากมาย ไม่อร่อยและยังเสียสุขภาพด้วย พ่อเขาก็ชอบดื่มมาก และพ่อก็จบชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากการดื่มของคนอื่น เขาที่เป็นลูกชายคนโตต้องขึ้นมารับช่วงบริษัทต่อ และทำงานเพื่อหาเงินให้ได้มาก ๆ ตามที่พ่อเคยพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ก็คอยบอกให้เขาดูแลบริษัทแทนพ่อ ดูแลน้องชายน้องสาว และดูแลครอบครัว           ทำไมต้องดูแล? ชินกฤตน้องชายกำลังเรียนปริญญาโทที่อเมริกา ปรียาน้องสาวก็เรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ ที่บ้านก็มีแต่แม่และคนรับใช้หลายคนที่คอยปรนนิบัติพัดวี ยังต้องมีอะไรให้ดูแลอีก?           "กลับดึกจังนะพัท" เสียงดุจากหญิงสูงวัยที่ยืนบนบันไดขึ้นชั้นสองเรียกให้คนที่กำลังเดินเข้าบ้านเงยหน้ามอง           "ปายมาฟ้องแม่ว่าแกด่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ และไม่สนใจเธอ แกไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะ แล้วยังเป็นคู่หมั้นแกอีก" รุ่งทิพย์มองลูกชายด้วยความไม่พอใจ           "แล้วไงครับ ผมไม่ได้รักเธอนี่ แล้วก็ไม่ชอบที่เธอตามมาวีนใส่ผม และพร่ำเพ้อแต่คำว่ารักกับคู่หมั้นใส่หูผมตลอดเวลา" พัทธดนย์ตอบด้วยเสียงเรียบและเดินผ่านผู้เป็นแม่ขึ้นชั้นสองไป           "พัท! ยังไงปายก็เป็นคู่หมั้นแกนะ อีกหน่อยก็ต้องเป็นเมียแก อยู่ด้วยกันและมีหลานให้ฉัน!" รุ่งทิพย์ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ           "คู่หมั้นที่แม่บังคับให้ผมหมั้นด้วยน่ะเหรอ แล้วอ้างว่าเป็นคำสั่งเสียของพ่อ ตามใจแม่เถอะ ผมจะไม่เสแสร้งเอาใจคนที่ผมไม่รัก และผมก็จะด่าเธอทุกวันถ้าเธอทำกิริยาเหมือนหญิงขายบริการกับผม และถ้าสุชาวดีรับไม่ได้จะถอนหมั้น ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง" พัทธดนย์มองรุ่งทิพย์ด้วยสายตาเย็นชาและเดินกลับเข้าห้องส่วนตัว           "พัท!! แกพูดแบบนี้ไม่ได้นะ! ทำไมถึงปากจัดชอบดูถูกน้องปายแบบนี้!! พัท!! ออกมาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้นะ!!" รุ่งทิพย์ทุบประตูห้องลูกชายด้วยความโกรธ แต่พัทธดนย์ล็อกประตูห้องและเปิดเพลงเสียงดังลั่น           น่าเบื่อ...           พัทธดนย์ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มในห้องกว้างและมองไปที่รูปนกอินทรีสยายปีกบินบนท้องฟ้ากว้างที่ติดบนผนังห้อง ชีวิตแกช่างน่าอิจฉา ได้โบยบินอย่างอิสระ ค่ำก็นอน หิวก็กิน ไม่ต้องรับภาระอะไรมากมายเช่นมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตของนกอินทรีก็ไม่ได้สุขสบายมากนัก ถึงจะอยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ก็ใช่ว่าจะหาอาหารได้ทุกวัน มันต้องจับคู่สร้างรังและเลี้ยงลูกเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตามคำสั่งของธรรมชาติที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต           แล้วมนุษย์ล่ะ? มนุษย์มีความนึกคิดที่ซับซ้อนกว่าพวกสัตว์หลายเท่า และสร้างกฎเกณฑ์บ้าบอขึ้นมาตามใจชอบเพื่อบังคับคนในสังคมให้ทำตามกฎเกณฑ์นั่นโดยอ้างคว่าเป็นระบบระเบียบของสังคม           และระบบบ้าบอนั่นมันก็ลามมาถึงครอบครัวซึ่งเป็นสังคมเริ่มต้นที่เล็กที่สุดของสังคมใหญ่ ซึ่งทุกคนก็ต้องยอมรับมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ลูกต้องฟังคำสั่งพ่อแม่ ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ต้องทำตาม เพราะพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูก           น่าเบื่อ...           บริษัทใหญ่โตที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสำเร็จรูป ทำกำไรมหาศาลต่อปี มีโรงงานขนาดใหญ่ มีพนักงานกว่าพันคน มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ มีคนชื่นชม มีบ้านหลังใหญ่ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่คอยอำนวยความสะดวก มีคนรับใช้คอยดูแลจนไม่ต้องทำอะไร และมีความสุข           นั่นคือมุมมองจากคนรอบข้าง ซึ่งพัทธดนย์มองว่ามันไร้สาระ มนุษย์จะต้องการอะไรมากไปกว่าอาหารสามมื้อ เสื้อผ้าสวมใส่ ที่นอนอุ่น ๆ และเซ็กซ์ ทำไมต้องแสวงหามากไปกว่าที่ร่างกายต้องการล่ะ ในเมื่อตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้           ตาย...           เมื่อตายไปทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร ไม่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงใคร ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำเพื่อเอาใจใคร ไม่ต้องสนใจอะไร           พัทธดนย์หลับตาลง ถ้านอนหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกก็คงจะดี        

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เมียบำเรอ..

read
34.7K
bc

ที่ใดมีรักที่นั่นมีแค้น..

read
6.9K
bc

รักร้ายของผู้ชายในครัว

read
2.0K
bc

Mist in Mind ม่านหมอกกลางใจ

read
3.5K
bc

"ขอชิมหน่อยสิว่าท่านซายูริจะหวานสักแค่ไหน"

read
6.8K
bc

Hide Love

read
1K
bc

Oh baby! แม่จ๋าหนูอยากเกิดแล้ว

read
2.4K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook