“ใช่ ติดต่อไม่ได้ สงสัยป้องปิดเครื่องจริงๆ” เขาพูดเสียงเหนื่อยใจ “แต่อยากรู้ว่าทำไมป้องถึงไม่บอกผม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ สมควรจะบอกผมที่สุด”
“คุณป้องอาจมีเหตุผลของเขานะคะ เท่าที่ดิฉันรู้ คุณป้องเป็นคนไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกสื่อ แล้วยังขอร้องเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วยว่า ให้ตรวจสอบอย่างเงียบๆ เรื่องนี้ถึงได้ไม่เป็นข่าวไงคะ เพราะถ้าเป็นข่าวละก็ บริษัทเราต้องเสียชื่อเสียงแน่”
“ถึงบอกไม่บอกนักข่าวตอนนี้บริษัทของผมก็เสียชื่อเสียงแล้ว แถมยังถูกไม่ให้ขายสินค้าอีก”
อมรเครียดหนัก เรื่องไฟไหม้โรงแรมรอยัลเพลสยังไม่ลงตัว กลับมีเรื่องนี้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่าเพลิงไหม้อีกหลายเท่าเข้ามาซ้ำ อมรปวดหัวจนคิดอะไรไม่ออก มันตื้อไปหมด
“เราจะทำยังไงดีคะท่าน เราขายสินค้าไม่ได้ แล้วยังต้องเรียกคืนสินค้ากลับเข้ามาอีก มันเสียหายมากนะคะท่าน” ยุพินหนักใจเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะหากบริษัทไม่สามารถทำการค้าขายได้ นั่นเท่ากับว่าไม่มีรายได้เข้ามา ลูกกระทบเกิดขึ้นกับทุกคนในบริษัทที่จะไม่ได้รับเงินเดือน หรืออาจถึงขั้นเลิกจ้างเลยก็ว่าได้ “ไหนจะสินค้าที่กำลังผลิตงวดนี้อีก ค่าผลิตที่จ่ายไปคือเงินสำรองทั้งหมดของบริษัท ไม่พอยังจ่ายล่วงหน้าเป็นเช็คอีกสามสิบล้าน เราไม่มีเงินฉุกเฉินเลยนะคะท่าน”
อมรเบิกตากว้าง อารามตกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าผู้สูงวัย เมื่อได้ยินคำพูดของยุพิน
“คุณว่าอะไรนะ เงินในบัญชีบริษัทไม่มีเลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง อาทิตย์ก่อนป้องเอาบัญชีรายรับรายจ่ายมาให้ผมดู มีเงินหมุนเวียนเหลือเกือบเจ็ดสิบล้านบาทเลยนะ มันจะหมดได้ยังไงแล้วผมสั่งผลิตสินค้ามากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” อมรถามเสียงสั่น ความตกใจยังไม่หาย
“ท่านเป็นคนอนุมัติสั่งผลิตแป้งรองพื้นหนึ่งล้านตลับไงคะ ในเอกสารยังระบุด้วยว่า จ่ายด้วยเงินสดเจ็ดสิบล้านบาท ตีเป็นเช็คล่วงหน้าสามสิบล้านบาท ดิฉันยังแปลกใจเลยว่า ทำไมท่านสั่งผลิตเยอะขนาดนี้ แต่คุณป้องบอกว่า ท่านเซ็นอนุมัติแล้ว คุณป้องยังเอาเอกสารฉบับนั้นให้ดิฉันดูเลยค่ะ”
สมองอมรเกิดความงง ไม่เข้าใจ เขาจำได้ว่า ภาวินทร์ไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้ให้รู้ เคยพูดให้ฟังแค่ว่าต้องผลิตสินค้าเพิ่ม แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเท่าไหร่ ที่สำคัญอมรมั่นใจว่า ไม่เคยเซ็นเอกสารอนุมัติผลิตแป้งรองพื้นจำนวนหนึ่งล้านตลับ แล้วภาวินทร์นำเอกสารฉบับนั้นมาจากไหน
“ฉันไม่เคยเซ็นอนุมัตินะ ไม่เคยจริงๆ”
ระหว่างที่อมรกำลังตึงเครียดกับเรื่องที่ได้รับรู้ พันทิพา ผู้จัดการแผนกบัญชีเคาะประตูห้องแล้วรีบเดินเข้ามารายงานเรื่องด่วนให้เจ้านายรับรู้
“ท่านคะ แย่แล้วค่ะ ตัวแทนจำหน่ายมาอออยู่ด้านล่างค่ะ พวกเขามาขอคืนเงินค่าสินค้าที่เรียกคืนไปค่ะ พวกเขาบอกว่าถ้าไม่ได้เงินภายในวันนี้ จะพากันไปแจ้งความค่ะ”
อมรถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาพรืดยาวด้วยความหนักอก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวแทนจำหน่ายจะมาขอเงินคืนค่าสินค้า เนื่องจากตอนสั่งสินค้าไปให้ผู้ค้ารายย่อย ตัวแทนทั้งหลายได้จ่ายเงินค่าสินค้าแล้วทั้งสิ้น เมื่อถูกเรียกคืนสินค้า พวกเขาจึงมาขอเงินคืน ซึ่งอมรก็ต้องคืนให้ทั้งหมด
“ก็คืนเขาไป ทั้งหมดเท่าไหร่ล่ะ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่มันติดตรงที่ว่า เราไม่มีเงินสำรองจ่ายให้ค่ะ” ยุวดีบอกปัญหาใหญ่กว่าให้อมรรับรู้
เรื่องเงินหมุนเวียนในบริษัทที่จ่ายค่าผลิตสินค้ายังคาใจเขาอยู่ และคนเดียวที่จะให้คำตอบเขาได้คือ ภาวินทร์ ทว่าว่าที่ลูกเขยกลับติดต่อไม่ได้ในทุกทาง เขาจึงต้องวางปัญหาคาใจนี้ไว้ก่อน สะสางปัญหาเฉพาะหน้าที่ประดังเข้ามา
“ผมมีเงินสดในบัญชีอยู่บ้าง ผมจะโอนเข้าบัญชีบริษัท จะได้เอาไปจ่ายให้ตัวแทน แล้วเงินต้องใช้ประมาณเท่าไหร่”
“เผื่อขาดเผื่อเกินก็ประมาณสองล้านบาทค่ะ”
อมรหันไปทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต ไม่กี่นาทีต่อมาเงินในบัญชีของเขาจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาทถูกโอนเข้าบัญชีของบริษัท
ชายสูงวัยที่กำลังถูกปัญหารุมเร้ามองจำนวนเงินที่เหลืออยู่ราวห้าแสนบาทด้วยความหนักใจ เงินจำนวนนี้เป็นจำนวนเงินก้อนสุดท้ายที่เขามี เนื่องจากอมรนำเงินไปลงทุนในบริษัทเกือบหมด ได้กำไรมาก็นำไปหมุนเวียนในบริษัทเพื่อให้เกิดสภาพคล่อง ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลายเรื่อง ทำให้เขากลัวว่า จะหาเงินมาใช้จ่ายในบริษัทไม่ได้ อมรภาวนาในใจขออย่าให้มีเรื่องใดเข้ามาอีกเลย แค่นี้เขาก็คิดว่า กำลังรับมือไม่ไหว
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เอมิกาก้าวลงจากรถแท็กซี่ หลังจากที่คนขับรถพาหล่อนมาส่งยังจุดหมายปลายทาง หญิงสาวแหงนหน้ามองคอนโดมิเนียมสูงสี่สิบห้าชั้นด้วยความหวัง หวังได้เจอภาวินทร์ที่ติดต่อไม่ได้มาร่วมสิบวัน หญิงสาวไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก หล่อนมาเป็นครั้งที่สิบนับตั้งวันที่เขาเหมือนกับหายไปจากชีวิต
เหตุผลที่เอมิกาตามหาภาวินทร์มีหลายข้อ เป็นห่วงและอยากรู้หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัท เพราะคนที่จะให้คำตอบหล่อนกับบิดาได้ดีที่สุดคือ ภาวินทร์ บุคคลที่เปรียบเสมือนเป็นบังเ**ยนของบริษัท ที่จะนำพาไปขึ้นที่สูงหรือตกลงสู่พื้น
“คุณป้องที่อยู่ห้อง 3712 กลับมาหรือยังคะ”
เอมิกาถามพนักงานต้อนรับที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ตรงส่วนล็อบบี้ เมื่อก่อนนี้หล่อนไม่ต้องถามใครหรือต้องขออนุญาตจากเจ้าของห้องถึงจะได้ขึ้นไปห้องนั้น ทว่าตอนนี้ดูเหมือนอะไรเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจ หล่อนไม่สามารถเข้านอกออกในอาคารหลังนี้ได้เหมือนก่อน เป็นเพราะเจ้าของห้องไม่อยู่ที่นี่ และเขาก็ไม่ให้หล่อนเข้าออกได้สะดวกเหมือนเดิม