ตอนที่ 2 ผู้หญิงแพศยา…อยากนักก็จัดให้

1674 คำ
หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่ทานเผ็ดจึงตั้งใจตักเน้นพริกหนุ่มที่นำมาเผาจนหอมให้ชายหนุ่มจนพูนช้อน “คุณอาลานทานให้หมดนะคะ ถ้าทานไม่หมดมันน่าเสียดายค่ะ” สะบันงายิ้มอย่างภูมิใจในตัวเองที่เขาเปิดโอกาสให้เอาคืนและเธอก็ไม่รอช้าที่จะสนองโอกาสนั้น “นี่เธอคิดว่าฉันจะไม่กล้ากินเหรอ…ได้ ฉันจะกินให้หมด” ชายหนุ่มมองน้ำพริกที่ไม่ชอบทานแต่แค่อยากแกล้งเธอ เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะตักให้จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยขอให้เธอตักอาหารให้ แต่สะบันงาจะทำเป็นเมินเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด “คุณอาดูสิคะ เดี๋ยวนี้คุณอาลานไม่ทานอาหารจืดๆ เหมือนอาหารเด็กแล้วนะคะ สะบันงาขอจัดการแกงจืดเต้าหู้ให้หมดเลยนะคะ” “เอาสิ” สายลมพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันไม่ชอบแกงจืดฝีมือเธอเพราะมันจืดสนิท…จืดเหมือนเธอ” เมื่อเห็นหญิงสาวหันไปฉอเลาะกับพ่อของเขา อาลานก็อดที่จะประชดประชันไม่ได้ “งั้นฉันขอนะคะ” สะบันงายกถ้วยแกงจืดตรงหน้าชายหนุ่มมาไว้ข้างตัวเอง แล้วตักผักกาดขาว หมูบะช่อและเต้าหู้มาไว้ในจานของตัวเองจนหมด เหลือแค่น้ำซุปนิดหน่อย ปกติสายลมไม่ชอบทานอาหารรสจืดอย่างเช่นถ้าวันไหนทำต้มยำหรือต้มข่าก็จะต้องใส่พริกลงไปด้วยเสมอ ส่วนอาลานกับข้าวของเขาจะต้องไม่ใส่พริกและห้ามเผ็ดเลยแม้กระทั่งพริกไทย อาจเพราะชายหนุ่มเติบโตที่ต่างประเทศ สะบันงาเคยได้ยินมาว่าเขาสอบชิงทุนได้ตั้งแต่อายุสิบสามและย้ายไปอยู่ที่นั่นยาวโดยมีคุณแม่ไปด้วย “อ่า…เผ็ด” ชายหนุ่มสบถกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับเป่าปากที่เริ่มเจ่อบวมและเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เพียงแค่ทานเข้าไปสองคำธาตุไฟในร่างกายก็แทบระเบิด สะบันงาลอบมองคนตรงหน้าที่ดื่มน้ำรวดเดียวจนหมดแก้วและโชคร้ายที่ว่าเป็นน้ำเย็นความเผ็ดก็ยิ่งกระจายไปทั่วปาก “อะไรกันเผ็ดแค่นี้” ผู้เป็นพ่อก็มองหน้าลูกชายด้วยเช่นกัน เขายืนแคบหมูให้ก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ ใบหน้าของอาลานเริ่มมีสีแดงเจือขึ้นมาและมีเม็ดเหงื่อผุดประปรายตามใบหน้า “เธอแกล้งฉัน” ชายหนุ่มคาดโทษก่อนจะรับแคบหมูมาทานและตามเข้าไปอีกหลายอันแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จนสายตาเหลือบไปเห็นน้ำแกงจืดที่เหลืออยู่ก้นถ้วย เขาเอื้อมหยิบมาไว้ตรงหน้าก่อนจะใช่ช้อนตักเข้าปากอย่างรวดเร็วจนสายลมมองหน้าอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง สะบันงาจึงลุกไปตักแกงจืดเพิ่มพร้อมกับรินน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องให้ “ลองทานเต้าหู้เผื่อจะดีขึ้นค่ะ” ชายหนุ่มจึงทำตามนั้นและความเผ็ดร้อนก็ค่อยๆ ลดลงแต่กว่าจะหายไปเขาดื่มน้ำเข้าไปอีกหลายแก้วจนเรียกว่าอิ่มน้ำแทนข้าวก็ว่าได้ “ผมขอตัวก่อนนะครับ” อาลานที่ไม่ชินกับการทานเผ็ดเขารู้สึกปวดท้องเล็กๆ จึงขอตัวก่อน สะบันงากับสายลมจึงนั่งทานข้าวต่อ “ลูกชายตัวดีโดนแกล้งซะบ้างจะได้งดแผลงฤทธิ์ไปอีกสักพักใหญ่” สายลมเอ่ยยิ้มๆ กับหญิงสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนเป็น ‘พี่สายลม’ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นคุณอา สะบันงาก็เหมือนน้องสาวอีกคนด้วยความที่สนิทกับคุณพ่อของเธอและทุกครั้งที่เข้าไปที่หมู่บ้านชาวเขา เด็กหญิงตัวน้อยในความทรงจำก็จะวิ่งนำเพื่อนๆ มาให้อุ้มเสมอ “คุณอารู้เหรอคะ สะบันงาขอโทษนะคะ” ถึงจะสะใจเพียงไรแต่อาลานก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของผู้มีพระคุณอยู่ดี จนอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไร อาลานที่ไม่เคยยอมให้ใครยอมให้พริกซะบ้างก็ดี” มือหนาที่ร่วงโรยไปตามวัยยื่นมือมาลูบศีรษะหญิงสาวรุ่นลูกด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นสะบันงาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “ผู้หญิงแพศยาพอลับตาคนก็ออดอ้อนคนแก่” คนสองคนที่ดูจะรักและเอ็นดูกันอย่างเปิดเผยก็ไม่อาจรอดสายตาจากคนที่ยืนมองอยู่นอกห้องอาหารได้ อาลานที่ลงมาหยิบยาแต่เขาหายาแก้ปวดท้องไปเจอจึงจะเข้าไปตามสะบันงาให้มาดูให้แต่ก็มาเห็นฉากรักเสียก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวผู้เป็นพ่อจะโดนเด็กรุ่นลูกหลอกหรืออิจฉาในความรักนั่นกันแน่อาลานจึงรู้สึกหงุดหงิดและน้อยใจ พ่อไม่เคยพูดจาดีๆ กับเขาเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่อ้อมกอดแค่จะมองหน้ากันสักสามนาทียังยาก ชายหนุ่มเดินกลับห้องไปด้วยความร้อนรุ่มราวกับเพลิงสุม “วันนี้คุณอามีเข้าไปส่งลิ้นจี่ในเมืองไหมคะ” “สะบันงาจะเอาอะไรหรือเปล่า ฉันคงกลับค่ำๆ เลย” “ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า เธอจะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมอาหารกลางวันกี่ที่โดยปกติสายลม อาลานและรวมถึงตัวของเธอเองด้วยจะเข้าไปฝากท้องที่โรงอาหารของคนงานในไร่เสียมากกว่า “ฝากดูเจ้าอาลานด้วยนะ ไม่รู้ว่าจะปวดท้องหรือเปล่า” “ค่ะ…นี่ยาของคุณอาค่ะ” สะบันงาเตรียมยาหลังอาหารให้พร้อมกับเก็บโต๊ะและล้างจานต่อจนเสร็จ เมื่อเดินออกมาจากห้องครัวก็ไม่เจอสายลมแล้ว หญิงสาวจึงตั้งใจว่าจะลองปรับสูตรแยมลิ้นจี่อีกสักนิดก่อนจะนำไปขายจริงและตั้งใจว่าถ้าเกินแปดโมงอาลานยังไม่ลงมาเธอก็จะขึ้นไปดูที่ห้อง อุปกรณ์ทำแยมถูกหยิบขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวทั้งหมด แต่หญิงสาวลืมไปว่าเธอยังไม่ได้เก็บลิ้นจี่มาจากที่ไร่เนื่องจากเมื่อวานมัวแต่ช่วยแพคลิ้นจี่ลงกล่องจนลืมเวลา พอนึกขึ้นได้ก็ถึงเวลาทำอาหารเย็นก็ต้องรีบกลับมาจัดเตรียมอาหารอีก “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อึดจะตาย” หญิงสาวมองไปทางบันไดบ้านก่อนจะเดินออกมาจุดมุ่งหมายคือไร่ลิ้นจี่ ช่วงนี้สวนหลังบ้านถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว ถ้าอยากได้ลิ้นจี่สดๆ จากต้น เธอต้องเดินขึ้นไปบนภูเขาที่ถัดขึ้นไปอีกเล็กน้อย ไร่ลิ้นจี่จะปลูกแบบขั้นบันไดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ “สะบันงา” “อ้าว ขุนเขาไม่ได้ออกไปในเมืองกับคุณอาเหรอ” หญิงสาวหยุดเดินแล้วหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังเช็กผลลิ้นจี่พันธุ์ใหม่ที่เพิ่งให้ผลผลิตเป็นครั้งแรก ขุนเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับการอุปถัมภ์จากสายลมจนจบปริญญาตรีเช่นเดียวกันกับเธอและยังเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ขุนเขาเลือกที่จะเรียนเกี่ยวกับการเกษตรและพันธุ์พืชเมื่อจบออกมาสายลมจึงให้ดูแลเกี่ยวกับการพันธุ์ของลิ้นจี่ตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ไร่ลิ้นจี่ของสายลมจะไม่มีการใช้สารเคมี ปุ๋ยที่บำรุงต้นลิ้นจี่ก็มาจากการหมักแบบธรรมชาติเท่านั้น “คุณอาของสะบันงาเลยไปทำธุระต่อด้วย เราเลยไม่ได้ไปกับพ่อเลี้ยง” คนงานในไร่มักจะเรียกสายลมว่าพ่อเลี้ยงคงมีแต่เธอเท่านั้นที่เรียกว่าคุณอา “คุณสะบันงาสุขสบายแล้วอย่าลืมพวกเราล่ะ…ได้เป็นเมียพ่อเลี้ยงแล้วก็คงไม่ต้องมาทำงานในไร่ให้ร้อนหรอก” หญิงสาวอีกคนที่ยืนเคียงข้างขุนเขาหันมาจีบปากจีบคอพูด “เราไม่ได้…” “พูดอะไรระวังปากหน่อยกระถิน เดี๋ยวพ่อเลี้ยงมาได้ยินเข้าจะเดือดร้อนกันเปล่าๆ…ไปตรงโน้นเหอะสะบันงา อย่าไปฟังคนไม่มีหูรูดเลย” ขุนเขาที่เห็นสะบันงาหน้าเสียจึงดึงข้อมือให้เดินตามออกมา เมื่อทิ้งระยะห่างพอสมควรขุนเขาจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาสะบันงา “ขอบใจนะ” สะบันงาบิดข้อมือออกเบาๆ อย่างเกรงใจ “โทษทีเราลืมตัวน่ะ…ว่าสะบันงาไม่ใช่สะบันงาคนเดิมแล้ว” “หมายความว่าไง ขุนเขาก็เชื่ออย่างที่คนอื่นเชื่อเหรอ” หญิงสาวน้ำตาคลอ เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างขุนเขาก็เชื่อแบบนั้นจริงๆ หรือ…ว่าเธอเป็นเมียลับๆ ของสายลม “เราเข้าใจนะที่สะบันงาได้อยู่บ้านพ่อเลี้ยงก็เพื่อดูแลคุณย่า แต่ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้ว…ทำไม…” “เราไม่ย้ายออกมางั้นเหรอ เราก็เคยบอกแล้วไงว่าเราต้องดูแลคุณอาต่อ” “สรรพนามใกล้ชิดนั่นอีก” “เราไม่อยากอธิบายเรื่องนี้แล้ว เราขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันหลังจะเดินหนีเมื่อเห็นว่าเริ่มพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ขุนเขาไม่อยากปล่อยสะบันงาไปอีกแล้ว ชายหนุ่มสวมกอดเธอจากด้านหลัง “ถ้างั้นคบกับเราได้ไหม เพื่อยืนยันว่าสะบันงาไม่ได้มีอะไรกับพ่อเลี้ยงจริงๆ” “ปล่อยนะขุนเขา” “ยืนยันความบริสุทธิ์ใจสิสะบันงา” “แต่เราไม่ได้รักขุนเขาไปมากกว่าคำว่าเพื่อน” ขณะที่หญิงสาวพยายามสะบัดตัวหนีจากการรัดกุมของขุนเขา อาลานที่มองมาจากทางหน้าต่างห้องของตัวเองก็เห็นราวกับว่าสะบันงากำลังกอดรัดอยู่กับคนในไร่ลับหลังผู้เป็นพ่อ “แพศยาจริงๆ นี่สินะผัวตัวจริงของเธอ” อาลานกอดอกมองการกระทำนั้นอีกสักพักก็รูดหน้าต่างปิด…หญิงร้ายชายชั่ว เธอต้องโดนสั่งสอนถ้ามันคันมากนักเขาก็จะจัดให้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม