คำพูดของซัน เชเอากลับมาคิดไม่ใช่ไม่คิด….
หลังกลับมาถึงห้อง แทนที่เชจะได้นอนหลับอย่างที่ใจคิด กลับกลายเป็นว่าในหัวของเขา มีแต่เรื่องของพี่โปรดอยู่เต็มไปหมด คำพูดของซันยังคงแล่นวนอยู่ในหัว จนเชต้องย้อนถามตัวเองอีกครั้งว่าเขาคิดดีแล้วหรือยังที่รู้สึกแบบนั้นกับพี่โปรด
ชอบไปก็เท่านั้น มีความเสี่ยงว่าจะผิดหวังก็สูง แต่เชก็ยังชอบอยู่ดี ความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เชคิดไปอีกทาง แต่ความรู้สึกกลับสวนทางกัน เขารู้ดีว่าการชอบพี่โปรด มันอาจต้องผิดหวังมากกว่าสมหวัง แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อคนมีรู้สึกไปแล้ว
เชรู้ดีว่าการที่ซันพูดแบบนั้น เพราะความหวังดีล้วน ๆ เพื่อนคงไม่อยากให้เขาเจ็บ เชก็เข้าใจได้ เพราะพี่โปรดเองก็ไม่ใช่เล่น ๆ ใคร ๆ ต่างบอกว่าพี่โปรดใจร้ายกันทั้งนั้น
เชได้ยินชื่อพี่โปรดมานาน กิตติศัพท์ของพี่โปรด เขาได้ยินตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้า แต่พอได้มีโอกาสรู้จักจริง ๆ เชกลับไม่คิดเหมือนอย่างคนอื่น
ความจริงพี่โปรดไม่ได้ใจร้ายเลย อีกฝ่ายก็แค่ใจดีเกินไป จนทำให้คนรอบตัวมักหลงคิดไปเองว่าพี่โปรดมีใจให้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรเลย พี่โปรดก็แค่ใจดี ตามอุปนิสัยของเขา
“คนละสังคมเลยว่ะ” เชพึมพำ ขณะที่เขากำลังนอนไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ พอลบโพสต์ทุกอย่างที่สื่อถึงพี่โปรดออกหมดแล้ว เชก็กดรับคำขอของอีกฝ่าย
เมื่อเราเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กแล้ว เขาก็ไม่รอช้ารีบกดเข้าไปในหน้าโปรโฟล์ของพี่โปรด ดูความเคลื่อนไหว ดูทุกโพสต์ของพี่เขา ไม่ใช่แค่เฝ้าดูแค่โพสต์สาธารณะเหมือนอย่างทุกที
เราเรียนมหา’ลัยเดียวกัน เรียนอยู่คณะเดียวกัน แต่ในโลกออนไลน์ของพี่โปรด เชกลับรู้สึกว่ามันอยู่คนละสังคม พี่โปรดไม่ใช่สายโพสต์สเตตัส บ่นทุกเรื่องบนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะลงรูปไปเที่ยว เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน กับครอบครัวหรือไม่ก็ลงรูปงานที่เคยรับถ่ายแบบเอาไว้
เพื่อนในเฟซบุ๊กของพี่โปรดมีไม่มากนัก จำนวนยอดไลก์รูปของอีกฝ่ายมีเยอะกว่าเพื่อนในเฟซฯ ดูเหมือนพี่โปรดจะไม่ใช่คนรับแอดฯไปทั่ว เพื่อนที่มีร่วมกันส่วนใหญ่มีแต่คนในคณะที่คุ้นตาคุ้นตากันทั้งนั้น ไม่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่เชไม่รู้จักและผู้หญิงสวย ๆ ถ้าไม่อยู่ต่างมหา’ลัย ก็อยู่ต่างคณะกัน
หลังจากวันนั้นเชก็พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองโดยการอ่านหนังสือมากขึ้น เขาอ่านทั้งการ์ตูนและชีตเรียน เนื่องจากใกล้จะสอบแล้ว วันไหนขี้เกียจหน่อยก็นอนดูซีรีส์ เขาทำกิจกรรมทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองเลิกหมกหมุ่นเรื่องพี่โปรด
โชคดีที่ไอ้ซันไม่ได้ชวนเที่ยวอีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายได้ให้คำสัญญาเอาไว้ว่าการเที่ยวครั้งล่าสุดจะเป็นครั้งสุดท้าย หลังสอบเราค่อยว่ากันอีกที โชคดีที่พี่โปรดเองก็ไม่ได้ทักมา ทำให้เชไม่ต้องมาว้าวุ่นอะไร เขาพยายามทำกิจกรรม อยู่กับตัวเองให้มาก ๆ เพื่อที่จะได้คิดเรื่องของพี่โปรดน้อยลง
เชพยายามตัดใจ ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม….
“จะกลับห้องตอนไหนอะ”
“สักพักแหละ อาจจะเที่ยงคืนไม่ก็ตีหนึ่ง….”
“แต่นี่มันสี่ทุ่มแล้วนะ มึงไม่หิวหรือไง”
“ไม่เท่าไร ตอนเย็นเพิ่งกินไป เดี๋ยวอ่านอีกสักชั่วโมงคงเดินไปเซเว่นอะ”
“แล้วมึงอยู่คนเดียวได้ใช่ป่ะเนี่ย”
“ได้ดิ คนอื่นก็อยู่กันเยอะแยะ”
“โอเค งั้นกูไปก่อนนะ ไม่ไหวว่ะ ง่วง”
“เออ ๆ เจอกันพรุ่งนี้” เชเอ่ยลาเพื่อนพอเป็นพิธี ก่อนที่เขาจะกลับมาให้ความสนใจกับหน้าหนังสือต่อ
วันนี้เขากับซันเรามานั่งอ่านหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุดประจำมหา’ลัย เนื่องจากช่วงนี้เริ่มจะใกล้สอบแล้ว ทางมหา’ลัยจึงมีนโยบายเปิดให้บริการห้องสมุดแบบยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อให้นักศึกษามานั่งอ่าน นั่งติวหนังสือกันฟรี ๆ
เพราะเชอยากทำคะแนนให้ดีกว่าที่เคย ทำให้การเตรียมตัวก่อนสอบครั้งนี้ เขามุ่งมั่นเป็นพิเศษ ในช่วงปีหนึ่ง เชเองก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าที่ควร พอเจอสังคมใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่ ๆ ความสนใจทางด้านการเรียนมันก็ลดลง ส่งผลให้ผลการเรียนมันไม่ค่อยน่าภูมิใจเท่าไรนัก ถึงพ่อแม่จะบอกว่าดีแล้ว พวกท่านพอใจแล้ว แต่สำหรับเช เขากลับคิดว่ามันยังไม่ดีพอที่จะภูมิใจ
ขณะที่เชกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้น แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำให้เขาต้องละความสนใจอีกครั้ง เชนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นการแจ้งเตือนของไลน์ มันเป็นของพี่โปรด หัวใจเขาเต้นแรงเพียงแค่เห็นว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมา
จนถึงกระทั่งตอนนี้….แม้เชจะพยายามหมกหมุ่นอยู่กับตัวเองตลอดเวลา แต่พี่โปรดก็ยังมีอิทธิพลกับเขาเสมอ เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าเดิมซ้ำ เพราะความคิดถึงเริ่มทำงาน
แต่ก่อนเชคิดว่าเขาไม่ได้เป็นหนักขนาดนี้ แต่นับตั้งแต่วันที่เราต้องแบกไอ้ซันขึ้นห้องด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกันและถูกพี่โปรดขอไลน์ ขอเบอร์เอาไว้ อาการแอบชอบมันก็ชักจะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเชก็มีพี่โปรดอยู่ในความคิดตลอดเวลา
ตอนแรกก็ว่าจะเพิกเฉยข้อความของพี่โปรด ก้มหน้าอ่านหนังสือหนังหาของตัวเอง แต่จิตใจของเชก็พะวงอยู่แต่กับโทรศัพท์ จนทำให้เขาไม่สามารถอ่านหนังสือได้อย่างรู้เรื่องอีกต่อไป ถ้ายังไม่ได้ตอบไลน์พี่โปรด
‘อยู่ไหนอะ ไปกินข้าวรอบดึกเป็นเพื่อนพี่หน่อยดิ’ นั่นคือข้อความที่พี่โปรดส่งมาหาเช เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่ายไปว่าอยู่ห้องสมุด กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่
‘สี่ทุ่มแล้วนะ ยังอยู่ที่นั่นอีกเหรอ?’
‘งั้นพี่ขอโทรไปหาได้ไหม คุยแป๊บเดียว’
ยังไม่ทันที่เชจะได้ตอบโต้อะไรกลับไป พี่โปรดโทรเข้ามาทันที โชคดีที่เชตั้งเงียบไว้ ทำให้โทรศัพท์ของเขาไม่ได้ส่งเสียงรบกวนนักศึกษาคนอื่น เชมองหน้าโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับสายแล้วพูดกับพี่โปรดเสียงเบา
“ตอนนี้เชกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดอะ คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้”
[แย่จัง แล้วเราไม่หิวเหรอ]
“ถ้าหิวก็อาจเข้าเซเว่นในมอครับ แต่คงไม่ออกไปนอกมอ”
[ก็ได้….แล้วตอนนี้เชอยู่กับเพื่อนใช่เปล่า]
“ไม่ครับ ไอ้ซันเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี่เอง”
[แสดงว่าตอนนี้เราอยู่คนเดียวเหรอ ให้พี่ไปหาไหม?]
“มาทำไมครับ” เชถามอย่างงุนงง
[ไม่รู้ดิ ไปอยู่เป็นเพื่อนรอให้เชอ่านหนังสือเสร็จมั้ง]
“ไม่ต้องเลย พี่โปรดนอนไปเลยครับ จะมานั่งรอเชอ่านหนังสือทำไม” เชรีบปฏิเสธทันที แอบใจเต้นแรงเล็กน้อย เพียงแค่อีกฝ่ายบอกว่าจะมาหากัน
[งั้น….พรุ่งนี้พี่จองตัวเราได้ไหม]
“ครับ?”
[ตอนเย็นวันพรุ่งนี้ ไปกินข้าวกัน]
“เหี้ยเถอะ ใครมันจะตัดใจได้วะ”
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เชก็ทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรง จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะกลับห้องตอนเที่ยงคืน ก็กลายเป็นว่าได้กลับจริง ๆ ตอนตีสอง เหตุเพราะว่าช่วงเที่ยงคืน เขากำลังอ่านหนังสือได้ที่ อ่านอะไรก็เข้าหัวไปหมด จนสุดท้ายเชก็อยู่ในห้องสมุดนานกว่าที่คิด
เชเม้มปากแน่น เมื่อเรื่องของพี่โปรดผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ดูเหมือนการตัดใจของเขาจะเป็นเรื่องยากตอนนี้เชเริ่มอยากจะตัดใจแล้ว แต่ก็ต้องมีเหตุให้ทุกคนพูดถึงรุ่นพี่คนนี้อยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบของพี่เขาหรือรูปหล่อ ๆ ที่พี่โปรดลง
เรื่องราวของพี่โปรดยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตเช….แล้วเขาจะตัดใจได้ยังไง
ไหนจะเรื่องที่พี่โปรดบอกว่าจะมานั่งเป็นเพื่อนกัน ระหว่างรอเชอ่านหนังสืออีก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพราะขนาดไอ้ซันที่เป็นเพื่อนสนิทกันแท้ ๆ ยังขอตัวกลับห้องก่อนเลย แล้วพี่โปรดล่ะ? เราสนิทกันแค่ในวงเหล้า แล้วทำไมอีกฝ่ายต้องมานั่งเฝ้าด้วย
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมของพี่โปรด สำหรับอีกฝ่ายมันก็เป็นแค่ความใจดีที่อยากหยิบยื่นให้ใครสักคน แต่สำหรับคนอื่นมันคือความใจร้ายต่างหาก
ใจดีของพี่โปรด ใจร้ายของคนอื่น
คงไม่มีใครแฮปปี้กับการทำเหมือนมีใจให้ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ได้คิดอะไรด้วย เชก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้ยินดีเลยหากต้องตกอยู่ในสถานะเช่นนั้น มันเหมือนจะมีความสุข แต่มันกลับทำให้ทุกข์ชัด ๆ
“เมื่อวานมึงกลับห้องตอนไหน”
“ให้ทาย”
“เที่ยงคืน”
“ผิด! ตีสอง”
“โห ทำไมอ่านมาราธอนจังวะ อ่านเข้าใจเหรอ”
“ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ กูจะนั่งติดกันนาน ๆ ทำไมตั้งหลายชั่วโมง ปวดก้นฉิบหาย”
“นับถือมึงจริง เทอมนี้จะฟาดเอเลยดิ”
“ถ้าได้ก็ดีอะ แอบหวังอยู่เหมือนกัน” เชพูด ตอนนี้เขากับซันกำลังเดินออกจากห้องเรียนด้วยกัน หลังอาจารย์เพิ่งประกาศเลิกคลาสไปเมื่อสิบนาทีก่อน
“หลังสอบเสร็จไปบ้านกูไหม” ไอ้ซันพูด
“ฮะ? ยโสธรอะนะ”
“เออ ไปเล่นบ้านเกิดกูกัน”
“งั้นช่วยขายจังหวัดตัวเองหน่อย ยโสธรมีอะไรดี”
“กูไง”
“ซัน กูจะอ้วก”
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ คือเดี๋ยวมันจะมีงานบุญบั้งไฟอะ จังหวัดเขาจัดขึ้น มึงอยากลองไปดูขบวนแห่ไหมล่ะ? แม่กูฝากมาชวนมึงเนี่ย อยากให้มึงไปเล่นที่บ้านบ้าง อีกอย่างงานนี้จัดปีละครั้งด้วยนะ”
“บั้งไฟนี่ ใช่อันที่มันเหมือนจรวดไหมวะ ที่จุดขึ้นเพื่อขอฝน” เชถาม เขาเคยอ่านตำนานความเชื่อนี้มาคร่าว ๆ ตอนทำรายงานสมัยมัธยม แต่ก็ไม่ชัวร์เหมือนกันว่ามันใช่อันเดียวกันไหม
“ใช่ ๆ อันนั้นแหละ จะไปไหม?”
“ก็น่าสนใจอะ กูไม่เคยไปเที่ยวแถบอีสานเลย แต่คงต้องดูหลังสอบเสร็จนะ เพราะก็ไม่รู้เลยว่าที่บ้านจะพาไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
“ได้เลยเพื่อน ถ้ายังไงก็บอกแล้วกัน ไปไม่ไปจะได้บอกแม่ไว้” เชพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะถูกซันถามต่อ “แล้วเย็นนี้ไปไหนปะ ไปเดินสยามกัน”
ตอนแรกเชกำลังจะอ้าปากตอบตกลง แต่ใบหน้าของพี่โปรดก็ผุดขึ้นมาในความคิดเสียก่อน เขาจึงได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าสารภาพกับเพื่อนสนิทว่าตัวเองมีนัดกับพี่โปรดแล้ว ใจจริงเชอยากไปเดินสยามกับเพื่อน แต่ก็รับปากรุ่นพี่ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
“ว่าไง?” ซันทวงคำตอบ
“คือ….กูไม่ว่างอะ มีนัดกินข้าวกับพี่โปรด”
“…” เพียงแค่เชพูดชื่อพี่โปรด ซันก็นิ่งไปครู่หนึ่ง นับตั้งแต่วันนั้น….วันที่เชสารภาพกับเพื่อนตามตรงว่ากำลังคิดไม่ซื่อกับพี่โปรด เราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีกเลย จนกระทั่งวันนี้
“เขาโทรมาชวนกูอะมึง กูไม่ได้หาเรื่องไปกับเขา” เชรีบขยายความ
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”
“ก็มึงนิ่งไปอะ กลัวมึงเข้าใจผิด” เขาว่าเสียงแผ่ว
คำเตือนของซันในครั้งนั้น ไม่ใช่ไม่มีความหมายเลย ตรงข้ามกันเพราะคำเตือนของเพื่อนนี่แหละ ถึงได้ทำให้เชตัดสินใจได้สักทีว่าเขาควรจะตัดใจจากรุ่นพี่ได้แล้ว
เพราะอีกฝ่ายคือพี่โปรด….ไปรู้สึกด้วยตัวเองก็เจ็บเปล่า ๆ
“กลัวเข้าใจผิดทำไม กูไม่ใช่เจ้าของชีวิตมึง” ไอ้ซันว่าพร้อมขมวดคิ้ว
“…..”
“แล้วทำไมมึงดูหงอยจัง ไม่ดีใจเหรอ คนที่ชอบชวนมึงไปกินข้าวเลยนะ”
“จะดีใจได้ยังไง ก็กูกำลังตัดใจจากเขาอยู่” เชว่าพร้อมถอนหายใจออกมา
ตอนนี้เชกำลังสับสน วินาทีแรกตอนพี่โปรดบอกว่าขอจองตัวเขาไว้ไปกินข้าวด้วยกัน เชก็ดีใจ แต่พอผ่านได้สักระยะ ความดีใจในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นหนักใจแทน เพราะว่าเขากำลังจะตัดใจจากอีกฝ่าย แล้วถ้าเราไปไหนมาไหนด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ได้เห็นหน้ากันบ่อย ๆ เชก็คงตัดใจจากพี่โปรดไม่ได้
“ตัดใจอะไร? เพราะคำพูดกูเหรอ” ซันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มึง….เพราะกูจริง ๆ เหรอวะ”
“เปล่าหรอก” เชปฏิเสธ เขายืดตัวขึ้น กอดหนังสือและเอกสารประกอบการเรียนไว้แนบอก ก่อนจะพูดต่อ “จริง ๆ กูก็คิดมานานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองรู้สึกกับพี่โปรดมากกว่าพี่น้องแล้วล่ะ”
“…..”
“แล้วพอเราได้คุยเรื่องนี้กัน มันก็ทำให้กูตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็เท่านั้นเอง”
“แม้กูจะไม่เห็นด้วยเรื่องที่มึงชอบพี่โปรด จริง ๆ มึงจะลองดูก่อนก็ได้นะ เผื่อเขาคิดตรงกัน”
“เคยคิดเหมือนกัน แต่ดู ๆ แล้วกูว่ามีความเสี่ยงสูงว่ะ พี่โปรดเขาไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น ที่เขาใจดี…ก็เพราะมันเป็นนิสัยของเขา เขาอาจแค่เอ็นดูกูตามประสาน้องคนหนึ่ง ตามประสาคนที่นั่งเฝ้าโต๊ะด้วยกัน ตามประสาเพื่อนในวงเหล้าเฉย ๆ”
“…..”
“อย่างเราเคยพูดกันไง พี่โปรดก็คือพี่โปรด ใจดีของเขา ใจร้ายของคนอื่น เขาก็คงไม่ได้ปฏิบัติกับกูพิเศษไปกว่าใครหรอก” เมื่อเชพูดจบประโยค รถคันคุ้นตาก็มาจอดหน้าตึกของคณะพอดี มันคือรถของพี่โปรด เชและซันสบตากันครู่หนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องแยกย้ายกัน
“กูไปแล้วนะมึง” เชเอ่ยลาเพื่อน
“เออ ๆ มีอะไรอยากเล่าก็ทักไลน์มานะ”
“เค เจอกันพรุ่งนี้”
หลังร่ำลาเพื่อนเสร็จ เชก็แยกกับซัน เขาเดินลงมาจากตึกตรงไปรถของพี่โปรด ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ดูเหมือนพี่โปรดจะออกจากบริษัทแล้วตรงมาที่นี่ทันที
“สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทายอีกฝ่าย หลังขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“เรียนเพิ่งเสร็จเหรอ”
“อาจารย์เขาปล่อยได้เกือบสิบนาทีแล้วครับ แต่พี่โปรดมาเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย”
“วันนี้ได้ออกกองข้างนอกครับ ทำงานเสร็จเขาเลยให้แยกย้ายเลย ไม่ต้องกลับเข้าบริษัทอีก”
“อ๋อ….”
“จะไปเลยไหม อยากแวะไปไหนก่อนหรือเปล่า”
“ไปที่ร้านอาหารเลยก็ได้ครับ เชเริ่มหิวแล้ว”
ระหว่างทางจากมหา’ลัยไปร้านอาหารที่พี่โปรดว่า เราแทบไม่ได้พูดกันสักประโยค มีแต่พี่โปรดเท่านั้นที่เป็นฝ่ายถามนั้นนี่ ส่วนเชเองก็มีหน้าที่ตอบอย่างเดียว เขาอยากจะหาเรื่องชวนคุยเหมือนกัน พี่โปรดจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเชนั่งนิ่งแบบนี้ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอะไรดี
โชคดีที่ระหว่างการเดินทางพี่โปรดเปิดเพลงคลอในรถด้วย ทำให้บรรยากาศระหว่างเราไม่เงียบจนเกินไป มันไม่ได้อึดอัดเหมือนตอนที่อีกฝ่ายช่วยเชพาซันกลับหอพัก
“เงียบอีกแล้ว”
“ครับ?”
“พี่ไม่รู้จะชวนเชคุยเรื่องอะไรแล้วอะ แล้วเราไม่คิดจะชวนพี่คุยบ้างเหรอ” พี่โปรดว่า ริมฝีปากของเจ้าตัวกำลังยิ้มขณะที่พูดและสายตาของพี่โปรดก็มองรถคันข้างหน้าตาไม่กะพริบ
“อ๋อ….” เชขานรับเสียงแผ่ว พยายามเค้นสมองอย่างหนักว่าจะชวนพี่โปรดคุยเรื่องอะไรดี “แล้วนี่พี่โปรดจะพาเชไปร้านไหนเหรอครับ”
“ร้านอาหารญี่ปุ่นครับ ความจริงพี่ชวนเพื่อนไปด้วยนะ ไปกันหลาย ๆ คนน่าจะสนุก แต่เพื่อนมันไม่ว่างเนี่ยสิ เราเลยต้องไปกันสองคน”
“อา แย่จังเลยนะครับ” เชว่า หากมันเป็นอย่างที่พี่โปรดอ้าง เขาก็คงจะเสียดายมาก ๆ เพราะอย่างน้อยถ้ามีเพื่อนพี่โปรดไปกินข้าวด้วย ตลอดการกินอาหารเชก็คงไม่ต้องนั่งเกร็ง
“แล้วเรียนวันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็เรื่อย ๆ ครับ ช่วงนี้ไม่มีอะไรแล้ว เตรียมอ่านหนังสือสอบอย่างเดียว”
“ใกล้สอบแล้วสินะ” พี่โปรดพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะพูดต่อ “…เพราะงี้ใช่ไหมเชเลยต้องอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เที่ยงคืนก็ไม่ยอมกลับห้องไปนอน”
“ใช่ครับ ใกล้สอบแล้วเลยต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ หน่อย เพราะถ้าทำข้อสอบไม่ได้ เชก็คงเสียดายแย่”
“อย่าลืมพักผ่อนด้วยนะ พี่เป็นห่วง”
ตลอดการกินอาหารญี่ปุ่นร่วมกับพี่โปรด เชไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรนัก หลายครั้งที่เขาไม่ทันได้ฟังคำถามของพี่โปรด สมองโล่งชั่วขณะ มันมีแต่ประโยคที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นห่วงกันดังขึ้นมาในหัวซ้ำ ๆ เคยประหม่ายังไง เชก็ยังประหม่าเช่นนั้น ไม่กล้าสบตาพี่โปรด มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยจนอีกฝ่ายต้องออกปาก
‘เก้าอี้ โคมไฟ ขวดโชยุ มันน่าสนใจมากกว่าหน้าพี่เหรอ ทำไมเราไม่มองเลย’ รู้ว่าพี่โปรดแค่แซวตลก ๆ แต่เชกลับยิ่งรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง
เชอยากกล้ามากกว่านี้ กล้าที่จะชวนคุย กล้าที่จะหยอกล้อ กล้าที่จะสบตากับพี่โปรด เหมือนตอนที่เราเที่ยวกลางคืนด้วยกัน เพราะยิ่งเชประหม่ามากเท่าไร มันก็ยิ่งเผยพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น วูบหนึ่งเขาในความคิดก็อยากสั่งแอลกอฮอล์มากิน ให้อาการแบบนี้หายไปสักครู่หนึ่งก็ยังดี
เชโดนพี่โปรดแซวเรื่องไม่กล้าสบตากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าเราจะกินอาหารมื้อเย็นกันเสร็จ เขาก็โดนพี่โปรดแซวจนพรุนแล้ว
“เชครับ….” ระหว่างที่พี่โปรดกำลังขับรถไปส่งเชที่หอพัก เรากำลังขับรถผ่านร้านสะดวกซื้อด้วยกัน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เรียกชื่อเชออกมา
“ครับ?”
“เรารีบกลับห้องปะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นกินเบียร์เป็นเพื่อนหน่อยดิสักกระป๋อง เครียดว่ะ”
“อา…ก็ได้ครับ”
เมื่อเชตกลงเช่นนั้น พี่โปรดก็รับหน้าที่เป็นคนเดินเข้าไปซื้อเบียร์ในร้านสะดวกซื้อมาสองกระป๋อง ส่วนเขาก็นั่งรออยู่หน้าร้าน ใช้เวลาเพียงไม่นานพี่โปรดก็เดินกลับออกมา อีกฝ่ายทิ้งตัวลง นั่งข้างกัน พี่โปรดเปิดกระป๋องเบียร์ให้เสร็จสรรพ ก่อนจะยื่นมาให้
ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเรา ต่างฝ่ายต่างดื่มเบียร์ของตัวเองอย่างเงียบ ๆ เรามองรถจักรยานยนต์ขับผ่าน นั่งมองหมากัดกันไปเรื่อย เชอยากจะถามพี่โปรดเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเครียดเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าพอจึงต้องรอให้พี่โปรดเป็นฝ่ายพูดมันออกมาเอง
“เชเคยมีแฟนไหม” จู่ ๆ พี่โปรดก็เปิดประเด็นขึ้น นั่นทำให้เชเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะให้คำตอบ
“เคยมีคนคุยครับ เกือบจะได้เป็นแฟนแล้ว แต่เขาต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้คบกัน”
“…..”
“พี่โปรดมีเรื่องเครียดอะไร ระบายกับเชได้นะครับ” พอสบโอกาส เชก็รีบพูดทันที
“แฟนเก่าพี่มาขอคืนดีว่ะ พี่ควรทำยังไงดี?” คำถามของพี่โปรด ทำเอาเชถึงกับอึ้ง เขานึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องความรัก เพราะตอนแรกเชคิดว่าอีกฝ่ายเครียดเรื่องงาน ในขณะเดียวกันนั้นพี่โปรดก็มองไปข้างหน้า สายตาของอีกฝ่ายเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“……”
“คนนี้เขาชื่อหญิง เรียนบัญชี พี่กับเขาเคยคบกันตอนปีสองอะ เชน่าจะไม่ทัน….” พี่โปรดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เราเคยคบได้ประมาณหกเดือน แล้วเป็นพี่บอกเลิกเขาเอง”
“ตอนนั้นก็รู้สึกนะว่าตัวเองตัดสินใจผิดที่บอกเลิกเขาไป บอกเลิกเพราะความงี่เง่าของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้กลับไปขอคืนดีอีก เพราะเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเอง”
“……”
“แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน เราบังเอิญเจอกันอีกครั้ง เขาก็กลับเข้ามาในชีวิตพี่ กลับมาขอคืนดี ขอลองเริ่มต้น ทั้ง ๆ ที่ครั้งนั้นพี่เป็นคนบอกเลิกเขาเองแท้ ๆ เอาจริงพี่ทำตัวไม่ถูกเลยวะ เพราะให้ว่ากันจริง ๆ ตอนเลิกกันครั้งนั้นพี่เป็นฝ่ายผิด พี่งี่เง่าเอง แต่เขาที่เป็นฝ่ายถูกกลับมาขอคืนดีกัน”
“…..”
“เชว่าพี่ควรจะกลับไปคบเขาไหม?” พี่โปรดไม่ได้ถามเปล่า แต่ยังหันมาสบตาเชอีกด้วย
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของพี่โปรดพร้อมกับคำถามหัวใจของพี่เขา หัวใจของเชเต้นช้าลง อันที่จริงมันเต้นช้าลง ตั้งแต่อีกฝ่ายพูดถึงแฟนเก่าแล้ว เขาไม่คิดว่าเลยว่าตัวเองจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักให้กับคนที่แอบชอบ มันทำให้เชทำตัวไม่ถูก
“พ—พี่โปรดจะมาถามผมได้ยังไงครับ ผมเป็นคนนอก…ไม่รู้หรอกว่าความรักระหว่างพี่โปรดกับพี่หญิงมีคุณค่า มีความทรงจำมากน้อยแค่ไหน” เชว่า
เชพูดพยายามพูดเลี่ยง ๆ ให้มากที่สุด ไม่อยากตัดสิน ไม่อยากบอกเป็นคำตอบว่าให้กลับไปคบหรือไม่ให้คบ เพราะถ้าจะให้ตอบอย่างใจจริง
ถ้าคนนั้นไม่ใช่เช เขาก็อยากให้พี่โปรดโสดตลอดไป….
“ถ้าพี่โปรดยังรู้สึกดีกับเขา ยังรักเขาอยู่ เชคิดว่าพี่โปรดคงรู้นะครับว่าควรตอบแบบไหน”
“แล้วพี่ควรตอบแบบไหนดี” พี่โปรดย้อนถามอีก
“พี่โปรดต้องรู้ใจตัวเองสิครับ ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า มีแต่พี่โปรดนั่นแหละที่รู้คำตอบ”
“นั่นสินะ….” พี่โปรดว่าพร้อมระบายยิ้มมุมปากเล็กน้อย “แล้วถ้าพี่ตอบตกลง กลับไปคบกับเขา เชจะรู้สึกยังไง”
“ครับ?”
”เชจะรู้สึกอะไรไหม”
“จะให้รู้สึกอะไรล่ะครับ….เชไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้สักหน่อย”
“นั่นสิ พี่ถามอะไรก็ไม่รู้ เชอย่าถือสาพี่เลยนะ”
เมื่อกลับมาถึงห้อง เชถึงกับต้องนั่งรวบรวมสติ ประมวลเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่งไลน์ ทักไปหาซัน เพราะต้องการที่ปรึกษาและอยากระบายบางอย่างให้เพื่อนฟัง
‘ว่างไหม เดินมาหากูที่ห้องหน่อย มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ด่วน!’
รอไม่ถึงห้านาที หลังจากที่ซันเปิดอ่านข้อความ เสียงเคาะห้องเชก็ดังขึ้น เขาไม่รอช้า รีบเปิดประตูให้เพื่อนเข้ามาในห้องก่อน
“ว่าไงวะ”
“มึง! คือกูแบบ….โอ๊ยจะร้องไห้” จู่ ๆ เชก็เกิดอาการพูดไม่ออก เมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างตัวเองและพี่โปรด เขาอยากจะร้องไห้ออกมาเสียดื้อ ๆ ไวเท่าความคิด…ยังไม่ได้อธิบายให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างไปกินเบียร์หน้าร้านสะดวกซื้อกับพี่โปรด น้ำตาเขาก็ไหลออกมา รู้สึกเจ็บจนหน่วงหัวใจไปหมด
พี่โปรดใจร้ายมาก ๆ กล้าถามเรื่องนี้กับคนที่แอบชอบตัวเองได้ยังไง
“มึง….กูไม่ไหวแล้ว พี่โปรดโคตรใจร้าย ใจร้ายเหี้ย ๆ”
“เชค่อย ๆ เล่าหายใจเข้าลึก ๆ”
“พี่โปรดเล่าให้กูฟังว่าแฟนเก่าเขาชื่อหญิง เคยคบกันตอนปีสอง มาขอคืนดี แล้วเขาก็มาปรึกษากู”
“…..”
“มึงคือตอนนั้นกูอึ้งมาก แบบเอาจริงเหรอวะ จะให้กูให้คำปรึกษาเรื่องนี้จริง ๆ เหรอวะ” เชว่า น้ำตาของเขายังไหลออกมาไม่หยุด
“กูไปต่อไม่ถูกเลยมึง เจ็บจนไม่ไหวแล้ว”
“แล้วมึงคำตอบพี่โปรดว่าไง”
“กูว่าบอกประมาณว่ากูไม่รู้ว่าระหว่างเขากับพี่หญิง ความสัมพันธ์ ความทรงจำมันมีคุณค่ามากแค่ไหน กูให้คำตอบอะไรไม่ได้ จะคบไม่คบก็ขึ้นอยู่กับใจของพี่โปรดว่ายังรักเขาอยู่ไหม”
“ชื่อหญิงเหรอ ใครวะ? กูอยากเห็นหน้าเลย ถามพี่เฟิร์นแป๊บ” ไอ้ซันไม่ว่าเปล่า อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ออกมา กดไล่หาเบอร์ของพี่เฟิร์นแล้วก็ออกไปคุยโทรศัพท์ที่ริมระเบียงห้อง ส่วนเชก็นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ยิ่งพยายามเช็ดออกมากเท่าไร มันก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น
เชอายเหมือนกันที่ต้องร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน แต่มันควบคุมไม่ได้จริง ๆ ขณะที่เขากำลังนั่งเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่นั้น ไอ้ซันก็เดินกลับเข้ามาและคำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้เชต้องขมวดคิ้ว
“มึง….พี่โปรดเขาไม่เคยมีแฟนเก่าชื่อหญิง แฟนล่าสุดที่คบเขาคือตอนมอปลาย”
“มึงบ้าเหรอ พี่โปรดเล่าให้กูฟังอยู่เนี่ย!”
“พี่เฟิร์นเถียงกูเสียงแข็งเลยนะมึง พี่โปรดคบใคร เพื่อนเขาต้องรู้อยู่แล้ว เขาคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ถึงพี่โปรดจะปิดก็ปิดได้ไม่นานหรอก ตอนนี้พี่เฟิร์นท้าให้กูเอาหลักฐานไปฟาดหน้าเขาด้วยเนี่ย”
“…..”
“กูว่ามึงโดนพี่โปรดหลอกแล้ว”