เชตื่นขึ้นมาในช่วงสายวัน ดูเหมือนเขาจะตื่นก่อนพี่โปรด พอลุกขึ้นได้สิ่งแรกที่ทำคือการหันไปมองคนข้างกาย เมื่อเห็นว่าพี่โปรดยังหลับอยู่ เชจึงลงจากเตียง ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้าแล้วกลับมานอนต่อ
แต่ทว่าทันทีที่เท้าเหยียบพื้น วินาทีที่จะก้าวไปข้างหน้า เชก็เกิดอาการเสียหลักกะทันหัน เขาเกือบหน้าทิ่มลงพื้น ยังดีที่จับขอบเตียงไว้ทัน จึงรอดอย่างหวุดหวิด ไม่งั้นคงได้แผลแต่เช้า
เสียงโวยวายและการขยับตัวอย่างแรงของเชจากเหตุการณ์เมื่อครู่ นั่นไม่ต่างจากการปลุกให้พี่โปรดตื่น เพราะหลังจากเขาทรงตัวได้ พี่โปรดก็งัวเงียลุกขึ้นมา
“พี่โปรดนอนต่อเลยครับ เมื่อกี้ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย” เชว่าพร้อมหันไปส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้พี่โปรด ก่อนจะแบกร่างกายตัวเองไปยังห้องน้ำด้วยสภาพทุลักทุเล
หลังปิดประตูห้องน้ำได้ เชก็ถึงกับถอนหายใจออกมา เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบใบหน้า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันกำลังเล่นงานเขา นี่ไม่ใช่เล่น ๆ แล้ว เพราะสะโพกเชกำลังเจ็บ มันเจ็บตอนที่เขาขยับร่างกาย เชถึงกับต้องนั่งตั้งหลักในห้องน้ำ เริ่มคิดหนัก เพราะถ้าเขาเดินแบบนี้ต่อหน้าพี่โปรด มิหวังอีกฝ่ายคงได้สงสัยแน่
พอเริ่มตั้งหลักได้ เชก็ลองเดินวน ๆ ในห้องน้ำดู เขาพยายามหาวิธีเดินที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด จนกระทั่งเจอท่าเดินที่ใช่ ถึงท่าเดินนี้จะเป็นท่าที่ดีที่สุดในบรรดาที่คิดออก มันดูไม่ค่อยแปลกเท่าไรนัก แต่มันก็มีข้อควรระวังเหมือนกัน เพราะถ้าเชเดินเร็ว ๆ มันก็อาจทำให้เจ็บจนส่งเสียงร้องได้
โชคดีที่เมื่อคืนนี้พี่โปรดไม่ได้ทำสัญลักษณ์ใด ๆ ไว้บนร่างกายเขา มันจึงมีแค่อาการเจ็บสะโพกเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนนี้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
เชใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งหาวิธีเดิน ตรวจเช็กตัวเองว่ายังหลงเหลือหลักฐานอะไรไว้หรือเปล่า ไหนจะการแปรงฟัน ล้างหน้าและเมื่อเขากลับออกมาก็เห็นพี่โปรดกำลังนั่งรออยู่ที่เตียง อีกฝ่ายไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใด
ตอนนี้พี่โปรดกำลังนั่งกอดอกอย่างคนใช้ความคิด คิ้วอีกฝ่ายกำลังขมวด เมื่อเชก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ พี่โปรดก็ตวัดสายตามองทันที เชจึงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายหน้าซื่อ เขาเริ่มกังวล กลัวว่าพี่โปรดจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ เพราะเชเห็นอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วแล้วมองไปทั่วเตียงราวกับจะหาร่องรอยอะไรบางอย่าง
“เมื่อคืนนี้…” พี่โปรดพูด อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยจนจบประโยค เหมือนกำลังตบตีกับความคิดตัวเองอยู่
“ครับ?” เชแสร้งทำหน้างง เขาแอบกำมือตัว ก่อนจะตีหน้าซื่อแล้วเอ่ยถามต่อ “เมื่อคืนทำไมเหรอครับ?”
“เมื่อคืน….เราได้ทำอะไรกันไหม” พี่โปรดเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียง สีหน้ายังมีความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม
“อะไรที่ว่า พี่โปรดหมายถึง….?” รู้ทั้งรู้ว่าพี่โปรดหมายถึงอะไร แต่เชก็ยังแสร้งทำซื่อ ไม่รู้ความหมายที่ว่าอยู่ดี
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร….สงสัยพี่ฝันไป”
พี่โปรดไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใด หลังจากที่คุยกันเสร็จอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปรับลมที่ริมระเบียงห้องแล้วกลับเข้ามาที่โซนครัว จึงมีแต่เชเท่านั้นที่นอนขลุกตัวอยู่บนเตียง
“ในตู้เย็นมีของพอทำอาหารได้อยู่ พี่ขอทำอาหารเช้าได้ปะ” พี่โปรดเอ่ยถามขณะที่กำลังยืนสำรวจตู้เย็นของเช
“ตามใจเลยครับ” เชอนุญาติ ก่อนจะเอ่ยถามพี่โปรดต่อ เพราะตั้งแต่อีกฝ่ายตื่นมา เชก็ไม่เห็นพี่โปรดมีอาการปวดหัวเลยแถมยังเดินเหินได้ตามปกติจนน่าสงสัย
“เมื่อคืนพี่โปรดเมาหนักมาก แต่ทำไมเช้านี้ไม่มีอาการแฮงค์เลยอะ”
“…”
“เมื่อคืนเมาจริงปะเนี่ย” เชถามน้ำเสียงติดตลก สายตาของเขายังจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง จึงไม่ทันได้เห็นปฏิกิริยาอีกคน
“เมาจริงดิ แต่พี่เก่งว่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เชได้เห็นพี่โปรดทำอาหาร ปกติเราเจอกันแค่ในสถานที่เดิม ๆ ไม่ในมหา’ลัยก็สถานบันเทิง พอได้เห็นบทบาทอื่น ๆ ชีวิตปกติของพี่โปรด มันจึงแปลกตาอยู่ไม่น้อย เชเพิ่งรู้ว่าพี่โปรดทำอาหารเป็นและดูท่าจะทำเก่งเสียด้วย
เก่งทุกเรื่องจริง ๆ
จากที่กำลังนอนเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างสบายใจ เชก็ต้องหยุด เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างกำลังยืนหันหลังให้
เสียงมีดกระทบเขียงดังขึ้นเป็นระยะ ๆ พี่โปรดกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอย่างขะมักเขม้น อีกฝ่ายทำทุกอย่างอย่างเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่วและไม่มีความลังเลในการปรุงรสอาหาร เพียงแค่พี่โปรดขยับตัว อีกฝ่ายก็สามารถดึงดูดสายตาเชได้อยู่หมัด
เชไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่สามารถทำทุกอย่างได้น่ามองเท่านี้มาก่อน อาจเพราะเขาแอบมีใจให้พี่โปรด มันถึงทำให้ทุกการกระทำอีกฝ่ายมีอิทธิพลต่อเขาขนาดนี้
เชไม่รู้ว่าพี่โปรดทำอะไรกิน แต่ดมจากกลิ่นแล้ว เดาได้ว่าหากอีกฝ่ายไม่ทำแกงจืดก็คงจะเป็นข้าวต้ม เพราะตอนนี้กลิ่นรากผักชี กลิ่นพริกไทย มันกำลังส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้อง ส่งกลิ่นหอมจนเชที่ไม่นิยมกินข้าวเช้า เริ่มหิวตงิด ๆ
“เชลุกมากินข้าวด้วยนะ พี่ทำข้าวต้มไว้เผื่อเราด้วย” ไม่ต้องสงสัยนาน พี่โปรดก็เฉลยอย่างรู้ใจ อีกฝ่ายเอ่ยเรียกเช ขณะที่กำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วย
“ครับ พี่โปรดกินก่อนเลย เดี๋ยวเชลุกไปกิน” เชตอบ
เชกลับเข้ามาสู่ความจริงอีกครั้งและอย่างแรกที่เชต้องทำคือหาทางไล่พี่โปรดกลับบ้านให้ได้ เพราะดูท่าแล้วตอนนี้อีกฝ่ายคงไม่กลับง่าย ๆ ซึ่งยิ่งอีกฝ่ายอยู่นานเท่าไร มันก็ยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้นว่าความลับจะแตก
เพราะเชตัดสินใจไปแล้วว่าจะปกปิดเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ฉะนั้นเขาก็ต้องทำให้สำเร็จ จริงอยู่ที่เชหาท่าเดินแบบไม่ได้ตัวเองเจ็บได้แล้ว แต่เขาไม่อยากเสี่ยงกับเรื่องนี้ เชกับพี่โปรดเราคนละระดับกัน อีกฝ่ายจับผิดเก่ง แค่พลาดไปนิดหน่อยก็อาจถูกจับได้
“อย่าลีลา เราน่ะรีบมากิน เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็นชืดก่อน” พี่โปรดว่า
“ก็เชยังไม่หิวอะ พี่โปรดกินก่อนเลย”
“…..”
“นี่ก็จวนจะเที่ยงแล้วนะครับ พี่โปรดรีบกินก็รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง” รู้ทั้งรู้ว่าพ่อแม่พี่โปรดคงปล่อยแล้ว แต่เชก็ยังเอามาอ้างอยู่ดี เพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะเอาเหตุผลไหนมาพูด
“ลุก ๆ มากินข้าว”
“พี่โปรดก็กินไปสิ กินก่อนเลย เชยังไม่หิว”
“…..”
“พี่โปรด…มีอะไรหรือเปล่าครับ” เชเอ่ยถาม เมื่อพี่โปรดหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมาจ้องหน้าเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
เพราะเชมีความลับ พอถูกรุ่นพี่จ้องหน้าอย่างนั้น เขาก็เริ่มร้อนรนและทำตัวไม่ถูก อยากจะวิ่งเต้นรอบห้อง แต่ก็ทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยใจที่ลุ้นระทึก พยายามไม่แสดงออกถึงความลนลานใด ๆ แต่มือทั้งสองข้างที่กำลังจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น
“เปล่า…” พี่โปรดปฏิเสธด้วยน้ำเสียงปกติ คิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจางหายไปในที่สุด “พี่ก็แค่สงสัยว่าทำไมเราไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงสักที”
“……”
“มันมีอะไรวะ ปกติเชไม่เคยดื้อแบบนี้นี่….แถมเมื่อเช้ายังทำท่าจะทรุด”
“พี่โปรดคิดมากจังครับ ฮ่า ๆ ช—เชก็แค่บอกว่ายังไม่หิวเอง”
“ทำไมล่ะ?” พี่โปรดถามต่อ ยังคงสงสัยเชไม่เลิก “พี่อุตส่าห์ทำข้าวต้มเผื่อ ตักไว้รอแล้วด้วย กินสักช้อนให้คนทำชื่นใจไม่ได้เหรอ”
“…..”
“เชนั่นแหละ รีบเดินมา เราจะได้นั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน”
“เดี๋ยวเชไปกินครับ”
“มาตอนนี้เลย” พี่โปรดพูดเสียงเข้ม
“…..”
“เร็วสิ ทำไม? เรามีอะไรกำลังปกปิดพี่หรือเปล่า”
“ไม่มีครับ!”
“งั้นก็เดินมา” เพราะไม่มีทางเลือก เชจึงต้องจำใจลุกขึ้นจากเตียง เขาขบกรามแน่น ทำสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเดินไปหาพี่โปรด พยายามทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
“แล้วทำไมเราเดินแบบนั้น…..เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น?”
เชรอดพ้นการจับผิดของพี่โปรดมาได้อย่างหวุดหวิด….พี่โปรดถามซ้ำไปซ้ำมาจนเชกลับหลุดพูดไป แต่ก็ยั้งปากไว้ทันถึงรอดมาได้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังส่งพี่โปรดกลับบ้านตัวเองได้เสียที
เมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพังเชก็ใช้เวลานอนเกือบทั้งวัน เพราะเมื่อคืนเขาเพิ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เชนอนยาวจนถึงช่วงเย็น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะมีสายเรียกเข้า พอเห็นว่าเป็นสายของพี่โปรด เชชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับสายทั้งสภาพงัวเงีย
[เช…มีอะไรจะสารภาพไหม?] ประโยคแรกของพี่โปรดก็ทำเอาเชที่ยังง่วง ๆ อยู่ ถึงกับตาสว่างขึ้นมาทันที เขากระเด้งตัวขึ้นจากเตียงโดยอัตโนมัติ ลำคอเริ่มแห้งผาก เกิดอาการพูดไม่ออกกะทันหัน
“…..”
[พี่เจอคลิปบางอย่างในเครื่องตัวเองว่ะ]
“…..”
[เหมือนมือจะไปโดนแล้วถูกอัดพอดี]
“ค—คลิปอะไรเหรอครับ”
[จะให้พี่พูดจริงเหรอเช ต้นเหตุที่ทำให้เชเดินแปลก ๆ แบบนั้นน่ะ] พี่โปรดย้อนถามกลับ อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย หากเป็นในสถานการณ์อื่น เชคงไม่รู้สึกอะไร แต่ในตอนนี้….เขากลับรู้สึกเกลียดมันมากที่สุดจนไม่อยากได้ยินอีก
“…..”
[เราจะเอายังไงดี?]