เชเดาไม่ผิดจริง ๆ…พี่โปรดไม่ได้มานอนค้างแค่คืนเดียวแล้วกลับ แต่อีกฝ่ายวางแผนแล้วว่าจะมาอยู่ที่ห้องเชเป็นอาทิตย์
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก มาเช็กปฏิทินอีกที เชก็เพิ่งรู้ว่าเขาได้ใช้ชีวิตกับพี่โปรดมาร่วมสองสัปดาห์แล้ว จากที่เคยทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางตัวยังไง เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็กลายเป็นความเคยชินและเริ่มเรียนรู้กันและกันมากขึ้น
เพราะเคยเห็นมุมเดียวของพี่โปรดมาโดยตลอด เชจึงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ พอได้มาใช้เวลาร่วมกัน ได้เห็นมากกว่าที่เคยเห็น เขาถึงได้รู้ว่าพี่โปรดไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง อีกฝ่ายก็มีข้อเสีย มีข้อผิดพลาดไม่ต่างจากคนอื่นและข้อผิดพลาดเหล่านั้นก็เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าพี่โปรดยังเป็นมนุษย์
“พี่โปรด ปล่อย”
“ขออีกแป๊บนึง เดี๋ยวพี่จะออกไปแล้ว”
“มาทำงี้ เดี๋ยวเสื้อก็ยับหรอก”
“ไม่เป็นไร พี่ชอบใส่เสื้อยับ ๆ” เสียงเถียงกันไปมาดังขึ้นในช่วงสายของวัน หลังมีสงครามขนาดย่อมระหว่างเชและพี่โปรดเกิดขึ้นบนเตียง
เพราะไม่อยากให้อีกคนต้องใส่เสื้อยับ ๆ ไปฝึกงาน เชจึงต้องจำใจเลิกขัดขืน เขายอมปล่อยให้พี่โปรดทำตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะเป็นการจูบแก้ม ปลายคาง เปลือกตาหรือแม้กระทั่งปากที่ยังไม่ได้แปรง
ตอนนี้พี่โปรดจะต้องออกไปฝึกงานแล้ว แต่เชยังนอนขี้เซาอยู่ ก่อนจะออกไปฝึกงาน อีกฝ่ายจึงแวะมาปลุกก่อนและนี่ก็เป็นวิธีการปลุกแบบพี่โปรด ซึ่งบางครั้งก็นำมาด้วยความวุ่นวาย เพราะมันไม่ได้ทำให้เชตื่นนอนอย่างเดียว แต่บางอย่างก็ตื่นตามไปด้วย….
สิ่งหนึ่งที่เชได้เรียนรู้ หลังจากที่เราได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันนั่นก็คือความมือไวของพี่โปรด อีกฝ่ายมือไวมาก หากวันไหนที่เชไม่ยอมตื่นง่าย ๆ ขี้เซาไม่เลิก จูบก็นิ่ง หอมแก้มแล้วก็ยังไม่ได้ผล อีกฝ่ายก็จะเปลี่ยนมาปลุกเชอีกวิธีหนึ่ง
พี่โปรดชอบสอดมือเข้ามาในขากางเกง เวลาที่เชนอนขี้เซา อีกฝ่ายมักจะลูบไล้ไปมาตามต้นขาของเขาและนั่นจะเป็นการทำให้เชตื่นขึ้นโดยง่าย เพราะเขากลัวว่าเกิดเรื่องวุ่นวายในช่วงเช้า
“ถ้าตื่นแล้วก็รีบลุกไปอาบน้ำนะ กินข้าวเช้าด้วย นมก็ห้าม” พี่โปรดพึมพำ ขณะที่จมูกของเจ้าตัวยังซุกซอกคอเชอยู่ไม่ห่าง
“อืม รู้แล้ว”
“แล้วก็ห้ามลืมด้วยว่าวันนี้เรามีนัด” อีกฝ่ายกำชับ ย้ำเรื่องนัดของเรา
“โอเคครับ”
“งั้นพี่ไปล่ะ รีบลุกล่ะ ไอ้ดื้อ…” สุดท้ายพี่โปรดก็ต้องยอมลุกขึ้นจากเตียง เพราะหากช้าไปกว่านั้น อาจไปถึงบริษัทสายได้
ก่อนจะออกจากห้องไป พี่โปรดก็ยังไม่ลืมที่จะตีบั้นท้ายเชเบา ๆ เพื่อส่งท้ายการปลุก อีกฝ่ายเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเสียงเปิดปิดประตูห้องก็ดังขึ้น….เป็นสัญญาณบอกว่าพี่โปรดได้เดินออกจากห้องไปแล้ว
มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราไปแล้ว ก่อนออกจากห้องพี่โปรดมักจะมาฟัดเชก่อนเสมอ อีกฝ่ายจะมาปลุกเขาให้ตื่นแล้วก็ออกไปฝึกงาน ทิ้งให้เชนอนใจหายอยู่คนเดียว
ตอนนี้เหลือแค่เชที่ยังใช้ชีวิตอยู่ที่หอ ส่วนไอ้ซันที่เป็นเพื่อนสนิทก็ได้หนีกลับบ้านเกิดไปแล้ว เชคิดอยู่เหมือนกันว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เขาจะกลับบ้านบ้าง ดีไม่ดีก็อาจแวะไปเที่ยวบ้านเกิดไอ้ซันต่อ เชวางแพลนไว้ในหัวแล้ว แต่เขายังไม่บอกพี่โปรดเลย
ช่วงนี้เราอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา เว้นเสียแต่ตอนที่พี่โปรดต้องออกไปฝึกงาน การใช้ชีวิตที่หอในช่วงปิดเทอม ของเช มันหนีไม่พ้นการนอนดูหนังและเล่นเกม ทำอะไรไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย หากเป็นอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด เชก็จะเล่นเกมกับเพื่อนแบบโต้รุ่ง ตื่นตอนกลางคืนนอนตอนกลางวัน ใช้ชีวิตต่างจากตอนเปิดเทอมอย่างสิ้นเชิง
แต่ปิดเทอมนี้ เชไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้แล้ว เพราะพี่โปรดไม่ยอม… อีกฝ่ายไม่ชอบเวลาที่เชนอนดึกและไม่โปรดปรานเวลาที่ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นเชยังนั่งเล่นเกมอยู่
เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเดียวที่พี่โปรดไม่เคยอ่อนข้อให้ นั่นทำให้เชต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนเสียเอง เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกับอย่างสันติ
เรามีการตั้งกฎขึ้น พี่โปรดจะให้เชเล่นเกมทั้งวันและทุกอย่างจะสิ้นสุดลงตอนเที่ยงคืน อีกฝ่ายจะให้เวลาเชหนึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำ แต่งตัวแล้วให้กระโดดขึ้นเตียงก่อนตีหนึ่ง
หลายวันไม่มีปัญหาอะไร แต่บางวันเชก็ดื้อ เวลาที่เขาอิดออดไม่ยอมปิดคอมฯเพราะอยากเล่นเกมกับเพื่อนต่อ พี่โปรดก็จะมาปิดคอมฯให้ อีกฝ่ายจะมาอุ้มเชถึงเก้าอี้ อุ้มฟาดบ่าตบก้นเพื่อลงโทษหนึ่งทีแล้วก็พาเข้านอนโดยไม่ต้องอาบน้ำอีก
บางครั้งเชก็แอบคิดว่าพี่โปรดคือพ่อคนที่สอง จะว่าใจดีก็ใจดี จะว่าดุก็ดุ นิสัยแบบนี้คือพ่อของเชชัด ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะพี่โปรดนี่แหละ ปิดเทอมครั้งนี้เขาถึงหน้าหน้าใสกว่าทุกครั้ง นอนดึกนับครั้งได้และกลายเป็นเด็กอนามัยโดยปริยาย
เชเพิ่งรู้ว่าพี่โปรดมีคอนโด ก่อนหน้าที่จะมาค้างด้วยกัน อีกฝ่ายมักจะนอนที่คอนโดและบ้านสลับกันไปมา เพราะพักนี้พี่โปรดต้องฝึกงาน คอนโดมันใกล้บริษัทมากกว่าที่บ้าน วันปกติพี่โปรดจึงจะที่ค้างที่คอนโด ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดพิเศษ อีกฝ่ายถึงจะกลับบ้าน
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เชก็นั่งกินข้าวเช้าต่อพร้อมนมหนึ่งแก้ว โดยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปส่งไปรายงานพี่โปรด เพราะเขารู้ว่ายังไงอีกฝ่ายต้องทักมาถาม
หลังจากกินข้าวเสร็จกิจกรรมต่อไปก็คือการนอนขลุกอยู่ที่เตียง ดูnetflixหลายชั่วโมงติดกัน เชทั้งดูหนังและสารคดีสัตว์สลับกันไปมา พอรู้สึกหิวอีกเขาก็ลุกขึ้นมากินข้าวซ้ำอีกรอบ ก่อนจะงีบกลางวันโดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้
เชนอนกลางวันยาวตั้งแต่บ่ายจนมาถึงทุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของพี่โปรดพอดี พอได้เวลาเขาก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่ ตั้งใจจะออกไปรอพี่โปรดที่ห้าง เพราะวันนี้เรามีนัดซื้อของเข้าห้องกัน
“เราต้องซื้ออะไรบ้างนะ” พี่โปรดเอ่ยถาม หลังอีกฝ่ายฝ่ารถติดในกรุงเทพ เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้หอเชได้สำเร็จ
“เดี๋ยวเราต้องซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำครับ อ้อ!แล้วก็พวกสบู่ แชมพูด้วย” เชไล่รายการของที่เขาเช็กแล้วว่ามันกำลังจะหมดในไม่กี่วันนี้ให้พี่โปรดฟัง
“อืม พวกของกินล่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับแล้วเอ่ยถามต่อ
“เดี๋ยวเราซื้อแค่พวกเนื้อสัตว์กับผักเข้าไปก็พอครับ พวกเครื่องปรุงที่ห้องก็ยังเหลือ ส่วนพวกของกินจุกจิก เราค่อยแวะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อเอา แล้วพวกข้าวสารยังเหลือนะครับ ไม่ต้องซื้อเพิ่ม”
“โอเค” เมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่โปรดรับคำสั้น ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินไปเอารถเข็น แล้วราก็เริ่มเลือกซื้อของใช้ด้วยกัน
การมาเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้า เป็นกิจกรรมที่เชโปรดปรานมากที่สุด รองลงมาจากการเล่นเกมหรือดูหนัง เป็นกิจกรรมที่เขามักจะใช้เวลากับแม่เวลาที่กลับบ้าน
เชสามารถทำสิ่งนี้ได้เป็นชั่วโมง ขลุกอยู่ในห้างได้ทั้งวัน หยิบนั่น ดูนี่ไปเรื่อย ยิ่งพวกเครื่องปรุงวัตถุดิบของต่างประเทศ เชยิ่งชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเขาอยากรู้ว่าชาวต่างชาติใช้อะไรบ้างในการทำอาหาร
“พี่โปรด อย่าเพิ่งนะ”
“หืม?”
หลังจากเราเดินออกจากแผนกพวกข้าวของเครื่องใช้เรียบร้อยแล้ว เชดึงชายเสื้อพี่โปรดเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายกำลังพาเขาไปเลือกดูพวกผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์
“เชอยากได้ผงโกโก้กับน้ำขิงอะ” เชพึมพำพร้อมชะเง้อหน้าไปมา พยายามมองหาและเดาว่าแผนกพวกเครื่องดื่มแบบชงมันวางขายแถวไหน
“เรากินน้ำขิงด้วยเหรอ”
“กินครับ เชว่าน้ำขิงมันเผ็ดดี กินแล้วสะใจ” เชว่า
เขาชอบชงน้ำขิงดื่มตอนตัวเองเป็นหวัด เพราะน้ำขิงมันมีฤทธิ์ร้อน แถมยังมีรสชาติเผ็ดนิด ๆ ทำให้เวลาดื่มตอนป่วย มันช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ชอบเผ็ด ๆ ก็ไม่บอก”
“ครับ? พี่โปรดหมายถึงอะไร”
“เรานั่นแหละคิดอะไร พี่หมายถึงรสชาติน้ำขิง”
“อ๋อ…”
อีกสิ่งหนึ่งที่เชเพิ่งรู้วันนี้นั่นก็คือพี่โปรดกินผักเก่งมาก หลังจากได้ผงโกโก้และน้ำขิงมาครอบครองแล้ว เชก็พาพี่โปรดมาเลือกซื้อพวกผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ต่อ ก่อนจะออกไปจ่ายเงิน พี่โปรดก็ยังแวะไปตักสลัดที่คิดเงินเป็นขีดเพิ่มอีก ทั้ง ๆ ที่วันนี้เราซื้อผักเข้าห้องเยอะมาก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชื่นชอบพวกผักมากเป็นพิเศษและนี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พี่โปรดผิวดีขนาดนี้
“กินด้วยไหม พี่จะได้ตักเผื่อ” ขณะที่พี่โปรดกำลังยืนตักสลัดอยู่ อีกฝ่ายเอ่ยถามเชที่กำลังยืนเฝ้ารถเข็น
“ไม่เอา เชไม่ชอบกิน” เชรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เพราะไม่ได้โปรดปรานอาหารเฮลตี้เท่าไรนัก เขากินผักได้ แต่ไม่ได้ชื่นชอบจนถึงขั้นกินเป็นขีด ๆ แบบพี่โปรด
“แต่ผักมันดีต่อสุขภาพนะ กินสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี” พี่โปรดว่า อีกฝ่ายหยุดตักแล้วหันมาจ้องหน้าเช
“งั้นเดี๋ยวเชกินกับพี่โปรดนั่นแหละ ไม่ต้องตักเผื่อเยอะนะ”
“ดีมาก”
เราเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าจนห้างใกล้ปิด หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ออกมากินอาหารข้างนอกต่อ มันเป็นมื้อเย็นของเรา เราเลือกที่จะกินร้านอาหารอีสานใกล้หอ หลังจากกินเสร็จก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้อต่อ ซื้อพวกน้ำเปล่า นมสดและขนมขบเคี้ยวเอาไว้กินตอนเล่นเกม
เมื่อเลือกซื้อของเสร็จจังหวะที่จะจ่ายเงิน เชก็ดันเหลือบไปเห็นโบรชัวร์ติ่มซำที่ถูกแปะไว้พอดี พอเขาเห็นก็เกิดอาการอยากกินขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ เชที่เพิ่งกินข้าวไปไม่ถึงชั่วโมงนี่เอง
“พี่ครับ เอาขนมจีบปูสองไม้ด้วยนะครับ” พอรู้ว่าตัวเองอยากกิน เชก็ไม่รอช้า เขารีบเอ่ยปากสั่งพนักงาน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ” พนักงานว่า ก่อนจะเช็กของที่หลังเคาน์เตอร์ แต่ขนมจีบปูที่สต็อกไว้หมด เธอจึงวิ่งเข้าไปเช็กของที่หลังร้านให้ นั่นทำให้หน้าร้านเหลือเชและพี่โปรดยืนอยู่สองคน
“พี่โปรดมองไรอะ” ระหว่างที่รอพนักงานไปเช็กของให้ เชก็เอ่ยถามพี่โปรด หลังเขาเห็นอีกฝ่ายกำลังยืนจ้องอะไรบางอย่างที่หน้าเคาน์เตอร์
พี่โปรดไม่ได้หันมาตอบในทันที อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่งถึงยอมหันกลับมา มองกันคราวนี้สายตาพี่โปรดดูแพรวพราวจนเชชักไม่ไว้ใจ เขารู้สึกแปลก ๆ กับสายตาของอีกฝ่าย
“เชว่าพี่ควรใช้มันปะ” สัญชาตญาณเชไม่เคยผิดพลาด… หลังพี่โปรดพูดจบประโยค อีกฝ่ายก็ปรายสายตา มองไปยังชั้นที่จำหน่ายพวกถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น
“จ—จะไปรู้เหรอ” เชตอบ ตกใจเล็กน้อยที่พี่โปรดถามอะไรไม่เข้าเรื่อง เขาได้แต่โอดครวญในใจว่าโดนพี่โปรดเล่นเข้าให้แล้ว
“แล้วเชชอบแบบไหน” บอกว่าไม่รู้ พี่โปรดก็ยังไม่ยอมจบเหมือนเดิม อีกฝ่ายเอ่ยถามต่อ สายตาดูสนุกทุกครั้ง เวลาที่แกล้งเชได้
“ไม่รู้”
“จะไม่รู้ได้ไง พี่เอาไปให้กับเชเนี่ย”
“อีพี่โปรด” สุดท้ายเชเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างสุดจะทน แล้วพอเขาเรียกเช่นนั้นพี่โปรดก็ระเบิดหัวเราะออกมา ไม่มีแม้แต่ท่าทีจะโกรธเคืองแถมยังทำเหมือนชอบใจด้วยซ้ำที่ถูกเรียกแบบนั้น
“ถึงขนาดขึ้นอีกับพี่เลยเหรอเช”
“ก็ดูพี่ถามดิ เลิกแกล้งได้แล้ว กดเปิดประตูรถให้เชด้วย” เชเอ่ยเสียงแข็งแสร้งทำหน้าบึ้ง ก่อนจะรีบเดินออกจากร้านด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เขาตัดสินใจกลับไปนั่งรอที่รถ แล้วปล่อยให้พี่โปรดอยู่ในร้านสะดวกซื้อเพียงลำพัง
พี่โปรดใช้เวลาเพียงไม่นานในการจ่ายเงินแล้วหิ้วของออกมา นอกจากถุงของที่เราซื้อด้วยกันแล้ว อีกฝ่ายยังเดินกลับมาพร้อมกับถุงของเล็ก ๆ อีกหนึ่งใบด้วย
หลังวางของที่หลังรถเสร็จ พี่โปรดก็เดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับ เชสังเหตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้วางถุงเล็ก ๆ รวมกับถุงของอื่น ๆ แต่กลับถือแยกขึ้นมาบนรถ
เมื่อเข้ามานั่งข้างใน พี่โปรดก็โยนเจ้าถุงเล็ก ๆ นั่นมาไว้ที่คอนโซลรถฝั่งเช เพราะปากถุงมันอ้าออก ทำให้เชเห็นว่าพี่โปรดซื้ออะไรมาเพิ่มแล้วทำไมมันต้องแยกถุง พอเขาเห็นว่าเป็นอะไร เชก็ต้องเบิกตากว้าง ตอนแรกที่ถามในร้านสะดวกซื้อ เชเข้าใจว่าพี่โปรดแค่พูดหยอกเล่น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่
พี่โปรดเอาจริง….
เพียงแค่เห็นของที่ซื้อมาเพิ่มเติม เชก็แอบจิกสายเบลท์โดยอัตโนมัติ เพราะสิ่งที่พี่โปรดซื้อมาเพิ่ม มันคือถุงยางสามกล่องและเจลหล่อลื่นอีกหนึ่งหลอด….
“เป็นอะไร เงียบเชียว” พี่โปรดเอ่ยถาม ขณะที่เรากำลังช่วยกันขนของที่ซื้อมาลงจากรถ
เชไม่ได้แปลกใจที่ถูกถามเช่นนั้น เพราะตั้งแต่จากร้านสะดวกซื้อมาจนถึงหอพัก เราไม่ได้พูดกันเลยสักประโยค จู่ ๆ ก็เงียบใส่กันอย่างไร้สาเหตุ อันที่จริงมันเป็นตั้งแต่ตอนกลับขึ้นมาบนรถแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เชเห็นเจ้าถุงยางสามกล่องนั่น…
เชไม่ได้เงียบไป เพราะโกรธที่พี่โปรดซื้อมันมา เขาก็แค่กำลังทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่เห็นกล่องถุงยางนั่น เชก็เอาแต่คิดถึงเรื่องอย่างว่า เขาเอาแต่คิดว่าวันนี้พี่โปรดจะทำมันจริงเหรอหรือแค่ซื้อไว้เฉย ๆ แล้วถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะะทำ เชควรให้หรือปฏิเสธดี
จู่ ๆ ก็เกิดความสับสนขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเชต้องมาคิดเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ กลับกลายเป็นว่าเขามากังวลเรื่องนี้แล้วเผลอไปเงียบใส่พี่โปรด จนอีกฝ่ายต้องเอ่ยปากถาม
เรื่องเซ็กส์…เชเคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไกลตัวเขามาโดยตลอด เพราะวัน ๆ ถ้าไม่อ่านหนังสือ เล่นเกมหรือดูหนัง เชก็เอาแต่อยู่กับเพื่อน สังสรรค์กับรุ่นพี่ในคณะบ้างตามประสา….จนกระทั่งได้มารู้จักกับพี่โปรด ได้มาอยู่ในสถานะมากกว่าที่เราเคยเป็น เขาถึงตระหนักได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ไกลตัวเลย ตรงข้ามกันมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่…ทุกเวลา…
หรือแม้กระทั่งสิบนาทีต่อจากนี้….
เชชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อหลังจากที่เราช่วยกันขนของลงจากรถเสร็จ เขาก็เห็นพี่โปรดเดินอ้อมไปทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูรถแล้วหยิบถุงใบเล็กที่ด้านในบรรจุพวกถุงยางและเจลหล่อลื่นออกมา อีกฝ่ายคล้องใส่ข้อมือตัวเอง ก่อนจะเดินอ้อมกลับมา หมายจะช่วยกันหิ้วถุงของใบใหญ่ขึ้นห้อง
“…..”
“เป็นอะไร” พี่โปรดเอ่ยถามอีกครั้งด้วยคำถามเดิม หลังครั้งแรกเชไม่ได้ตอบอีกฝ่ายและตอนนี้เขากำลังยืนจ้องหน้าพี่โปรดอย่างเงียบ ๆ ใจมันอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
“เปล่าครับ” สุดท้ายเชจึงเลือกที่จะปฏิเสธ
“เชมาถืออันนี้มา เดี๋ยวอันนั้นพี่ยกเอง” พี่โปรดว่า อีกฝ่ายจะให้เราสลับหน้าที่กัน หลังเชกำลังจะยกน้ำดื่มแพ็กใหญ่ไปที่ลิฟต์
พี่โปรดวางถุงของที่มีน้ำหนักเบา ๆ ลง แล้วเดินตรงเข้ามาตั้งใจจะแย่งแพ็กน้ำดื่มออกจากมือเช จังหวะเดียวกันนั้นจึงทำให้มือของเราสัมผัสกัน มันเหมือนไฟฟ้าสถิต แค่มือเราแตะกัน เชก็เผลอสะดุ้ง เขารีบขยับตัวออกห่างพี่โปรดโดยอัตโนมัติ
“เช….พี่จะถามเป็นครั้งสุดท้าย เป็นอะไร” พี่โปรดถามย้ำอีกครั้งเป็นรอบที่สาม คราวนี้อีกฝ่ายถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
“พี่ถือว่าพี่ถามเราแล้วนะ” อีกฝ่ายกดเสียงเข้ม ถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ…ไม่มีอะไรจริง ๆ”
พอเชว่าเช่นนั้น พี่โปรดก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ อีกฝ่ายคงถือว่าถามแล้ว เปิดโอกาสให้เชได้พูดแล้ว แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดเอง
เมื่อไม่มีอะไรจะคุย เราสองคนจึงช่วยกันขนของขึ้นมาบนห้อง หลังขนขึ้นมาครบ เชก็รับหน้าที่นำของที่เพิ่งซื้อมา เอาไปจัดเรียงไว้ในที่ของมัน ระหว่างที่กำลังจัดของ เชก็ไล่พี่โปรดให้ไปอาบน้ำ เขาอยากให้อีกฝ่ายได้สดชื่นเร็ว ๆ เพราะวันนี้นอกจากจะฝึกงานเหนื่อย ๆ มาทั้งวันแล้ว พี่โปรดยังต้องมาช่วยเชซื้อของใช้เข้าห้องอีก
หลังจากจัดของเข้าตู้เสร็จ เชก็มานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เขาดูนั่น ดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่ในหัวก็ยังถึงเรื่องนั้นไม่หยุด มันก่อกวนสมาธิจนเชต้องนั่งตั้งหลัก เขาต้องคุยกับตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็เกิดและหยุดคิดเรื่องนี้เสียที ทำอย่างกับว่านี่มันเป็นครั้งแรกของเราไปได้
นั่งตั้งสติพูดกับตัวเองได้ไม่เท่าไร พี่โปรดก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เชจึงปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย พี่โปรดไม่เคยแต่งตัวในห้องน้ำ ครั้งนี้ก็เช่นกัน อีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องยน้ำด้วยสภาพที่ใส่แค่เสื้อคลุมและผมที่ยังเปียก ๆ อยู่
เพียงแค่เชปรายตามอง เราก็ได้สบตากันด้วยความไม่ตั้งใจแล้วพออีกฝ่ายเห็นว่าเขากำลังมองอยู่ พี่โปรดก็ยักคิ้วใส่ ขณะที่กำลังสบตา อีกฝ่ายเอียงคอเล็กน้อยยกยิ้มมุมปาก ทำสายตาเชิญชวนเหมือนกำลังจะชวนให้ทำอะไรบางอย่างด้วยกัน
หากเป็นคนอื่นทำเช่นนั้นอย่างเช่นไอ้ซัน เชคงหลุดหัวเราะออกมา เพราะมันเหมือนอีกฝ่ายกำลังแสดงละครสักเรื่อง แต่ในตอนนี้เขากลับหัวเราะไม่ออก มิหนำซ้ำเชยังหายใจติดขัดอีกด้วย
พี่โปรดเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูด ทุกการกระทำของอีกฝ่าย มันน่ามองไปเสียหมด แม้กระทั่งการยืนจิบน้ำหรือแค่ยืนมองอะไรบางอย่างก็ล้วนน่าทิ้งสายตาไว้กับผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น อาจเพราะอีกฝ่ายดูดี ทุกอย่างมันจึงดูรับส่งกันไปหมด ตอนนี้พี่โปรดกำลังยั่วเช เขารู้ แต่ไม่คิดจะเดินตามเกมนั้น…แล้วถ้าถามว่าอีกฝ่ายยั่วขึ้นไหม เชก็จะบอกว่าขึ้น….
“รีบแต่งตัวได้แล้วครับ” เชว่า เขากะพริบตาถี่เพื่อเรียกสติตัวเอง ไม่อยากให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนอย่างครั้งแรกของเรา
ที่เขาไม่รู้จักความยั้บยั้งชั่งใจ….
“ก็ได้…” พี่โปรดรับคำ อีกฝ่ายยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย พี่โปรดมองเชอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเดินไปแต่งตัวตามคำสั่งของเช
วันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน เพราะเรามีการทำกิจกรรมร่วมกัน นั่นก็คือการนอนดูnetflix มันเป็นกิจกรรมที่พี่โปรดเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาเอง เพราะอีกฝ่ายอยากให้เรามีกิจกรรมร่วมกันบ้าง นอกจากการนอนร่วมเตียงกันเฉย ๆ ซึ่งเชก็ไม่ได้คิดติดขัดอะไร
หลังพี่โปรดแต่งตัวเสร็จ อีกฝ่ายก็เดินถือแม็กบุ๊กมาที่เตียง สุ่มดูหนังด้วยกันสักเรื่อง ขณะที่กำลังเริ่มดู ไฟทั้งห้องถูกปิดลง ทำให้เหลือเพียงแค่แสงสว่างจากหน้าจอคอมฯเท่านั้น
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่ดูหนังเราก็นอนข้างกัน ตอนนี้เชได้เลิกคิดเรื่องนั้นไปแล้ว ในที่สุดเขาก็สลัดเรื่องอย่างว่าออกจากหัวได้สำเร็จ เพราะจากที่คำนวณไว้ หลังจากที่เราดูหนังเสร็จ เราก็คงจะนอน มันจะไม่มีเลยเถิดจนชวนทำให้เกิดบรรยากาศทำเรื่องอย่างว่าแน่....
…แต่เชคิดผิด
เพราะเราเลือกดูหนังรักโรแมนติก มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะไม่มีฉากเข้าพระเข้านาง ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ….มีแค่ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอคอมเท่านั้นที่กำลังเด่นชัดอยู่
เชแอบกัดริมฝีปากเล็กน้อย เมื่อพระเอกและนางเอกกำลังเริ่มจูบปากกันแบบดูดดื่มและหวานชื่น เสียงริมฝีปากของสองนักแสดงที่เคล้ากันไปมาดังขึ้นเป็นระยะ ๆ มันยาวนานกว่าที่เชคิดและดูจะเลยเถิดไปมากกว่าการจูบด้วย
เพียงเท่านั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมเราทั้งคู่ เชสังเกตเห็นว่าพี่โปรดเว้นจังหวะหายใจไปครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันตัวเขาเองก็กำลังหายใจผิดจังหวะ…
จู่ ๆ ความรู้สึกแปลก ๆ ก็เกิดขึ้น มันมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและมาเร็วกว่าที่คิด ตอนนี้เชไม่กล้าหันไปมองหน้าพี่โปรดด้วยซ้ำ เขาเลือกที่จะไม่ดูฉากวาบวามในหนังรัก แต่มองไปทางอื่นแทนอย่างเช่นกำแพงห้องสีขาวที่เชกำลังตัวชิดกับมันอยู่ ในขณะที่เชกำลังมองไปทางอื่น มือข้างหนึ่งของเขาก็แอบกำผ้าห่มแน่น เริ่มคิดว่าจะทำยังไงดี ให้บรรยากาศแบบนี้ถูกพังลง
“พี่โปรด เชอยากดูการ์ตูน” เชตัดสินใจพูดออกไป เขาคิดแค่ว่าหากเราเปลี่ยนไปดูการ์ตูน เปลี่ยนไปดูการ์ตูนตลก บรรยากาศแบบนี้มันจะถูกพังลง
“เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวค่อยดูต่อจากเรื่องนี้แล้วกัน” นานเกือบนาทีกว่าพี่โปรดจะพูดออกมา อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป ถึงมันจะเปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย แต่เชก็สัมผัสได้อยู่ดี
“เช…” จู่ ๆ พี่โปรดก็เรียกชื่อเขา
“ครับ?”
“พี่…อยากได้ว่ะ” พี่โปรดพูดเสียงแผ่ว คราวนี้อีกฝ่ายหันมามองหน้าเช ด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว….
เหมือนตอนคืนที่เมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“อยากอะไรเหรอครับ” เชถามต่อ เขาแสร้งไม่รู้เรื่องทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าพี่โปรดกำลังพูดถึงอะไรแล้วพอเชถามกลับเช่นนั้น อีกฝ่ายก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดประโยคที่อ้อมค้อมแต่ยังสื่อความหมายเหมือนเดิม
“พี่….อยากใช้ถุงยางด้วย” พี่โปรดไม่ว่าเปล่า แต่ยังขยับตัวเข้ามาใกล้ เอาใบหน้าหล่อ ๆ ของเจ้าตัวซุกแถวซอกคอเชราวกับจะอ้อนกันซึ่งมันทำให้คนถูกอ้อนถึงกับใจละลาย จนอยากจะเผลอไผลให้อีกสักครัง้
“พี่โปรดพูดเล่นหรือพูดจริง?” เชถาม
“พูดจริง”
“แล้ว….จะเป็นอะไรไหม ถ้าผมไม่ให้” พอเชพูดเช่นนั้น พี่โปรดก็ชะงัก อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ คล้ายกับคนปลง
“ไม่เป็นไร ถ้าเชไม่ให้….เรานอนกอดกันเฉย ๆ ก็ได้”
ไม่มีการรบเร้าเกิดขึ้น….พอเชปฏิเสธเช่นนั้น พี่โปรดก็ยอมถอยทัพแต่โดยง่าย ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรทั้งนั้นซึ่งมันผิดจากที่เชคาดการไว้มากโข
“พี่โปรดโกรธเชไหมเนี่ย?”
“เรื่องอะไร”
“ก็….เรื่องที่เชไม่ให้”
“แล้วทำไมต้องโกรธ” อีกฝ่ายย้อนถาม
“ก็….ขัดใจพี่โปรดไง”
“พี่เคยทำนิสัยแบบนั้นกับเราเหรอ เราไม่ได้ยอมพี่ทุกเรื่องสักหน่อย ขัดใจเป็นว่าเล่นเลย…” พี่โปรดว่า ใบหน้าของอีกฝ่ายจึงทิ้งน้ำหนักไว้ที่ไหล่ของเช
“…..”
“พี่ก็แค่ลองขอเฉย ๆ ถ้าวันนี้เชไม่โอเค ไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร”
“แน่นะ” เชถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
จริง ๆ คืนนี้เชจะให้พี่โปรดก็ได้ แต่เขาไม่อยากจะให้เฉย ๆ ไม่ได้จะกวนอีกฝ่ายหรือมีเหตุผลบางอย่างในใจ มันก็เป็นแค่อารมณ์ที่ไม่อยากให้เท่านั้น
แต่ถ้าพี่โปรดขอวันอื่นก็ไม่แน่…
“แน่ดิ” พี่โปรดยืนยัน
“…..”
“จะมีอะไรกัน มันก็ต้องยินยอมกันทั้งคู่สิ”
“…..”
“เชไม่พร้อม ไม่อยากทำ พี่ก็ไม่ทำ” พี่โปรดพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เชสัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้นแล้วมันทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา เพียงเพราะคิดว่าพี่โปรดกำลังน่ารัก
“พูดน่ารักจังครับ” เชเอ่ยชม
“….”
“ไว้วันอื่นนะพี่โปรด แต่คืนนี้เชไม่อยากให้จริง ๆ”
“อืม” พี่โปรดตอบรับอย่างว่าง่าย
“งั้นเดี๋ยวให้รางวัลปลอบใจ เอาไหม?” เชถาม
“จะให้อะไรพี่?” เชไม่ตอบคำถามนั้น แต่เขาเป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบพี่โปรดก่อน เขาบรรจงจูบลงบนริมฝีปากของพี่โปรดเพียงแผ่วเบา มันไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนในหนังที่เราเพิ่งดูไป แต่เชให้ด้วยความเต็มใจ
มันเป็นจูบที่เขาอยากจะให้เป็นรางวัล เชบรรจงจูบด้วยความรู้สึกทั้งหมดของเขาและจังหวะที่กำลังจะผละออก พี่โปรดก็เป็นฝ่ายรั้งและประคองหน้าเขาไว้เสียเอง
“อ้าปาก” อีกฝ่ายสั่งเบา ๆ มันเป็นประโยคเพียงสั้น ๆ แต่กลับให้เชรู้สึกเขินจนอยากเป็นบ้า
เขายอมเชื่อฟังพี่โปรด ยอมทำตามคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข ยอมให้พี่โปรดสอดลิ้นเข้ามา สำรวจโพรงปากของเขาอย่างเต็มใจ เพราะถือว่านี่เป็นรางวัลความน่ารักของพี่โปรด