กริ๊ก!
“พระเพื่อน!”
ผมเปิดประตูด้วยความรีบร้อนแล้วก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่เพราะคนที่เคยอวดเก่งมาตลอดไม่เคยให้ใครเห็นน้ำตาของเธอเลยสักครั้งกำลังนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่พื้นมุมห้อง ดูก็รู้ว่าเธอหวาดกลัวเหมือนที่พระแพงบอกจริง ๆ ที่สำคัญผมได้เห็นน้ำตาของเธอเป็นครั้งแรกในชีวิต
“พระเพื่อน พี่ขอ... / สนุกกันมากไหม? พอใจรึยังกับการขังเพื่อนไว้ครึ่งวัน? ถ้าไม่พอใจก็ขังต่อแล้วไปเอากับมันให้ถึงเช้าซะ...ไอ้สารเลว”
“...”
“ไสหัวไป เพื่อนอยู่ในนี้ได้ส่วนพี่กายก็เชิญไปเอากับมันต่อซะ!” มันเป็นภาพที่โคตรแย่ ต่อให้ผมจะไม่พอใจที่เธอทำตัวไม่ดีหลายต่อหลายครั้งแต่การได้เห็นเธอพูดทั้งน้ำตามันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก
“พี่ไม่รู้ว่าเราเคยโดนพ่อขัง... / อย่ามาพูดจาไร้สาระนะพี่กาย! หุบปาก!”
“...” พระเพื่อนตัวสั่นหน้าแดงทันทีที่ผมพูดออกไป ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำแต่เธอคงจับใจความได้ทั้งหมดผมเลยเลือกที่จะเงียบเพราะเธอคงฝังใจอย่างที่พระแพงบอกจริง ๆ
“จะไปไหนก็ไป ไป!” เธอตะโกนไล่ผมอีกครั้งแต่ผมไม่ได้ไปไหน ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาเธอในห้องเก็บของเล็ก ๆ ห้องนี้ที่ขังเธอมานานเกือบสิบสองชั่วโมง
“อย่ามาใกล้เพื่อน! ออกไป!”
หมับ!
“พี่ขอโทษ” ผมไม่สนคำตะโกนไล่แต่ผมทิ้งตัวลงแล้วกอดเธอที่ยังตัวสั่นเอาไว้จนแน่น
“...”
“ขอโทษนะเพื่อน ถ้ารู้พี่จะไม่คิดทำเลย”
“ไม่จริง ถึงรู้พี่กายก็ทำอยู่ดี เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพี่กายเกลียดเพื่อนไงแล้วที่สำคัญเพราะอะไรอีกรู้ไหม...เพราะพี่กายอยากเห็นอีแพงมันมีความสุขไง!
ผลัก!
“ออกไป! ไสหัวไปแล้วขังเพื่อนไว้ตรงนี้แหละ! ไป!” เธอต้องโกรธมากแค่ไหนกันถึงมีแรงผลักผมที่กำลังกอดเธอจนหงายหลังล้มลง เธอคงโกรธมากแน่ ๆ น้ำตาของพระเพื่อนที่ผมไม่เคยเห็นถึงได้ยังไหลออกมาให้ผมเห็นตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
“พี่เสียใจ”
“เอากองไว้ตรงนั้น จะมาเสียใจอะไรหลังจากขังคน ๆ นึงไว้ตั้งครึ่งวัน!”
“...”
“จะไปไหนก็ไปพี่กาย รู้อะไรมาก็ไม่ต้องมาสมเพช คนอย่างเพื่อนไม่ตายง่าย ๆ หรอกนอกจากอีแพงเมียพี่มันจะตายก่อน”
“ขึ้นห้องดีกว่าเพื่อน”
“ไม่”
“เพื่อน”
“บอกว่าไม่ไง”
“พระเพื่อนครับ”
“ไม่ต้องมาพูดเพราะ เพื่อนไม่ใช่อีแพง ไม่ต้องมาผู้ดีใส่!”
“อ่าส์! จะให้ทำยังไงถ้างั้นก็พูดมาเลย” ผมไม่ได้ถอนหายใจเพราะรำคาญปากที่เอาแต่สวนกลับฉอด ๆๆ ของเธอแต่ที่ถอนหายใจเพราะผมรู้สึกจนปัญญากับคนตรงหน้าต่างหาก
“ไปตายซะ ทำได้ไหมล่ะ”
“เพื่อน” ทั้งจนปัญญาทั้งปวดประสาทไม่รู้จะทำยังไงให้พระเพื่อนอ่อนลง
“ไปไกล ๆ”
“...โอเค พี่จะออกไปรอข้างนอก”
“ไปรอในนรกเถอะ แต่ระวังจะเจออีแพงก่อนนะ”
“หิวข้าวไหม พี่ทำอะไรให้กิน”
“...”
“พระเพื่อนครับ พี่เสียใจ พี่แค่ไม่อยากให้เราไปทำลายปาร์ตี้ของใคร”
“ก็เลยขังเพื่อนไว้แล้วจัดงานวันเกิดให้มันในบ้านของเราเนี่ยเหรอ?”
“...” ผมผิดผมรู้ สิ่งที่ผมทำมันไม่สมควรทำผมก็รู้ดีแต่ผมก็อยากชดใช้ให้พระแพงบ้างที่สำคัญผมอยากแก้เผ็ดพระเพื่อนให้เธอรู้ว่าการโดนกลั่นแกล้งมันเป็นยังไง แต่สุดท้ายแม่งเสือกรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองซะเอง
“เพื่อนโคตรเกลียดพี่กายเลย”
“พี่รู้”
“ดี! รู้ก็ไปไกล ๆ พอใจเดี๋ยวออกไปเอง หมายถึงจะออกไปเองถ้าพี่ไม่ขังไว้แล้วไปสมสู่กับมันต่อนะ”
“พระเพื่อนพี่ไปส่งแพงแล้ว แล้วคนที่บอกให้พี่รีบมาหาเราก็คือพระแพง”
“เหรอ? มันมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะ ตั้งนานทำไมมันไม่บอก นี่กี่โมงแล้วล่ะไม่รู้วันรู้เวลาเลยรู้แค่การโดนขังแต่ละนาทีนานเหมือนเป็นชาติ”
“พระแพงเขาไม่รู้ เขาเพิ่งรู้ตอนพี่ไปส่งถึงคอนโดแล้ว”
“รู้ตอนที่ส่งถึงคอนโดหรือรู้ตอนที่ทำธุระบนคอนโดเสร็จแล้ว?”
“เพื่อน” ผมกำราบเธอเบา ๆ ทำไมชอบพูดประชดเรื่องบนเตียงวะในเมื่อผมกับพระแพงจบกันไปตั้งนานแล้ว
“อะไร พูดแทงใจดำไม่ได้เลยเหรอ”
“ฟัง ไม่ต้องลามไปเรื่องอื่น”
“ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะรู้ตอนไหนก็ตามเพื่อนรู้แค่อีแพงมันตอแหล”
“...อ่าส์!” เมื่อไหร่พระเพื่อนจะเลิกอคติตั้งแง่กับพระแพงสักทีวะในเมื่ออีกคนไม่เคยโกรธแค้นเธอเลย วันนี้ก็ห่วงพระเพื่อนมากด้วยซ้ำ แต่อย่าว่าแต่เลิกอคติกับพระแพงเลยผมว่าแค่ลำพังจะให้เธอมองโลกในแง่ดีบ้างแม่งยังยาก
“มีไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ขอตัว” พระเพื่อนถามส่ง ๆ แล้วลุกขึ้น ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่อย่างน้อยเธอยอมออกไปข้างนอกก็ถือว่าดีแล้ว
“ตกลงจะออกไปแล้วใช่ไหม?”
“อยู่ทำซากอะไรล่ะ”
“...” อ่าส์!
ผมได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจแล้วมองพระเพื่อนที่ลุกขึ้นเดินผ่านหน้าผมไป เอาวะอย่างน้อยก็ออกไปจากห้องนี้แล้ว และที่สำคัญเธอกลับไปเป็นคนร้าย ๆ คนเดิมเรียบร้อย
บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยเห็นน้ำตาของพระเพื่อนแต่ก็เคยอยากเห็นแล้วพอได้เห็นผมก็บอกตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาสักนิด
...สู้ให้เธอร้ายสุดชีวิตใจของผมยังรู้สึกดีซะกว่า
“จะไปไหน” ผมเดินตามออกไปแต่ก็เห็นพระเพื่อนถือกระเป๋าทำท่าจะเหมือนจะไปข้างนอกทั้งที่มันดึกมากแล้ว
“กลับคอนโด”
“แผนล่มก็กลับเลย?” ผมกับพระเพื่อนไม่เคยคุยกันดี ๆ ได้หรอก ตั้งแต่หมดผลประโยชน์ก็ทะเลาะกันตลอดแต่ยังดีที่ไม่มีคำหยาบคายถึงขั้นเรียกกันกูมึง
“แน่นอน จะอยู่ทำไมไม่เคยอยากอยู่”
“ถ้างั้นก็ไปแล้วไม่ต้องมาอีก มาแต่ละครั้งก็มาทำแต่อะไรที่มันไม่ดี”
“แล้วไอ้ที่จัดงานวันเกิดให้เมียเก่าตัวเองในเรือนหอมันดีมากงั้นสิ?”
“แล้วแต่เราจะคิดเถอะพระเพื่อน”
“แน่นอน ยังไงมันก็ต้องแล้วแต่เพื่อนจะคิดอยู่แล้วเพราะเพื่อนมีสมองของเพื่อน” พระเพื่อนจีบปากจีบคอพูดใส่ผมพอพูดจบเธอก็สะบัดหน้าเดินไปทางหน้าบ้าน
“สมองที่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ” ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ ไล่หลังเธอแต่ก็ดังพอที่เธอจะได้ยินและมันก็ทำให้พระเพื่อนสะบัดหน้าหันกลับมาแล้วมองผมตาขวาง
“ก็ดีกว่ามีสมองแต่ไม่คิดอะไรคอยแต่จะให้อีนั่นมันกรอกข้อมูลลงไปแล้วตัวพี่ก็ทำได้แค่กดเซฟ”
“ไป ๆๆ จะไปไหนก็ไป”
“...”
...olo
พระเพื่อนไม่พูดอะไรแค่มองหน้าผมแล้วชูนิ้วกลางให้จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปทิ้งให้ผมโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
“แม่ง” กวนตีน เป็นผู้หญิงที่ทั้งร้ายทั้งนิสัยแย่ทั้งกวนตีน ชีวิตไม่มีอะไรดีเลยนอกจากหุ่นกับหน้าตาการศึกษาแล้วก็ฐานะทางบ้าน เรื่องดีของผู้หญิงที่ชื่อพระเพื่อนมีแค่นี้ล่ะ อ่อ! มีปากดีเพิ่มมาด้วยผมลืมไป อันนี้แม่งโคตรดีเลย ดีจนบางครั้งหรือหลายครั้งอยากบีบคอให้ตายจะได้หยุดปากดีสักที
#GUY END
#PHRAPUEN TALK
ฉันเกลียดเขา!
ฉันโคตรเกลียดผัวอีแพงเลย!
เดินออกมานอกบ้านฉันยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเพราะเห็นคนกำลังเก็บของที่ใช้จัดปาร์ตี้อยู่
“อีกนานไหมคะกว่าจะเสร็จ”
“ครับ?”
“อีกนานไหมกว่าจะเสร็จ”
“พอสมควรครับแต่เราจะรีบเก็บให้เร็วที่สุดครับ” พนักงานคงเห็นหน้าฉันเหวี่ยงมั้งคะเลยรีบลนลานบอก
“เอาไว้ก่อนได้ไหมคะ ขอเช่าอุปกรณ์พวกนี้ต่อสักวัน”
“ครับ?”
“เช่าได้ไหมคะ พรุ่งนี้ต้องใช้อุปกรณ์พวกนี้ต่อรึเปล่า”
“ก็...ได้ครับ เช่าได้ครับคุณผู้หญิง” พนักงานก็ยังงงเหมือนเดิมแต่ก็ตอบตกลงฉันด้วยท่าทางที่ยังงงนั่นล่ะ
โอเคดีล พนักงานตรงหน้าจะงงก็ปล่อยให้งงไปเถอะ ฉันเช่าต่อแล้วก็วางมันตรงนี้ไม่ต้องทำอะไรกับมันทั้งนั้น ไม่ต้องแตะอะไรส่วนของที่เอาขึ้นรถแล้วก็ขนลงมาวางให้มันรกเหมือนเดิม อ้อ! เช่ารถขนของไว้ด้วยนะคะ เอาจอดไว้นี่ล่ะใช้งานอุปกรณ์พวกนี้เสร็จจะขนขึ้นรถให้เองแล้วค่อยมาขับกลับก็พอ
ฉันตกลงกับพนักงานให้เร็วที่สุดเพราะเจ้าภาพงานวันนรกแตกของอีแพงยืนมองจากในบ้านนานแล้ว พอคุยเสร็จก็รีบเดินไปหาเขา
“ยืนมองอะไรพี่กาย”
“ไปยืนคุยอะไรกับพนักงานแล้วไหนบอกว่าจะกลับ” เขาหรี่ตามองฉัน ก็แน่ล่ะฉันขยับทำอะไรก็ไม่น่าไว้ใจไปหมด ก็ไม่แปลกหรอกเพราะฉันชื่อพระเพื่อนไม่ใช่พระแพง
“ไม่มีอะไรถามไว้เฉย ๆ เผื่อจัดงานบ้าง”
“ปีหน้าเดี๋ยวพี่จัดให้”
“ไม่ต้อง ไม่อยากได้ซ้ำใคร มีปัญญาจัดเองเดี๋ยวจัดให้เลิศกว่านี้อีก คุยกันหน่อยไหม เพื่อนว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันที ปาร์ตี้ที่จัดน้อมแน้มอย่างกับชวนกันมาปฏิบัติธรรมสวดมนต์ข้ามปีแบบนี้ไม่ต้องคิดจะอยากมาจัดให้ฉันหรอก!
“ตกลงไม่กลับคอนโด?”
“มีเรื่องอยากคุย จะคุยไหมล่ะ”
“ได้สิ พี่ก็อยากคุยเหมือนกัน เมื่อกี้เราคุยกันไม่เคลียร์”
“ถ้างั้น...คุยกันที่ห้องนอนดีกว่าไหมคะ” ฉันแกล้งถามเสียงยั่วพร้อมกับยิ้มยั่วใส่เขา
“หึ! ห้องนอนหรือบนเตียง?”
“พี่กายว่าตรงไหนดีล่ะ แต่เพื่อนว่าห้องนอนก็ดีนะ แต่บนเตียง...สนุกกว่า”