EP : 7

1834 คำ
กริ๊ก! “พระเพื่อน!” ผมเปิดประตูด้วยความรีบร้อนแล้วก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่เพราะคนที่เคยอวดเก่งมาตลอดไม่เคยให้ใครเห็นน้ำตาของเธอเลยสักครั้งกำลังนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่พื้นมุมห้อง ดูก็รู้ว่าเธอหวาดกลัวเหมือนที่พระแพงบอกจริง ๆ ที่สำคัญผมได้เห็นน้ำตาของเธอเป็นครั้งแรกในชีวิต “พระเพื่อน พี่ขอ... / สนุกกันมากไหม?​ พอใจรึยังกับการขังเพื่อนไว้ครึ่งวัน? ถ้าไม่พอใจก็ขังต่อแล้วไปเอากับมันให้ถึงเช้าซะ...ไอ้สารเลว” “...” “ไสหัวไป เพื่อนอยู่ในนี้ได้ส่วนพี่กายก็เชิญไปเอากับมันต่อซะ!” มันเป็นภาพที่โคตรแย่ ต่อให้ผมจะไม่พอใจที่เธอทำตัวไม่ดีหลายต่อหลายครั้งแต่การได้เห็นเธอพูดทั้งน้ำตามันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก “พี่ไม่รู้ว่าเราเคยโดนพ่อขัง... / อย่ามาพูดจาไร้สาระนะพี่กาย! หุบปาก!” “...” พระเพื่อนตัวสั่นหน้าแดงทันทีที่ผมพูดออกไป ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำแต่เธอคงจับใจความได้ทั้งหมดผมเลยเลือกที่จะเงียบเพราะเธอคงฝังใจอย่างที่พระแพงบอกจริง ๆ “จะไปไหนก็ไป ไป!” เธอตะโกนไล่ผมอีกครั้งแต่ผมไม่ได้ไปไหน ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาเธอในห้องเก็บของเล็ก ๆ ห้องนี้ที่ขังเธอมานานเกือบสิบสองชั่วโมง “อย่ามาใกล้เพื่อน! ออกไป!” หมับ! “พี่ขอโทษ” ผมไม่สนคำตะโกนไล่แต่ผมทิ้งตัวลงแล้วกอดเธอที่ยังตัวสั่นเอาไว้จนแน่น “...” “ขอโทษนะเพื่อน ถ้ารู้พี่จะไม่คิดทำเลย” “ไม่จริง ถึงรู้พี่กายก็ทำอยู่ดี เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพี่กายเกลียดเพื่อนไงแล้วที่สำคัญเพราะอะไรอีกรู้ไหม...เพราะพี่กายอยากเห็นอีแพงมันมีความสุขไง! ผลัก! “ออกไป! ไสหัวไปแล้วขังเพื่อนไว้ตรงนี้แหละ! ไป!” เธอต้องโกรธมากแค่ไหนกันถึงมีแรงผลักผมที่กำลังกอดเธอจนหงายหลังล้มลง เธอคงโกรธมากแน่ ๆ น้ำตาของพระเพื่อนที่ผมไม่เคยเห็นถึงได้ยังไหลออกมาให้ผมเห็นตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ “พี่เสียใจ” “เอากองไว้ตรงนั้น จะมาเสียใจอะไรหลังจากขังคน ๆ นึงไว้ตั้งครึ่งวัน!” “...” “จะไปไหนก็ไปพี่กาย รู้อะไรมาก็ไม่ต้องมาสมเพช คนอย่างเพื่อนไม่ตายง่าย ๆ หรอกนอกจากอีแพงเมียพี่มันจะตายก่อน” “ขึ้นห้องดีกว่าเพื่อน” “ไม่” “เพื่อน” “บอกว่าไม่ไง” “พระเพื่อนครับ” “ไม่ต้องมาพูดเพราะ เพื่อนไม่ใช่อีแพง ไม่ต้องมาผู้ดีใส่!” “อ่าส์! จะให้ทำยังไงถ้างั้นก็พูดมาเลย” ผมไม่ได้ถอนหายใจเพราะรำคาญปากที่เอาแต่สวนกลับฉอด ๆๆ ของเธอแต่ที่ถอนหายใจเพราะผมรู้สึกจนปัญญากับคนตรงหน้าต่างหาก “ไปตายซะ ทำได้ไหมล่ะ” “เพื่อน” ทั้งจนปัญญาทั้งปวดประสาทไม่รู้จะทำยังไงให้พระเพื่อนอ่อนลง “ไปไกล ๆ” “...โอเค พี่จะออกไปรอข้างนอก” “ไปรอในนรกเถอะ แต่ระวังจะเจออีแพงก่อนนะ” “หิวข้าวไหม พี่ทำอะไรให้กิน” “...” “พระเพื่อนครับ พี่เสียใจ พี่แค่ไม่อยากให้เราไปทำลายปาร์ตี้ของใคร” “ก็เลยขังเพื่อนไว้แล้วจัดงานวันเกิดให้มันในบ้านของเราเนี่ยเหรอ?” “...” ผมผิดผมรู้ สิ่งที่ผมทำมันไม่สมควรทำผมก็รู้ดีแต่ผมก็อยากชดใช้ให้พระแพงบ้างที่สำคัญผมอยากแก้เผ็ดพระเพื่อนให้เธอรู้ว่าการโดนกลั่นแกล้งมันเป็นยังไง แต่สุดท้ายแม่งเสือกรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองซะเอง “เพื่อนโคตรเกลียดพี่กายเลย” “พี่รู้” “ดี! รู้ก็ไปไกล ๆ พอใจเดี๋ยวออกไปเอง หมายถึงจะออกไปเองถ้าพี่ไม่ขังไว้แล้วไปสมสู่กับมันต่อนะ” “พระเพื่อนพี่ไปส่งแพงแล้ว แล้วคนที่บอกให้พี่รีบมาหาเราก็คือพระแพง”​ “เหรอ? มันมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะ ตั้งนานทำไมมันไม่บอก นี่กี่โมงแล้วล่ะไม่รู้วันรู้เวลาเลยรู้แค่การโดนขังแต่ละนาทีนานเหมือนเป็นชาติ” “พระแพงเขาไม่รู้ เขาเพิ่งรู้ตอนพี่ไปส่งถึงคอนโดแล้ว” “รู้ตอนที่ส่งถึงคอนโดหรือรู้ตอนที่ทำธุระบนคอนโดเสร็จแล้ว?” “เพื่อน” ผมกำราบเธอเบา ๆ ทำไมชอบพูดประชดเรื่องบนเตียงวะในเมื่อผมกับพระแพงจบกันไปตั้งนานแล้ว “อะไร พูดแทงใจดำไม่ได้เลยเหรอ​” “ฟัง ไม่ต้องลามไปเรื่องอื่น” “ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะรู้ตอนไหนก็ตามเพื่อนรู้แค่อีแพงมันตอแหล”​ “...อ่าส์!” เมื่อไหร่พระเพื่อนจะเลิกอคติตั้งแง่กับพระแพงสักทีวะในเมื่ออีกคนไม่เคยโกรธแค้นเธอเลย วันนี้ก็ห่วงพระเพื่อนมากด้วยซ้ำ แต่อย่าว่าแต่เลิกอคติกับพระแพงเลยผมว่าแค่ลำพังจะให้เธอมองโลกในแง่ดีบ้างแม่งยังยาก “มีไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ขอตัว” พระเพื่อนถามส่ง ๆ แล้วลุกขึ้น ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่อย่างน้อยเธอยอมออกไปข้างนอกก็ถือว่าดีแล้ว “ตกลงจะออกไปแล้วใช่ไหม?” “อยู่ทำซากอะไรล่ะ” “...” อ่าส์! ผมได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจแล้วมองพระเพื่อนที่ลุกขึ้นเดินผ่านหน้าผมไป เอาวะอย่างน้อยก็ออกไปจากห้องนี้แล้ว และที่สำคัญเธอกลับไปเป็นคนร้าย ๆ คนเดิมเรียบร้อย บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยเห็นน้ำตาของพระเพื่อนแต่ก็เคยอยากเห็นแล้วพอได้เห็นผมก็บอกตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาสักนิด ...สู้ให้เธอร้ายสุดชีวิตใจของผมยังรู้สึกดีซะกว่า “จะไปไหน” ผมเดินตามออกไปแต่ก็เห็นพระเพื่อนถือกระเป๋าทำท่าจะเหมือนจะไปข้างนอกทั้งที่มันดึกมากแล้ว “กลับคอนโด” “แผนล่มก็กลับเลย?” ผมกับพระเพื่อนไม่เคยคุยกันดี ๆ ได้หรอก ตั้งแต่หมดผลประโยชน์ก็ทะเลาะกันตลอดแต่ยังดีที่ไม่มีคำหยาบคายถึงขั้นเรียกกันกูมึง “แน่นอน จะอยู่ทำไมไม่เคยอยากอยู่” “ถ้างั้นก็ไปแล้วไม่ต้องมาอีก มาแต่ละครั้งก็มาทำแต่อะไรที่มันไม่ดี” “แล้วไอ้ที่จัดงานวันเกิดให้เมียเก่าตัวเองในเรือนหอมันดีมากงั้นสิ?”​ “แล้วแต่เราจะคิดเถอะพระเพื่อน” “แน่นอน ยังไงมันก็ต้องแล้วแต่เพื่อนจะคิดอยู่แล้วเพราะเพื่อนมีสมองของเพื่อน” พระเพื่อนจีบปากจีบคอพูดใส่ผมพอพูดจบเธอก็สะบัดหน้าเดินไปทางหน้าบ้าน “สมองที่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ” ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ ไล่หลังเธอแต่ก็ดังพอที่เธอจะได้ยินและมันก็ทำให้พระเพื่อนสะบัดหน้าหันกลับมาแล้วมองผมตาขวาง “ก็ดีกว่ามีสมองแต่ไม่คิดอะไรคอยแต่จะให้อีนั่นมันกรอกข้อมูลลงไปแล้วตัวพี่ก็ทำได้แค่กดเซฟ” “ไป ๆๆ จะไปไหนก็ไป” “...” ...olo พระเพื่อนไม่พูดอะไรแค่มองหน้าผมแล้วชูนิ้วกลางให้จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปทิ้งให้ผมโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว “แม่ง” กวนตีน เป็นผู้หญิงที่ทั้งร้ายทั้งนิสัยแย่ทั้งกวนตีน ชีวิตไม่มีอะไรดีเลยนอกจากหุ่นกับหน้าตาการศึกษาแล้วก็ฐานะทางบ้าน เรื่องดีของผู้หญิงที่ชื่อพระเพื่อนมีแค่นี้ล่ะ อ่อ! มีปากดีเพิ่มมาด้วยผมลืมไป อันนี้แม่งโคตรดีเลย ดีจนบางครั้งหรือหลายครั้งอยากบีบคอให้ตายจะได้หยุดปากดีสักที #GUY END #PHRAPUEN TALK ฉันเกลียดเขา! ฉันโคตรเกลียดผัวอีแพงเลย! เดินออกมานอกบ้านฉันยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเพราะเห็นคนกำลังเก็บของที่ใช้จัดปาร์ตี้อยู่ “อีกนานไหมคะกว่าจะเสร็จ” “ครับ?” “อีกนานไหมกว่าจะเสร็จ” “พอสมควรครับแต่เราจะรีบเก็บให้เร็วที่สุดครับ” พนักงานคงเห็นหน้าฉันเหวี่ยงมั้งคะเลยรีบลนลานบอก “เอาไว้ก่อนได้ไหมคะ ขอเช่าอุปกรณ์พวกนี้ต่อสักวัน” “ครับ?” “เช่าได้ไหมคะ พรุ่งนี้ต้องใช้อุปกรณ์พวกนี้ต่อรึเปล่า” “ก็...ได้ครับ เช่าได้ครับคุณผู้หญิง” พนักงานก็ยังงงเหมือนเดิมแต่ก็ตอบตกลงฉันด้วยท่าทางที่ยังงงนั่นล่ะ โอเคดีล พนักงานตรงหน้าจะงงก็ปล่อยให้งงไปเถอะ ฉันเช่าต่อแล้วก็วางมันตรงนี้ไม่ต้องทำอะไรกับมันทั้งนั้น ไม่ต้องแตะอะไรส่วนของที่เอาขึ้นรถแล้วก็ขนลงมาวางให้มันรกเหมือนเดิม อ้อ! เช่ารถขนของไว้ด้วยนะคะ เอาจอดไว้นี่ล่ะใช้งานอุปกรณ์พวกนี้เสร็จจะขนขึ้นรถให้เองแล้วค่อยมาขับกลับก็พอ ฉันตกลงกับพนักงานให้เร็วที่สุดเพราะเจ้าภาพงานวันนรกแตกของอีแพงยืนมองจากในบ้านนานแล้ว พอคุยเสร็จก็รีบเดินไปหาเขา “ยืนมองอะไรพี่กาย” “ไปยืนคุยอะไรกับพนักงานแล้วไหนบอกว่าจะกลับ” เขาหรี่ตามองฉัน ก็แน่ล่ะฉันขยับทำอะไรก็ไม่น่าไว้ใจไปหมด ก็ไม่แปลกหรอกเพราะฉันชื่อพระเพื่อนไม่ใช่พระแพง “ไม่มีอะไรถามไว้เฉย ๆ เผื่อจัดงานบ้าง” “ปีหน้าเดี๋ยวพี่จัดให้” “ไม่ต้อง ไม่อยากได้ซ้ำใคร มีปัญญาจัดเองเดี๋ยวจัดให้เลิศกว่านี้อีก คุยกันหน่อยไหม เพื่อนว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันที ปาร์ตี้ที่จัดน้อมแน้มอย่างกับชวนกันมาปฏิบัติธรรมสวดมนต์ข้ามปีแบบนี้ไม่ต้องคิดจะอยากมาจัดให้ฉันหรอก! “ตกลงไม่กลับคอนโด?” “มีเรื่องอยากคุย จะคุยไหมล่ะ” “ได้สิ พี่ก็อยากคุยเหมือนกัน เมื่อกี้เราคุยกันไม่เคลียร์” “ถ้างั้น...คุยกันที่ห้องนอนดีกว่าไหมคะ” ฉันแกล้งถามเสียงยั่วพร้อมกับยิ้มยั่วใส่เขา “หึ! ห้องนอนหรือบนเตียง?”​ “พี่กายว่าตรงไหนดีล่ะ แต่เพื่อนว่าห้องนอนก็ดีนะ แต่บนเตียง...สนุกกว่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม