หมับ!
“อย่ามาแตะตัวนะพี่กาย”
“ทำไม? ทำไมจะแตะไม่ได้วะ”
“ไม่ชอบ ไม่อยากให้มาแตะ ขยะแขยง!”
“หึ! พี่มากกว่าไหมต้องพูดคำนี้ พี่ต่างหากรึเปล่าที่ต้องขยะแขยงผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ!”
“ถ้างั้นก็ปล่อยแล้วไสหัวไป จะไปฉลองวันเกิดกันเค้กกินตับหรือสมสู่กันท่าไหนก็ไปอย่ามาโดนตัวเพื่อนก็พอ!”
“พี่ไปแน่พระเพื่อนแต่ก่อนไปมันต้องจัดการเธอก่อนไม่งั้นเดี๋ยวเธอแม่งก็เสือกไปขัดจังหวะตอนพวกพี่จะเอากันอีก!”
“น่ารังเกียจ” ฉันตอกหน้าเข้าให้ ถ้าคิดว่าฉันจะรู้สึกอะไรกับคำพูดเขาคงมีแค่ความรู้สึกนี้แค่นั้น รังเกียจ!
“เอาแต่แย่งแฟนคนอื่นไม่น่ารังเกียจเลยงั้นสิ?”
“ก็ผู้ชายมันหน้าโง่นอกใจแฟนมันมาหาเพื่อนเองพี่กายจะให้เพื่อนทำยังไง” ฉันเชิดหน้าถามทำให้อีกคนจ้องแล้วกัดฟันใส่
“...” โมโหมากสินะ?
“ทำไมไม่ตอบล่ะ พี่กายก็น่าจะตอบได้ดีนะเพราะพี่กายก็นอกใจมันมาหาเพื่อนเหมือนกัน”
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่จะไม่แม้แต่มองหน้าเธอเลยพระเพื่อน”
“ค่ะ แต่เสียใจด้วยนะที่ย้อนเวลากลับไปไม่ได้เลยต้องมีเพื่อนตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่แบบนี้และคงเป็นตลอดไปจนกว่าอีนั่นจะเลิกแย่งอากาศเพื่อนหายใจ”
“...ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”
“ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเป็นคนแบบไหน? น่าจะรู้นะแล้วก็น่าจะรู้ด้วยว่าไม่ควรหาคำตอบจากคำถามนี้อีก”
“...”
“ยังไงดีคะที่รัก พร้อมจะไปสมสู่กับมันรึยัง? ถุงยางเตรียมไว้ด้วยนะด้วยความห่วงใย”
“ไม่ต้องใช้หรอก นั่นพระแพงไม่ใช่เธอ”
“อ้อ~ โอเค ตามสบายเลยค่ะ” คิดว่าฉันจะเจ็บหรือรู้สึกอะไรกับคำพูดของเขาเหรอ เสียใจด้วยนะเพราะคนอย่างพระเพื่อนไม่รู้สึกอะไรสักนิด
“...หึ!”
หมับ!
“พี่กาย! พี่กายจะทำอะไรพี่กาย!” ฉันร้องโวยวายเพราะอยู่ ๆ เขาก็กระชากแขนฉันแรงมากจนฉันต้องถลาตาม
“พี่กาย! พี่กายปล่อยเพื่อน พี่กาย!” ฉันทั้งร้องทั้งพยายามสะบัดตัวเอง ออกแรงจนสุดแรงก็เหมือนจะหลุดนั่นล่ะแต่มันก็ไม่หลุดอยู่ดี! ฉันทั้งพยายามสะบัดข้อมือทั้งต้องเดินตามแรงกระชากจนกระทั่งฉันมองเห็นว่าเขากระชากฉันตรงไปที่ไหนฉันก็เริ่มโวยวายเสียงดังมากกว่าเดิม
“พี่กายจะพาเพื่อนไปไหน อย่านะมาทำแบบนี้กับเพื่อนนะพี่กาย! พี่กายปล่อย! ปล่อย!” ยิ่งเข้าใกล้ห้องเก็บของฉันก็ยิ่งตะโกนบ้าคลั่งแต่เขาก็ไม่หยุดแถมยังกระชากฉันแรงกว่าเดิมจนถึงประตูฉันก็ถูกผลักเข้าไป
ผลัก!
“โอ้ย!” เขาผลักแรงจนฉันถลาไปชนกับตู้เก็บของแต่ไม่ใช่เวลามาเจ็บเพราะฉันต้องออกไปให้เร็วที่สุด!
ปัง!
“พี่กาย!” ฉันรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วแต่ไม่ทันเพราะเขาปิดประตูก่อนพอพยายามจะเปิดประตูก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วเพราะลูกบิดประตูห้องนี้มันเสียทำให้มันเปิดจากข้างในไม่ได้!
ปัง!
ปัง ๆๆ
“พี่กายปล่อยเพื่อนนะ! พี่กาย! เพื่อนรู้ว่าพี่กายได้ยิน! พี่กายอย่ามาทำกับเพื่อนแบบนี้! พี่กาย พี่กาย! พี่กาย! ไอ้พี่กาย! กรี๊ด!!!”
#PHRAPUEN END
#GUY TALK
“พี่กายปล่อยเพื่อนนะ! พี่กาย! เพื่อนรู้ว่าพี่กายได้ยิน! พี่กายอย่ามาทำกับเพื่อนแบบนี้! พี่กาย พี่กาย! พี่กาย! ไอ้พี่กาย! กรี๊ด!!!”
“...” ผมยืนฟังเสียงที่ลอดออกมาให้ได้ยินไม่ดังเท่าไหร่แต่รู้ว่าคนข้างในต้องตะโกนคอแทบแตกแน่ ๆ เสียงมันถึงดังออกมาได้ขนาดนี้ก่อนจะหันหลังเดินออกมา
อยู่ในนั้นแหละไม่ต้องออกมาทำให้คนเกลียดเพิ่ม แค่นี้ก็พอแล้วเพราะแค่นี้คนรอบข้างก็เอือมระอากันแทบบ้าตายแล้ว
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
(สวัสดีค่ะคุณกาย)
“ผมพร้อมแล้ว เข้ามาได้เลยครับ”
(รับทราบค่ะ)
“ทันใช่ไหมครับ”
(ไม่มีปัญหาค่ะ ทางเราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วแค่เข้าไปจัดสถานที่รับรองว่าปาร์ตี้คืนนี้จะถูกใจคุณกายแน่นอนค่ะ)
“ครับ ขอบคุณมาก”
ติ๊ด!
ยี่สิบปีที่พระแพงไม่เคยได้ฉลองวันเกิดดี ๆ สักครั้ง สิบกว่าปีที่พระเพื่อนรังควานตามพังงานวันเกิดของเธอมาตลอดจนสุดท้ายต้องจบด้วยการร้องไห้เสมอวันนี้ผมแค่อยากทำให้เธอมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างสักครั้งก็ยังดี
พี่จะทำให้มีความสุขนะพระแพง ถึงจะไม่มากเท่าที่โดนทำให้เสียใจแต่พี่...จะชดใช้แทนพระเพื่อนเอง
-เวลาต่อมา-
“เป็นไงเรา ชอบไหม”
“ชอบค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะพี่กาย” เราส่งแขกคนสุดท้ายเสร็จแล้วครับ ปาร์ตี้วันเกิดของพระแพงจบลงตอนตีหนึ่ง แขกของเธอมีแค่ไม่กี่คน สิบกว่าคนเท่านั้นแล้วก็ไม่มีใครกินเหล้าเมาเละเทอะสักคนทำให้ปาร์ตี้ไม่ต้องลากยาวมาก
“พี่ดีใจที่ชอบนะ”
“จะไม่ชอบได้ยังไงคะนี่เป็นปาร์ตี้วันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตแพงเลยนะ ถ้าไม่ได้พี่กายจัดให้แพงคงไม่มีโอกาสได้สนุกกับเพื่อนเต็มอิ่มแบบนี้ ขอบคุณนะคะพี่กาย พี่กายให้ของขวัญที่ดีที่สุดเลย”
“หึ ๆๆ ของขวัญอะไรพี่แค่จัดปาร์ตี้ให้ ของขวัญของจริงอยู่ในรถต่างหาก”
“คะ?”
“ของขวัญไง”
“ให้ทำไมคะพี่กายไม่เอาค่ะแค่จัดงานวันเกิดให้ก็เยอะแล้ว”
“ไม่ได้หรอก ไปเร็ว ไปดูของขวัญบนรถดีกว่า”
“แต่... / มาเถอะน่า” ผมยิ้มแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าให้เธอก่อนที่จะพาเธอไปที่รถเพื่อไปส่งเธอที่คอนโดเลย
พอขึ้นรถขับออกมาพระแพงก็แกะของขวัญพอเห็นของขวัญที่ผมห่อให้เธอก็ยิ้มกว้าง
“ชอบไหม”
“ชอบคะ แต่แพงว่ามันมากไปพี่กายเก็บไว้ให้เพื่อนดีกว่าไหมคะ”
“ให้ทำไม พี่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเราไม่ได้ซื้อให้เพื่อนสักหน่อย”
“แต่ถ้าเพื่อนรู้ก็คงไม่พอใจนะพี่กาย”
“ก็อย่าให้รู้ พี่ไม่ได้กลัวพระเพื่อนหรอกนะแพงแต่ไม่อยากให้เพื่อนไปรังควานเราเรื่องของขวัญ รับไปเถอะพี่ตั้งใจซื้อให้”
“แต่... / พระแพง”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“อื้ม” ผมขับรถต่อใช้เวลาไม่นานก็ถึงคอนโดของเธอ ความจริงตั้งแต่ออกจากบ้านมาถึงคอนโดพระแพงผมขับรถแค่สิบนาทีเท่านั้นเพราะบ้านผมกับคอนโดเธออยู่ใกล้กัน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่กาย แพงจะไม่ลืมปาร์ตี้ปีนี้เลย”
“อื้ม เรามีความสุขก็ดีแล้ว”
“แล้วว่าแต่...เพื่อนไปไหนเหรอคะ” ผมบอกพระแพงตั้งแต่เมื่อวานว่าผมจะจัดการทุกอย่างเองให้เธอสบายใจไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นพอผมจัดการเรื่องพระเพื่อนได้พระแพงก็คงแปลกใจพอสมควร
“อยู่ในบ้านนั่นล่ะ”
“คะ?”
“พี่ขังไว้”
“อะไรนะคะ พี่กายขังเพื่อนไว้เหรอ?” พระแพงตกใจกับคำตอบ ผมขังเธอไว้ในห้องเก็บของหลังบ้าน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะก่อนขังผมเตรียมอาหารเตรียมน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“อื้ม”
“เดี๋ยวก็เป็นเรื่องใหญ่นะคะพี่กาย”
“พี่รู้ แต่ก็ต้องวิธีนี้ล่ะจะได้ไม่มารังควานใครแล้วก็ให้รู้บ้างว่าการโดนแกล้งโดนทำให้ทรมานมันเป็นยังไง”
“เฮ้อ! แพงไม่สบายใจเลย แล้วเพื่อนอยู่ไหนคะ ในห้องนอนน่ะเหรอ แต่ห้องนอนมีหน้าต่างมีระเบียงพี่กายล็อคได้หมดเลยเหรอคะ”
“เปล่า”
“แล้วพี่กายเอาเพื่อนไปไว้ที่ไหนคะ” พอได้คำตอบพระแพงก็ยิ่งทำหน้าสงสัยมากกว่าเดิม
“ห้องเก็บของ”
“คะ?”
“ห้องเก็บของหลังบ้าน”
“พี่กาย!” พอได้ยินคำตอบพระแพงก็เสียงดังใส่ผมทันที
“ทำไม แค่ห้องเก็บของเอง”
“ไม่แค่หรอกค่ะ พี่กายรีบกลับบ้านไปหาเพื่อนตอนนี้เลย”
“ส่งเราเสร็จก็กลับไปเปิดประตูให้แล้วน่า ไม่ต้องห่วงหรอกพี่เตรียมข้าวเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว ทำความสะอาดห้องนั้นจนเรียบร้อยอยู่ทั้งวันยังได้”
“พี่กายมันไม่ใช่แค่ขังแต่เพื่อนกลัวที่แคบนะคะ”
“เหรอ? ไม่เห็นเคยรู้เลย” ผมก็เห็นปกติตลอก อยู่ในลิฟท์ก็ไม่เห็นมีอาการกลัวที่แคบนี่ เมื่อก่อนตอนอยู่คอนโดขึ้นลงลิฟท์เองตั้งหลายครั้งก็ปกติทุกอย่างจะกลัวที่แคบได้ยังไง
“พี่กายคะมันเป็นเรื่องที่นานมาแล้วแต่เพื่อนเขาฝังใจมาตลอด มันไม่ใช่แค่ที่แคบแต่เป็นห้องเก็บของเลย” เสียงพระแพงร้อนรนทำให้ผมเริ่มสนใจคำพูดของเธอ
“ยังไง?”
“ตอนสมัยเป็นเด็กเพื่อนแกล้งผลักแพงตกน้ำคุณลุงก็เลยจับเพื่อนไปขังไว้ในห้องเก็บของคนเดียวทั้งคืน แล้วเพื่อนก็ฝังใจมากพอโดนคุณลุงทำทาด้วยการขังครั้งที่สองแค่ครึ่งชั่วโมงเพื่อนก็ช็อคจนเข้าโรงพยาบาลเลยนะคะ”
“อะไรนะ!” ผมไม่เคยรู้ว่าพระเพื่อนแกล้งพระแพงจนโดนทำโทษขนาดนั้น ยิ่งได้ยินว่าเธอฝังใจจนช็อคผมก็ยิ่งตกใจ
“พี่กายไม่ต้องมาตกใจหรือสงสัยอะไรเลยค่ะรีบไปหาเพื่อนเลยไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง ไปเร็ว ๆ เลยค่ะพี่กาย” พระแพงพูดจบก็รีบลงจากรถส่วนผมก็รีบเหยียบรถออกมาทันที
“...แม่งเอ้ย!” ผมโมโหที่สุดเลยว่ะ ได้แต่ภาวนาให้ตอนนี้เธอเลิกฝังใจเรื่องนั้นแล้วก็ไม่เป็นอะไร ขอให้เธอยังปกติดี ขอให้เธออย่าเป็นเหมือนเดิมอย่างที่พระแพงบอกเลย ขอให้พระเพื่อนยังเป็นพระเพื่อนที่โคตรร้ายคนเดิมผมขอแค่นั้นก็พอ
-เวลาต่อมา-
ผมใช้เวลาขับรถมาถึงบ้านไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำแต่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่โคตรยาวนานในชีวิต มันนานมากแค่จากประตูบ้านวิ่งไปให้ถึงห้องเก็บของผมยังรู้สึกว่ามันนานเลย
กริ๊ก!
“พระเพื่อน!”
ผมเปิดประตูด้วยความรีบร้อนแล้วก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่เพราะคนที่เคยอวดเก่งมาตลอดไม่เคยให้ใครเห็นน้ำตาของเธอเลยสักครั้งกำลังนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่พื้นมุมห้อง ดูก็รู้ว่าเธอหวาดกลัวเหมือนที่พระแพงบอกจริง ๆ ที่สำคัญผมได้เห็นน้ำตาของเธอเป็นครั้งแรกในชีวิต
“พระเพื่อน พี่ขอ... / สนุกกันมากไหม? พอใจรึยังกับการขังเพื่อนไว้ครึ่งวัน? ถ้าไม่พอใจก็ขังต่อแล้วไปเอากับมันให้ถึงเช้าซะ...ไอ้สารเลว”