EP : 3

1287 คำ
“เฮ้อ! บางทีกูก็อยากให้มึงหยุดแล้วแคร์พี่กายบ้างนะอีเพื่อน แต่ตอนนี้คงไม่ทันหรอกเพราะผัวมึงเขาคิดว่ามึงนอนกับผัวอีแพงทุกคนไปนานแล้ว...มึงกลับไปหาเขาไม่ได้แล้วอีเพื่อน” “แล้วไง? ใครจะกลับไป?” “เฮ้อ!” “มึงทำให้ปาร์ตี้จบมึงจ่ายของวันพรุ่งนี้ด้วย พรุ่งนี้กูจะมากินใหม่” “เออ ๆ” เราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก สนิทจนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากเพราะต่อให้มันพูดให้ปากฉีกถึงรูหูถ้าลองบอกว่าไม่ก็คือไม่อยู่ดี อีแซนดี้จ่ายค่าอาหารยังเสร็จฉันก็ลุกเดินออกจากร้านพร้อมกับสายตาที่จ้องมองหน้าจอไม่หยุด “อีเพื่อนมึงจะรีบไปไหนเนี่ย โอ้ย! รอกระเทยด้วยชะนี!” “มึงกลับไปก่อนเลยนะแซนดี้กูมีธุระต้องไปเคลียร์” ฉันบอกมันแค่นั้นก็บึ่งไปที่รถ “มึงอย่าบอกนะว่าไปราวีมันอีก” “มีกี่เรื่องในชีวิตล่ะที่กูจะรีบทำ” ตอบมันด้วยใจที่ร้อนมากแล้วฉันก็ขึ้นรถแล้วเหยียบคันเร่งรถออกจากร้านอาหารด้วยใจที่ร้อนกว่า! -เวลาต่อมา- “คุณเพื่อนขา~ คุณเพื่อนขา ๆๆ” “มันอยู่ไหนป๋อมแป๋ม” ฉันเดินเข้าไปในบ้าน สายตาจ้องเข้าไปข้างในด้วยความโมโห “กลับไปแล้วค่ะ” “อะไรนะ?” ขาที่กำลังเดินหยุดชะงักกับคำตอบของแม่บ้านคนสนิท! “กลับไปแล้วค่ะคุณเพื่อนขา” “มันกลับไปนานรึยัง” โมโหกว่าการที่มันรู้ว่ามันมาเหยียบบ้านฉันคือการได้รู้ว่ามาถึงแต่มันกลับไปแล้วนี่ล่ะ! “สามชั่วโมงแล้วค่ะ” “อะไรนะ! แล้วทำไมไม่โทรบอก!” ฉันเห็นอีแพงมันอัพรูปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ที่สำคัญตอนที่เห็นมันเพิ่งอัพรูปได้แค่ห้านาทีเท่านั้นเอง แล้วแม่บ้านคนสนิทของฉันมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่โทรรายงาน! “คือ...คุณท่านไม่ให้แป๋มฟ้องค่ะ” “พ่อ?” “...คุณหญิงค่ะ” “โอ้ย!” ขัดใจแล้วก็หงุดหงิดที่สุดเลยที่ได้ยินคำตอบว่าเป็นแม่ “คุณเพื่อนอย่าบอกว่าแป๋มบอกนะคะ” “ฉันรู้น่าป๋อมแป๋ม!” ฉันเหวี่ยงใส่ป๋อมแป๋มแล้วเดินเข้าบ้านทันที ก๊อก ๆๆ “แม่คะ!” เคาะเสร็จฉันก็เปิดประตูเข้าไปเรียกแม่เสียงดัง “อย่ามาเสียงดังนะยัยเพื่อน” แม่ส่งเสียงตำหนิแต่ฉันไม่สนใจหรอก มีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่เราสองคนแม่ลูกต้องเคลียร์กัน “อีแพงมาทำไมแม่ไม่บอกเพื่อน” “บอกให้ลูกแม่มาอาละวาดเหรอ?” “แล้วมันสมควรอาละวาดไหมในเมื่อเพื่อนเคยสั่งไม่ให้มันมาเหยียบที่นี่” “ก็คุณพ่อบอกให้เด็กคนนั้นมา” “เพื่อ?” “วันพรุ่งนี้วันเกิดพระแพงคุณพ่อเลยให้เข้ามาเอาของขวัญ”​ “อ่อ! เพื่อนเกือบลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่อีแพงมันชิงหมามาเกิด” “สงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหมยัยเพื่อน แม่ไม่อยากให้ลูกดูร้ายในสายตาใครไปมากกว่านี้แล้วนะ” “แล้วไงคะ? เพื่อนเคยแคร์สายตาใครด้วยเหรอ?” “แต่แม่แคร์” “แคร์คนอื่นแล้วเราต้องทุกข์นี่นะ เพื่อนไม่แคร์หรอกค่ะแม่...เพื่อนไม่อยากทุกข์เหมือนแม่” “...” ฉันรู้ว่าคำพูดฉันจี้ใจดำแม่ แต่หลายครั้งฉันก็ทำอย่างที่แม่ต้องการไม่ได้ ให้ใจเย็นแล้วญาติดีกับคนอย่างมันงั้นเหรอ? เอาเชือกมาให้ผูกคอตายยังง่ายกว่า “เพื่อนขอโทษค่ะถ้าพูดอะไรให้แม่รู้สึกแย่” “เปลี่ยนจากขอโทษเป็นกลับบ้านโน้นดีกว่าไหม” “กลับแน่ค่ะแม่ไม่ต้องห่วง” “แม่หมายถึงกลับไปอยู่ถาวร” “เหอะ!” ฉันแค่นเสียงกรอกตามองบนทันทีกับคำว่าอยู่ถาวร ไม่อยู่หรอกไม่เคยคิดจะอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “ยัยเพื่อน” “เพื่อนไปดีกว่า รักแม่นะคะ” ฉันยิ้มให้แม่แล้วเดินออกมาจากห้องท่านจากนั้นก็เดินออกจากบ้านก่อนที่คุณพ่อจะมาเจอ ไม่ใช่อะไรหรอก...หมั่นไส้ ไม่อยากเจอ ฉันขับรถออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ลดลงเลย หงุดหงิดกว่าเดิมด้วยซ้ำ อีแพงมันจงใจโพสให้เห็น จงใจโพสหลังกลับเพื่อให้ฉันเจ็บใจที่กลับบ้านแล้วไม่เจอเงาหัวของมัน! ...มึงจะเล่นแบบนี้กับกูใช่ไหมอีแพง ได้! แล้วมึงจะได้โดนถีบลงนรกซ้ำ ๆ อีกหลายครั้งเลยล่ะ ฉันเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่าเดิมเพื่อไปที่ ๆ หนึ่ง ที่ ๆ อีแพงมันมองหาเป็นที่พึ่งเสมอ -เวลาต่อมา- “มาทำไม?” “มานอน” “กลับไป” “บ้านพี่คนเดียวเหรอ?” ฉันถามส่ง ๆ แล้วเดินขึ้นชั้นสองหน้าตาเฉย “พระเพื่อน... / ออกไปจากบ้านพี่ ได้ยินคำนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว เบื่อฟังมากเลยนะ ไม่เบื่อพูดบ้างเหรอถามจริง?” “แล้วจะให้ไล่ทำไมซ้ำ ๆ วะ” “รำคาญ” ฉันกรอกตาใส่แล้วเดินแกว่งกระเป๋าทำท่าสบายอารมณ์ใส่ผัวเก่าอีกหนึ่งคนของอีแพงที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังแอบแซ่บกันอยู่ไหม แต่ช่างเถอะฉันไม่ได้สนใจ ใครอยากกินของเน่า ๆ เหม็น ๆ ก็ให้มันกินไปไม่ได้แคร์อยู่แล้ว ก๊อก ๆๆ มาไล่อีกตามเคยสินะ เฮ้อ! เบื่อจังพูดไม่เคยรู้เรื่องแต่ก็อย่างว่าไอ้เจ้าของบ้านหลังนี้ฟังภาษาที่พูดตรง ๆ ไม่รู้เรื่องหรอกจะฟังรู้เรื่องก็แค่ภาษาเดียว...ภาษาตอแหล กริ๊ก! “มีอะไร?” “พี่รู้ว่าเธอมาทำไม” “ฉลาดนี่ แต่ทำไมเรื่องอื่นไม่ฉลาดบ้างนะปล่อยให้อีแพงมันตอแหลใส่อยู่ได้” “เมื่อไหร่เธอจะเลิกใช้คำพูดต่ำ ๆ ว่าคนอื่นสักทีวะพระเพื่อน” “ก็ตอนที่มันตายไง เคยบอกอยู่นะ” ฉันกรอกตาใส่เป็นครั้งที่ล้านให้กับความพูดไม่รู้เรื่องของคนตรงหน้าแล้วมั้ง โง่...โง่ซ้ำโง่ซ้อน “พระเพื่อน!” “อะไร?” ตะคอกหาสวรรค์วิมานอะไร? “ทำไมเอาแต่ทำตัวแย่วะ ถ้าอิจฉาพระแพงที่มีแต่คนรักก็หัดทำตัวดี ๆ บ้าง” “ใครอิจฉามัน? แล้วที่บอกให้ทำตัวแบบมันนี่ไหนเหรอ แบบไหนที่ว่าดี? ตอแหลทั้งวันแบบนั้นน่ะเหรอ?​ ถุย!” ฉันแกล้งทำท่าถุยน้ำลายใส่ซึ่งแน่นอนว่าคนที่โมโหอยู่ตรงหน้าพอเห็นท่าทางเสื่อมทรามเกินผู้หญิงของฉันเส้นเลือดที่ขมับเขาก็ยิ่งปูดขึ้นจนกลัวว่าเส้นเลือดจะแตกตาย “พระเพื่อน! มันเกินไปแล้วนะ” “แล้วที่พูดว่าเพื่อนอิจฉามันล่ะไม่เกินไปหน่อยเหรอ พี่ก็รู้ว่าเพื่อนไม่ชอบแล้วพูดทำไม” “เออ! พี่รู้ดีว่าเธอไม่ชอบคำนี้ แต่มันก็เหมือนกับที่ทุกคนรู้ดีว่าเธออิจฉาพระแพงนั่นล่ะ!” “ถุย! คนอย่างเพื่อนนี่นะจะอิจฉาอีแพง ปัญญาอ่อน! ถ้าสมองพี่มันมีแค่นี้ก็เก็บมันไว้จำเรื่องดีของอีแพงเถอะไม่ต้องไปยัดเรื่องเพื่อนอิจฉาอีเมียเก่าพี่ไว้ในสมองหรอกเพราะแค่นี้สมองก็น้อยจนไม่มีที่รับข้อมูลอะไรแล้วพี่กาย!” ปัง! ...ผัวอีแพงนี่มันเซลล์สมองน้อยทุกคนเลยให้ตายเถอะ! ไอ้ผู้ชายพวกนี้ถูกอีนั่นดูดสมองไปหมดเพื่อเพิ่มเลเวลตอแหลรึไงนะถึงได้โง่ซ้ำซาก โง่ซ้ำซ้อน โง่จนไม่รู้จะสิ้นสุดความโง่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้จะอธิบายความโง่ออกมาได้ยังไง!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม