กวีเดินออกมาว่าจะตามทั้งคู่ลงไปชั้นล่างเพื่อนอนพักกลับต้องหยุดชะงัก นายน้อยจับมือคุณวาเลนกดลงบนเตียงแล้วก้มลงจูบไม่หยุดก่อนจะพลิกตัวคร่อมทับ เขารีบหมุนตัวหันหลังหนีออกไปก่อนจะขัดจังหวะใคร งานนี้ถ้าคุณท่านรู้เข้านายน้อยน่าจะโดนด่าเละ ไม่ก็ทะเลาะกันบ้านแตกแน่ หรือถ้าเข้าไปขัดเขาก็โดนนายน้อยด่าเละเหมือนกัน เมื่อกี้คุณวาเลนก็ดูเหมือนจะไม่ได้ขัดขืนอะไรด้วย
นายน้อยจะมีเมียเด็กรึเปล่าวะ
แต่นายน้อยไม่เคยเชื่อเรื่องความรักนี่
“กวี”
“นะ…นายน้อย!”
“ตกใจอะไร?”
“ก็…เปล่าครับ แล้วทำไมอุ้มคุณวาเลนมาล่ะ?”
“เมาหลับ คุยกับพ่อว่าไงมั้ง?” ไคโรอุ้มเด็กปากหวานเดินไปที่เตียงนอนขนาดเล็กพร้อมกับถามกวี เขาวางเธอลงอย่างทะนุถนอมแล้วห่มผ้าให้จะได้ไม่หนาวมากเพราะอากาศชั้นใต้ดินค่อนข้างเย็น
“พรุ่งนี้คุณท่านจะส่งเฮลิคอปเตอร์มารับตอนเช้าครับ ถ้ามาช่วงบ่ายหวั่นใจว่าจะเจอกับพายุ”
“ก็ดี แล้วพ่อได้พูดอะไรอีกไหม?”
“ถ้านายน้อยมาให้นายน้อยโทรกลับด้วยครับ”
“ตาแก่หัวงูนี่เรื่องเยอะ!”
“นายคงเป็นห่วงมั้งครับ”
“พ่อนี่นะเป็นห่วงกู!”
“ก็นายน้อยเป็นลูกชายคนเดียว”
“ถ้าพ่อเป็นห่วงจริงคงไม่สั่งให้มาที่นี่หรอกกว่า พ่อเป็นห่วงยัยเด็กเล็กโน้น!”
กวีส่งโทรศัพท์ให้นายน้อยที่เดินมาด้วยท่าทางหงุดหงิดแล้วกดเบอร์โทรหานายใหญ่ เรื่องในห้องนอนคงจะเกิดขึ้นเพราะความเมาและยังไม่มีอะไรมากกว่าจูบ เขาลงมาถึงชั้นใต้ดินก่อนไม่ถึงห้านาทีเท่านั้นเอง นายน้อยกับนายใหญ่พูดคุยไม่ถูกคอกันจนแทบจะเป็นปรกติ ต่างคนก็ต่างหัวร้อนมาก เพราะแบบนี้เลยใช้ให้เขาคุยจะได้ง่ายต่อการสื่อสารและเข้าใจทุกอย่างแบบไม่ต้องมีเรื่องทะเลาะให้เสียเวลา ผ่านไปครึ่งชั่วโมงที่นายน้อยทะเลาะกับนายใหญ่ไม่หยุดเลย
ในที่สุดก็วางสายสักที
เฮ้อ…สบายหูขึ้นเยอะมาก
“ฉันจะนอนที่พื้นข้างเตียงวาเลนนะ ส่วนแกจะนอนตรงไหนก็เชิญ”
“ผมหาผ้าห่มมาไว้ให้แล้ว ถ้าปูนอนน่าจะไม่ทำให้ปวดตัวมาก”
“เมื่อกี้ขึ้นไปข้างบนด้วยใช่ไหม?”
“ครับนายน้อย”
“เห็นอะไรก็เงียบไว้ อย่าให้พ่อกูรู้เด็ดขาด!”
“กลัวนายใหญ่จะด่าเหรอ?”
“พ่อน่าจะทำอย่างอื่นมากกว่าด่าน่ะสิ!”
“สบายใจได้เลยครับ พอดีว่าผมไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร”
“ก็ดี ไปนอนแล้วนะกวี”
“เชิญครับนายน้อย ผมว่าจะดูหนังแก้เบื่อสักเรื่องก่อน”
เขาเดินมาหยิบผ้าห่มมาปูเป็นที่นอนแล้วห่มผ้าที่ช่วยกันความหนาวเย็นได้ไม่เท่าไร จากนั้นดึงมือเด็กเล็กมาจับเอาไว้กันหนีรึเปล่าก็ไม่มั่นใจ สิ่งที่รู้สึกคืออุ่นใจเพียงแค่เห็นเธออยู่ในสายตา ได้ใกล้ชิด ได้สัมผัส หรืออะไรก็ได้แค่มีวาเลนอยู่ตรงนี้ ความรู้สึกที่เข้มข้นตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันนั้นทำให้หวั่นใจมากในอนาคตที่จะตามมา เรื่องนี้จะให้พ่อรู้ไม่ได้เพราะกลัวว่าจะถูกขัดขวาง พอกลับไปถึงแล้วพ่อไม่น่าจะไว้ใจให้เขาใกล้ชิดวาเลนด้วย ดังนั้นเขาต้องหาทางเองและห้ามพ่อรู้ว่าคิดอะไร
วางแผนลักพาตัวไปไว้ที่บ้านดีไหมนะ
เขาจะได้มีเธอคนเดียว
วันต่อมาเราเดินทางกลับโดยไร้ปัญหาเพราะพวกนั้นถูกหลอกไปที่อื่นแทน หลังจากเดินทางหลายชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงบ้านของพ่อที่ไม่มีร่องรอยผู้หญิงเลย บ้านดูเป็นระเบียบมากกว่าปรกติ ความสะอาดสะอ้านขนาดนี้ไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไร ไคโรมองพ่อตัวเองด้วยความหวั่นใจแล้วมองเด็กตัวเล็กที่ยิ้มกว้างออกมา พ่อเดินมาหากำลังจะดึงวาเลนเข้าไปกอดแต่ว่าเขาแทรกตัวไปขวางแทน
ไม่ยอมให้พ่อแตะต้องเด็กหรอก
เขาไม่ไว้ใจ
“ไอ้ไคโร!”
“อย่ามาทำตัวหัวงูนะพ่อ!”
“แกนี่มันไม่รู้อะไรเลย!”
“พ่อ!”
“ถอยไปไคโร!”
“ไม่อะ วาเลนไปนั่งตรงนั้นเถอะแล้วคืนนี้ถ้าจะค้างที่นี่พี่ก็จะค้างด้วย”
“เฮ้อ…ไปพักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน กวีมาด้วยล่ะอย่าพึ่งหนีกลับ”
“ครับนาย”
เอเธนส์มองลูกชายที่ทำตาแข็งใส่เขาด้วยความไม่ไว้วางใจ มันคิดว่าเขาจะเอาวาเลนมาเป็นแม่ใหม่รึไงห่ะถึงทำตาขวางขนาดนั่น ไคโรก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าเขาไม่จริงจังกับผู้หญิงคนไหน ตั้งแต่มันเด็กจนโตก็ไม่เคยมีวี่แววว่าจะเอาใครมาตบแต่งเป็นเมียและเป็นแม่เลี้ยงสักคน เขาไม่อยากจะเชื่อในความรักว่ามันจะมีจริง ทั้งที่รู้ว่ามีจริงและรู้ว่าความรักทำให้เจ็บขนาดไหน
เขาเคยรักและถูกหลอกว่ารัก
ตอนรู้ว่าจริงเขาเจ็บปวดทรมานมาก
เขารักวาเลนเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ช่วยดูแลมาตั้งแต่อยู่ในท้อง อยู่ในวันที่วาเลนลืมตาดูโลกในวันแรก ไปหาทุกวันเกิด ส่งของขวัญให้ทุกเทศกาล มีเวลาว่างก็จะแวะไปเยี่ยมที่เกาะส่วนตัวเสมอ
ฟีนิกซ์เป็นคนที่ช่วยเขาในวันที่ยากลำบากและไม่เหลือใครสักคนเคียงข้าง แม้แต่เมียก็หักหลังกันอย่างเลือดเย็น เขาล้มลงเพราะความไว้ใจก็มีฟีนิกซ์ช่วยประคองให้กลับมาอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว ฟีนิกซ์เคยช่วยเลี้ยงไคโรตอนเด็กก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เกาะส่วนตัวกับลูกสาวหลังจากที่เมียตายเพราะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว นั่นเลยทำให้ไคโรจำฟีนิกซ์ไม่ค่อยได้สักเท่าไร แล้วลูกชายไม่เคยไปเกาะส่วนตัวแห่งนั้นกับเขาด้วยสักครั้ง ล่าสุดที่ไคโรเจอกับฟีนิกซ์ก็เมื่อไม่กี่ปีก่อน
เขารักวาเลนเหมือนลูกสาวแท้ๆ
ไม่มีทางคิดอกุศลหรอก
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำหลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้ว เราทั้งหมดเข้าไปคุยในห้องทำงานและรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกัน บริษัทของพ่อถูรีดไถเงินจาดกลุ่มหัวรุนแรงเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไปได้แบบไม่สะดุด พวกมันต้องการเงินประมาณห้าร้อยล้านแลกกับการคุ้มครองและจะไม่ป่วน
พวกมันต้องการให้พ่อสนับสนุนงบการผลิตอาวุธเถื่อนเพราะรู้ว่าพ่อมีคอนเนคชั่นมากพอสมควรกับพ่อค้าหลายคนที่กระจายของได้ดี พ่อไม่ยอมให้เงินมัน อาฟีนิกซ์ก็ไม่ยอมเลยวางแผนซ้อนเพื่อแบล็คเมล์พวกมันและจะส่งหลักฐานลับให้คนอื่นจัดการต่อจากนี้แทน
อาฟีนิกซ์เก็บหลักฐานได้หมด
พวกมันรู้เลยกำจัด
ยังมีอีกเรื่องที่สงสัยคือข้อมูลบางส่วนของบริษัทถูกเจาะมาได้ยังไง รหัสที่ใช้มีคนรู้และน่าจะรู้อะไรหลายอย่างซะด้วย เรื่องส่วนตัวของเขาถูกใครบางคนขโมยไปโดยที่พ่อพยายามจะตามหา แต่ยิ่งตามก็ยิ่งเจอแค่เรื่องที่น่าสงสัยเต็มไปหมด สิ่งที่มันน่าจะสนใจในตอนนี้คือทรัพย์สินของพ่อที่จะตกเป็นของเขาในอนาคต แล้วพยายามสืบค้นเรื่องของอาฟีนิกซ์และหาทางกำจัดให้ได้ด้วยเหตุผลสำคัญ อาฟีนิกซ์รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมดแล้ว วาเลนคือคนกุมความลับของพ่อตัวเองแทบทุกอย่าง
ยัยเด็กเด็กถูกหมายหัว
แต่ใครจะยอมให้ทำอะไรง่ายๆ