EPISODE 02
เฮือกกกกก!!!!
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่น่ากลัว รู้สึกได้เลยว่าร่างกายตัวเองสั่นเทาไปด้วยความกลัวบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในใจที่ตัวเองนึกไม่ออก
ทำไมในฝันนั้นมันถึงน่ากลัวขนาดนี้
"นี้ฉันถึงกับร้องไห้เลยเหรอ? "ไม่อยากจะเชื่อ! อ่อนไหวขนาดนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ไอรีน!
ไม่ได้นะ! เธอต้องเข้มเเข็งเข้าไว้เข้าใจมั้ย ตอนนี้สับสนไปหมดแล้วไหนความฝันไหนความจริงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันถูกบังคับให้เซ็นยกสมบัตินั้นฉันฝันหรือเปล่า เเล้วที่นันท์โดนผู้ชายคนนั้นปาดคอต่อหน้าฉันนั้นใช่ความฝันมั้ย?
"โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวฉันควรอาบน้ำแล้วออกไปดูเองจะได้รู้"พูดกับตัวเองจบประโยคฉันก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนปกติ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
"คุณหญิงน่ากลัวมากอาละวาดใหญ่เลย"เดินออกมายังไม่ถึงประตูบ้านฉันก็แอบได้ยินบรรดาสาวใช้ยืนคุยกันด้วยท่าทีหวาดกลัวเเต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจนฉันอดที่จะเดินเข้าไปถามไม่ได้
"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ทำไมทำเหมือนไปเจอผีกันมา"
"ยิ่งกว่าผีอีกค่ะคุณไอรีน"ป้าลีนแม่บ้านที่อยู่ที่นี่มานานนับสิบปีตอบฉันอย่างกลัว ๆ คือฉันรู้จักแค่ป้าลีนคนเดียวน่ะสิ คนอื่นรู้จักที่ไหนไม่เคยเข้าไปยุ่งในบ้านนั้นเลย
"ทำไมคะ? "เห็นท่าทางแบบนี้เเล้วฉันยิ่งอยากจะรู้ ใจก็แอบสั่นไหวกลัวเรื่องเมื่อคืนจะไม่ใช่เเค่ความฝัน
"คุณไอรีนยังไม่รู้เหรอคะว่าคุณนันท์เสียเเล้ว"ฉันเหมือนคนโดนหมัดเสยคางเข้าใส่จนมันน็อก ร่างกายชาวาบ มันเเข็งจนเเทบกระดิกไม่ได้
นันท์ตายเเล้ว งั้นก็เเสดงว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน
"กะ เกิด อะไรขึ้นคะ? "มันอาจจะเเค่เรื่องบังเอิญฉันกำลังภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้น
"คุณนันท์ถูกฆ่าค่ะ เห็นว่าปาดคอด้วยเเต่ไม่รู้ใครทำคุณหญิงอาละวาดใหญ่เลยค่ะ ทุกคนวิ่งหนีกันหมดแล้ว"ตอนนี้สมองฉันมึนงงไปหมดแล้ว สรุปคือฉันไม่ได้ฝันทุกอย่างคือเรื่องจริง เเต่ที่สงสัยคือฉันเดินกลับบ้านมาด้วยตัวเองเหรอ? ทำไมฉันถึงตื่นขึ้นมาในบ้านตัวเองทั้งที่เมื่อคืนฉันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยังแอบคิดอยู่เลยว่าตัวเองกำลังจะโดนฆ่าเหมือนกัน
Rrtt
"ตาเถร!! คุณไอรีนป้าตกใจหมดเลยค่ะ"เสียงมือถือน่ะ ป้าลีนสะดุ้งเฮือกเลย ฉันก้มหัวขอโทษเล็กน้อยเเล้วล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมา หน้าจอแสดงเบอร์โทรเป็นน้ำใสที่โทรเข้ามา
" (ไอรีน!!) "พอฉันรับเพื่อนฉันก็กรอกเสียงดังใส่จนฉันต้องดึงมือถือออกห่างจากหูเพราะไม่อย่างนั้นหูได้ระเบิดแน่ ๆ
"อย่าบอกว่าเเกรู้เเล้ว"คิดแล้วว่าต้องโทรมาถามเรื่องนี้เลยดักทางถามไปก่อน
" (ใช่! ไม่รู้ได้ไงข่าวออกใหญ่โตขนาดนั้น ละนี่เเกอยู่ไหน?) "อ่า.. ข่าวออกด้วย
แน่ล่ะ
ลูกชายคนมีอิทธิพลใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ต้องไม่ใช่ข่าวธรรมดาอยู่เเล้ว
"อยู่บ้าน มีเรื่องอยากจะเล่าด้วยแต่ตอนนี้ไม่สะดวกไว้ฉันกลับไปบ้านพักเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟัง"
" (โอเค มีอะไรให้ช่วยเเกรีบโทรมาบอกพวกฉันเลยนะ จะเเสตนบายรอ) "
"โอเค"ว่าจบฉันก็วางสายพร้อมเก็บมือถือกลับไปที่เดิม
"ป้าคะเเล้วศพคุณนันท์ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ? "
"ยังอยู่ในบ้านอยู่เลยค่ะคุณหญิงอาละวาดไม่ให้เอาออกไปแต่คุณท่านสั่งให้คนเอาศพไปทำพิธี ตอนนี้ข้างในวุ่นวายมากค่ะ"
"ออกไป!!!!! ฉันบอกให้ออกไปให้หมด!!! อย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน ฮือ.. ลูกแม่ไอ้เลวที่ไหนมันกล้าทำกับลูกแบบนี้เเม่จะไปฆ่ามัน!!!! "เสียงเเม่ใหญ่อาละวาดดังมาถึงข้างนอก
ฉันควรเข้าไปมั้ย? ถามว่าเสียใจมั้ยที่นันท์ตาย บอกเลยว่าไม่
ฉันเกลียดหมอนั้นเข้าไส้เเต่ที่ลังเลเพราะเเม่ใหญ่กับพ่อใหญ่ก็ดูจะมีพระคุณกับฉันต่อให้ที่ทำไปเพราะเรื่องพินัยกรรมนั้นก็ตามและตอนนี้พินัยกรรมฉบับนั้นก็ถูกผู้ชายเสื้อดำคนนั้นฉีกทิ้งไปแล้วด้วย
"พ่อใหญ่คะมีอะไรให้หนูช่วยมั้ย? "ฉันเข้ามาในบ้านเเล้ว ศพนันท์ยังอยู่ตำแหน่งเดิมกับเมื่อวาน ข้าง ๆ นันท์มีแม่ใหญ่นั่งร้องไห้เหมือนคนขาดสติอยู่ พ่อใหญ่ปรายตาขึ้นมามองฉัน สายตาเเบบนี้เดาไม่ยากฉันต้องถูกคนพวกนี้ข่มขู่อีกแน่นอนตราบใดที่ยังไม่ได้สมบัติที่ฉันยังงงอยู่เลยว่ามาจากไหน
พรึ่บ!!!
"หนูเจ็บนะ!! "กะทันหันมันรวดเร็วมากที่ลำคอฉันถูกพ่อใหญ่บีบรัดเเน่นจนหายใจเเทบไม่ออก
"มึงยังต้องเคลียร์กับกู เรื่องเมื่อคืนยังไม่จบ! "รู้สึกได้เลยว่าเท้าตัวเองเริ่มลอยขึ้นมาเหนือพื้นเเล้ว ฉันแทบจะหมดแรง มันตันไม่มีทางที่จะสามารถหายใจได้เลย
"เอามันไปขังไว้!!! "
"ฮึก.."ฉันรีบสูดหายใจเข้าเต็มปอด ร่างกายถูกใครสักคนหิ้วเข้าไปในบ้านที่ฉันเคยอยู่ก่อนที่บ้านหลังนั้นจะถูกกักขังไว้จนฉันไม่สามารถเปิดประตูออกไปได้ ทุกอย่างถูกยึดไปหมดไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ฉันสามารถเอามาติดต่อกับเพื่อนได้เลย
"ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว! "ฉันทุบประตูบ้านอย่างโมโห
ต่อจากนี้ฉันจะไม่คิดแบบเมื่อเช้าอีก บุญคุณที่ต้องชดใช้งั้นเหรอ? ไม่มีให้ตอบเเทนเเล้วในเมื่อคนพวกนั้นแทบจะทิ้งขว้างฉัน แถมยังเก็บฉันมาเลี้ยงเพื่อผลประโยชน์อีก เรื่องอะไรฉันจะต้องทำตัวเป็นคนดีในเมื่่อเขาทำร้ายฉันขนาดนี้
กลางดึกคืนนั้น
จ๊อก...
"หิว.."หิวจนตาลายเเล้ววันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลย อาบน้ำก็แล้วพยายามข่มตานอนก็เเล้วเเต่ก็ไม่สามารถทำให้หายหิวได้เลย
ฉันนั่งเหม่อมองประตูบ้านด้านข้างที่เป็นกระจกใสเป็นชั่วโมงเเล้วได้เเต่หวังว่าการนั่งมองดวงจันทร์ยามค่ำคืนอาจจะทำให้หายหิวได้บ้าง เเต่ไม่เลยฉันหิวจะตายอยู่เเล้ว หิวเพิ่มขึ้นทุก ๆ นาทีเลยด้วย
"ถ้าคิดจะขังกันนานขนาดนี้ก็น่าจะทิ้งอาหารให้ฉันกินบ้าง ถ้าฉันตายใครจะเซ็นยกพินัยกรรมให้ล่ะ! โอ๊ย! "คิดแล้วหงุดหงิดจนต้องยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแรง ๆ จนผมยุ่งเหยิง ฉันได้เเต่ดิ้นอย่างโมโหที่อยากกินเเต่กินไม่ได้เพราะไม่มีอะไรในตู้เย็นเลย ดิ้นจนชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวร่นขึ้นมากองเหนือหัวเข่าแล้วด้วย
"อ๊ะ.. กรี๊ด! "หัวใจแทบระเบิดออกมาข้างนอก! อยู่ ๆ คนเเปลกหน้าในคราบชายชุดดำก็โผล่หน้ามานั่งจ้องหน้าฉันอยู่หน้าประตูที่เป็นกระจกใส
ฉันตกใจจนลุกพรวดขึ้นแล้วดึงกระโปรงลงอย่างมิดชิด อีกเช่นเคยวันนี้เขาปกปิดใบหน้าไว้มิดชิดฉันเห็นเเค่ดวงตาของเขา ในมือที่สวมถุงมือดำนั้นถือมีดปลายเเหลมอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แล้วเขาก็เคาะมันบนกระจกใสที่คั่นกลางระหว่างเราอยู่ เขาวนเวียนอยู่รอบตัวฉันมาเป็นเดือนเเล้วเเต่ยังไม่เคยทำร้ายฉันสักที ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
ฉันจ้องเขานิ่งก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ประตูกระจกที่เขาเองก็นั่งใช้มีดเคาะอยู่
"นายเป็นใคร? "รู้ว่าเขาไม่ได้ยินเเต่ฉันเเค่ถามออกไปเพราะสงสัย
เขาน่าจะเข้าใจเพราะฉันขยับปากพูดช้ามาก ผู้ชายคนนั้นหยุดเคาะกระจก
เขาลดมีดลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาติดกับกระจกใสมากกว่าเดิม ยอมรับว่าตอนนี้ฉันกลัวเขามากแต่ความอยากรู้ก็มีมากเหมือนกัน การที่ฉันขยับร่างกายตัวเองเข้าไปใกล้กระจกนั้นเพื่อต้องการหาความจริงจากดวงตาราบเรียบเเต่ดุดันนั้นเพราะความอยากรู้ล้วน ๆ อีกอย่างที่กล้าก็เพราะคิดว่าเขาคงเปิดเข้ามาไม่ได้ขนาดฉันเองยังออกไปไม่ได้เลย
"นายเป็นใครกันนะ.."ฉันลูบดวงตาทั้งสองข้างนั้นผ่านกระจกอย่างต้องการหาคำตอบ เขาขยับไปข้างขวาฉันก็ขยับไปด้วยพอเขาขยับไปข้างซ้ายฉันก็ขยับตามส่วนเขาก็เอาแต่นั่งมองหน้าฉันนิ่ง ๆ สายตาคู่นั้นเหมือนมีเเรงดึงดูดให้ฉันเข้าหา ยิ่งถูกเขามองเเบบนั้นฉันยิ่งอยากเข้าไปใกล้เเต่เขากลับถอยหลังออกไปแล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
"ไปไหนเเล้ว"กลับกลายเป็นฉันที่ลนลานหาเขาไปทั่วเเต่กลับหาไม่เจอ