บทที่ 6 มองหน้ากันและกัน

3197 คำ
น็อกซ์ : หลุยส์ดูเหมือนเหม่อไปไกล ฉันเลยบีบแตรเรียกให้เขาหันมาสนใจ เขายืนนิ่งอยู่ไกลๆ ท่าทางเหมือนคนกำลังสับสน มองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เดินกลับมาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยแน่ใจ "นายเป็นอะไรของนาย? บ้าหรือไง?" ฉันถามเสียงขุ่น "ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แค่เถียงกับนายจนสมองฉันมันหลอนเอง เห็นอะไรที่ไม่น่าจะมีจริงๆ" "ภาพหลอน? นี่นายพูดเรื่องอะไรกันแน่?" "ช่างมันเถอะ อย่าสนใจเลย ฉันไม่อยากให้อารมณ์แย่ๆ ของนายลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่" ฉันมองเขาด้วยความสงสัย หลุยส์ชอบทำตัวประหลาดแบบนี้อยู่เรื่อย แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก จึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ปล่อยให้คำพูดของเขาเป็นแค่ลมผ่านไปเท่านั้น... ---- ลูเซีย : พอตกเย็น ฉันพาไดอานิต้ากับรูธออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปสวนสนุก ระหว่างทาง นิโคโทรมาหา น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยเรื่องที่ฉันทะเลาะกับฟิลิโป เมื่อฉันบอกว่าเรากำลังจะไปสวนสนุก เขาก็รีบขับรถมาสมทบทันที "เจ้าหญิงคนโปรดของลุงอยู่ไหนเอ่ย?" เขาทักพร้อมรอยยิ้มกว้าง "ลุงนิโค!" ไดอานิต้าร้องลั่น ก่อนจะวิ่งไปกระโดดกอดเขาแน่น "นึกว่านายจะยุ่งจนมาไม่ได้ ไม่ต้องลำบากหรอก" ฉันพูดพลางยิ้มบางๆ "ลำบากอะไรกัน ฉันดีใจจะตายที่ได้เจอเจ้าหญิงคนโปรดของฉัน" เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพาไดอานิต้าเดินเล่นรอบๆ อย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ทันไร โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เบอร์ที่โชว์มาคือจากห้องปฏิบัติการ ฉันจึงต้องขอให้นิโคช่วยดูแลไดอานิต้าสักครู่ "ไม่ต้องห่วงเลย ฉันดูแลได้ เธอไปคุยเถอะ คงเป็นเรื่องสำคัญ" นิโคพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "ขอบคุณนะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา" ฉันเดินเลี่ยงไปหามุมเงียบๆ เพื่อรับสาย โชคดีที่เสียงรอบข้างไม่ดังเกินไปจนรบกวน "ใช่ค่ะ ดีมากเลยค่ะ" ฉันพูดพลางยิ้ม "ข้อตกลงกับโรงพยาบาลช่วยเราได้มากจริงๆ เรากำลังเริ่มต้น ยังต้องพิสูจน์คุณภาพอีกเยอะเพื่อขยายสัญญาเพิ่ม" ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น "และเราก็เพิ่งเซ็นเพิ่มกับอีกสามโรงพยาบาล พรุ่งนี้คุณต้องมาด้วยนะครับ มีเอกสารสำคัญต้องเซ็นพร้อมกัน" "เข้าใจค่ะ แล้วฉันมีอีกเรื่องจะคุยด้วย แต่ไว้เจอหน้ากันพรุ่งนี้ดีกว่า" "ได้เลยครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมส่งรายละเอียดให้ทางอีเมล แล้วเจอกันนะครับ" ฉันวางสาย ก่อนจะเดินกลับไปหาไดอานิต้า แต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับเห็นรูธกำลังยุ่งอยู่ที่ร้านขายขนม ส่วนไดอานิต้าหายไป ฉันรีบเดินไปถามเธอด้วยความร้อนใจ "ไดอานิต้าอยู่ไหน?" "คุณนิโคพาไปที่ม้าหมุนค่ะ" รูธตอบ ฉันใจชื้นขึ้นนิดหน่อย พอเดินไปถึงก็เห็นไดอานิต้ากำลังหัวเราะสดใสอยู่ที่เครื่องเล่น แต่สายตาฉันก็พลันสะดุดกับสายไหมในมือเล็กๆ นั่น ฉันรีบก้าวไปหาเธอ "ไดอานิต้า! ลูกกินสายไหมเหรอ?" น้ำเสียงฉันแฝงความตกใจ "ลูกก็รู้ว่ากินไม่ได้" "แต่แม่คะ เด็กคนอื่นก็กินกัน มันดูไม่น่าหวานมากเลยค่ะ" เธอเงยหน้าขึ้นมองฉันตาปริบๆ ฉันหันมองรอบๆ "แล้วนิโคล่ะ?" "ลุงนิโคไปซื้อตุ๊กตาให้หนูค่ะ เขาบอกให้หนูถือเหรียญไว้ซื้ออะไรก็ได้" ไม่นานนิโคก็กลับมาพร้อมตุ๊กตาตัวโตในมือ "ลูเซีย เธอเสร็จแล้วเหรอ? ดูสิ ฉันซื้ออะไรมาให้" เขายื่นตุ๊กตานุ่มๆ ให้ดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ฉันขมวดคิ้ว "นายให้เหรียญไดอานิต้าเหรอ?" "ใช่สิ ของเล่นเต็มไปหมด ฉันก็เลยคิดว่าปล่อยให้เธอเลือกเองจะดีที่สุด" เขาตอบอย่างสบายใจ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเด็กในความดูแลของเราควรมีคนคอยกำกับมากกว่านี้ "คราวหลังดูให้ดีหน่อยได้ไหม?" ฉันพูดเรียบๆ แต่ในใจอดเป็นกังวลไม่ได้ นิโคหัวเราะ "ก็ได้ ถ้าเธออยากให้ทำแบบนั้น" ฉันเหลือบมองสิ่งที่ยังอยู่ในมือของไดอานิต้า แล้วก็เห็นว่านิโคเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน ใบหน้าของเขาซีดลงทันที ฉันย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับลูกสาว วางมือลงเบาๆ บนมือเล็กๆ ของเธอ ก่อนจะสบตากัน “ลูกจ๋า ถึงมันจะดูเหมือนไม่มีน้ำตาลเยอะ แต่สายไหมนี่ทำจากของที่ลูกกินไม่ได้นะ” “หนูไม่รู้ค่ะ แม่ แต่มันทั้งสีสวย ทั้งนุ่มนิ่ม แล้วเด็กๆ คนอื่นก็ดูมีความสุขกันตอนกินด้วย” “แม่เข้าใจจ้ะ แต่…” เธอหลบตาฉัน ก้มหน้าลง ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันเหมือนรู้ว่าทำผิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “หนูขอโทษค่ะ แม่ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แม่ตกใจ” “ไม่เป็นไรจ้ะลูกรัก แม่ไม่ได้โกรธ” ฉันโอบตัวเธอขึ้นมาอุ้มแนบอก เพื่อให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้ตำหนิอะไร มีแค่ความห่วงใยล้วนๆ “แม่สัญญาเลย แม่จะหาวิธีทำขนมแบบนี้ให้ลูกกินได้เอง” “จริงเหรอคะ แม่?” แววตาใสแจ๋วของเธอเปล่งประกายจนฉันอดยิ้มตามไม่ได้ แม้ในใจจะคิดหนักว่าจะหาอะไรที่เหมือนสายไหมและปลอดภัยกับลูกได้ยังไง แต่แค่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ ฉันก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าทุกความพยายาม ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ เราจำเป็นต้องกลับบ้าน นิโคอาสาไปส่ง พอฉันพาไดอานิต้าเข้านอนเสร็จ ฉันก็ลงมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อบอกลา แต่กลับเห็นนิโคยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม “ลูเซีย ฉันขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันควรระวังให้มากกว่านี้ ไดอานิต้ายังเด็ก เธอยังไม่รู้ว่าอะไรควรกินหรือไม่ควรกิน” “ฉันไม่อยากพูดถึงมันตอนนี้ นิโค” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับความกังวล “ฉันแค่รู้สึกใจหายว่าเรื่องมันอาจแย่กว่านี้ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังนะ ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ” “ฉันสาบานเลยว่าฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ ฉันผิดเองที่ไม่รอบคอบพอ ฉันเกือบทำให้เกิดเรื่องใหญ่” “ฉันเข้าใจ แต่ฉันขอแค่ว่า ถ้าคราวหน้านายอยู่กับไดอานิต้า อย่าให้เหรียญเธอไปเดินซื้อของเอง หรือถ้าจะให้ ก็ต้องอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลตลอด อุทยานสนุกมันกว้างมาก เธออาจหลงทางได้ ต่อให้ไดอานิต้าฉลาดแค่ไหน เธอก็ยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ดี” “ฉันเข้าใจดี และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ได้โกรธนายหรอกนะ นิโค ฉันแค่เหนื่อย พรุ่งนี้ฉันมีนัดสำคัญกับพาร์ทเนอร์จากห้องแล็บและโรงพยาบาล” “เข้าใจแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะลูเซีย” ฉันพยักหน้าเบาๆ ส่งเขาออกไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะหยิบอีเมลขึ้นมาตรวจสัญญาที่ส่งมา คิดไว้ว่าค่อยจัดการทุกอย่างตอนเจอทีมพรุ่งนี้ อีกทั้งยังต้องเตรียมใจสำหรับการอธิบายเรื่องที่พี่ชายของฉันเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ด้วย ความคิดมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวขณะที่ฉันเดินกลับไปยังห้องนอน รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของวันทั้งวัน แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นในใจที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งเพื่อลูกและเพื่ออนาคตของเรา เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉันเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของอาหารเช้าก็ลอยแตะจมูก ฉันเห็นรูธกำลังง่วนอยู่ในครัว ขณะเดียวกันเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ ชวนให้บรรยากาศของวันเริ่มต้นอย่างอบอุ่น “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง เดี๋ยวฉันจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้นะคะ” รูธพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก รูธ ฉันยังมีเวลา ต้องรอพี่ชายฉันก่อน” “คุณฟิลิโปมาถึงเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ” “อะไรนะ?” ฉันถามกลับอย่างแปลกใจ “ใช่ค่ะ ฉันเชิญเขาให้รอในห้องนั่งเล่น แต่เขาไม่ยอม บอกว่าจะรออยู่ในรถแทน” ฉันเดินไปที่หน้าต่าง และก็เห็นรถของฟิลิโปจอดอยู่ข้างนอกจริงๆ “เฮอะ คงเป็นเรื่องที่เขายอมรับไม่ได้สินะ กับงานนี้ ไม่แปลกใจเลย แต่ถ้าเขาอยากนั่งรอข้างนอก ก็ปล่อยเขาไปเถอะ” ฉันนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ทานอาหารเช้าที่รูธเตรียมไว้อย่างประณีต รสชาติอร่อยและความสงบของเช้านี้ช่วยให้ฉันมีเวลาเรียบเรียงความคิด หลังจากทานเสร็จ ฉันตรวจดูของที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมวันนี้ ทุกอย่างดูพร้อม ยกเว้นแค่บางสิ่งที่ฉันยังไม่ได้ทำ ฉันเดินเข้าไปในห้องของลูกสาว ไดอานิต้ายังคงหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าและความสงบนิ่งของเธอเหมือนภาพวาดของนางฟ้าตัวน้อย ฉันอยากอยู่ตรงนั้นนานๆ แต่หน้าที่ที่รออยู่ก็ไม่อนุญาต ฉันย่อตัวลง จูบเบาๆ ที่แก้มเธอ หวังให้เธอนอนหลับต่อ แต่ดวงตาใสแจ๋วของเธอกลับลืมขึ้นอย่างแผ่วเบา “แม่คะ” เธอเอื้อมแขนเล็กๆ โอบคอฉันไว้แน่น “อ้าว แกล้งหลับใช่ไหมเรา?” “หนูตื่นตอนแม่เข้ามา แล้วก็อยากทำให้แม่แปลกใจค่ะ” “แม่ตกใจจริงๆ ด้วย” ฉันตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ ฉันดึงเธอมากอดแน่นแล้วโรยจูบลงบนแก้มเนียนนุ่ม “แม่จะไปแล้วเหรอคะ?” “ใช่จ้ะ วันนี้แม่มีงานสำคัญต้องทำ แต่แม่สัญญาว่า พอแม่กลับมา เราจะทำขนมสายไหมสุดวิเศษด้วยกัน” “จริงๆ นะคะ แม่?” “จริงสิจ๊ะ” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม แม้ในใจจะยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง แต่ก็มั่นใจว่าต้องหาทางได้ “ลูกต้องเชื่อฟังรูธนะ ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย แล้วให้เธอพาไปโรงเรียน เข้าใจไหม?” “ค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนจนได้ดาวเต็มสมุดเลย” “แม่เชื่อมั่นในตัวลูกเสมอ” ฉันจูบหน้าผากเธออีกครั้ง ก่อนจะบอกลา เมื่อฉันเดินออกไปถึงรถของฟิลิโป เขานั่งรออยู่ในรถ ดวงตาคมจับจ้องมาทางฉัน “ไม่คิดเลยว่านายจะมาเช้าขนาดนี้” ฉันพูดขึ้นอย่างติดจะประชด “ถ้ามีเรื่องเงินมาเกี่ยว ฉันถือว่ามันสำคัญมาก” “งั้นก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา” เราเดินทางไปที่ LuxLab ก่อนเวลานัดเล็กน้อย หุ้นส่วนคนอื่นๆ ทักทายด้วยความสุภาพ แต่สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ฟิลิโปด้วยความสงสัย เมื่อทุกคนพร้อม ฉันเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ฉันดีใจที่ทุกคนมาครบ และรู้ว่าพวกคุณคงสงสัยว่าผู้ชายคนนี้คือใคร” ฉันสูดลมหายใจลึก “เขาคือฟิลิโป ลุคเคลลี่ พี่ชายของฉัน และตั้งแต่วันนี้ เขาจะทำงานที่นี่ด้วย แต่ฉันขอให้ปฏิบัติกับเขาเหมือนพนักงานคนอื่น อย่าให้สิทธิพิเศษใดๆ เขาจะรับผิดชอบงานด้านการส่งข้อความและงานจิปาถะต่างๆ เดี๋ยวฉันจะคุยรายละเอียดกับเขาอีกที” ทันทีที่พูดจบ ฟิลิโปคว้าข้อมือฉัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คนส่งข้อความ?” เขาพูดเสียงแข็ง “นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมไม่บอกให้ฉันไปเป็นคนทำความสะอาดไปเลยล่ะ?” น้ำเสียงที่ทั้งแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความโกรธของเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดขึ้นทันที ฉันพยายามรักษาความสงบในใจ เพราะรู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างมีสติ เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ “ก็นั่นแหละ คงเป็นทางเลือกหนึ่ง” ฉันตอบเสียงเรียบ “นี่เธอล้อเล่นใช่ไหม? ฉันเป็นพี่ชายของเธอนะ จะให้ฉันทำงานต่ำกว่าตำแหน่งฉันแบบนี้น่ะเหรอ?” ฟิลิโปถามกลับ สีหน้าไม่พอใจชัดเจน “งานทุกงานมีเกียรติ ฟิลิโป แล้วนายคิดว่าฉันจะให้นายทำงานอะไรล่ะ?” “ก็อย่างน้อยต้องเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารสิ” “คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ เขามีประสบการณ์และความสามารถที่เหมาะสม นายลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองแทบไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยให้จบ แถมยังไม่มีวุฒิทางเศรษฐศาสตร์ด้วยซ้ำ” “นี่มันตลกชัดๆ ฉันแต่งตัวเต็มยศ ใส่สูทมาเสียเปล่า” “อย่ามองมันแบบนั้นสิ ฟิลิโป นายจะได้เริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยให้นายก้าวหน้าไปได้ในอนาคต ฉันให้สำนักงานนายไม่ได้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานหรอกนะ” “ฉันมีความสามารถไม่แพ้คนอื่น” “งั้นก็พิสูจน์สิ” ฉันตอบกลับทันที น้ำเสียงหนักแน่น “ฉันบอกนายไปแล้วนะฟิลิโป ว่าฉันจะไม่ให้อะไรนายเปล่าๆ ทุกอย่างนายต้องได้มาด้วยความพยายามเหมือนพนักงานคนอื่นที่นี่ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ” “ก็ได้” เขาตอบกลับ พลางจ้องฉันด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดนี่เธอทำเพื่อบีบให้ฉันเลิกเรียกร้องเงินที่ฉันควรได้ แต่เธอคิดเหรอว่าจะกำจัดฉันได้ง่ายๆ? โอเค ฉันจะเป็นเด็กส่งเอกสารก็ได้” เขาพูดเสียงแข็งก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง “ฉันจะไปห้องน้ำ” ฉันหันกลับมาหากลุ่มหุ้นส่วนที่นั่งเงียบ มองหน้ากันด้วยความอึดอัด “ขอโทษด้วยนะคะที่พวกคุณต้องมาเห็นเรื่องนี้” ฉันถอนหายใจยาว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาครบแล้ว ช่วยอัปเดตเรื่องข้อตกลงกับโรงพยาบาลให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?” หนึ่งในหุ้นส่วนเริ่มรายงานทันที “แน่นอนครับ เราเพิ่งเซ็นสัญญากับโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในประเทศ” ฉันเปิดเอกสารในมือ ไล่สายตาดูรายชื่อโรงพยาบาลและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จนกระทั่งมาสะดุดที่ชื่อหนึ่ง “โคฟเลอร์?” ฉันถามด้วยความสงสัย “ใช่ครับ โรงพยาบาลนี้เป็นที่รู้จักในวงการมาก เมื่อเทียบกับที่อื่น ถือว่ามีความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงสูงกว่า แถมยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัย การร่วมงานกับพวกเขาจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเรา” ในขณะที่พวกเขาอธิบาย ฉันกลับรู้สึกเหมือนหัวโล่งไปหมด “คุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” หนึ่งในหุ้นส่วนถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันเปลี่ยนไป “อ๋อ ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ฉันพยายามยิ้มบางๆ เพื่อกลบเกลื่อน “ถ้าจะขอตัวสักครู่ ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” “ได้เลยครับ แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่า เราต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อลงนามสัญญาโดยตรงกับพวกเขา คุณน็อกซ์ โคฟเลอร์ จะรอพวกเราอยู่ที่นั่น” ฉันพยักหน้า แต่ในใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่เดินเข้าห้องน้ำ ฉันเปิดน้ำเย็นล้างหน้า พยายามรวบรวมสติ นี่มันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม? แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสที่เรื่องแบบนี้จะเกิด แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ฉันจ้องตัวเองในกระจก พยายามปรับสีหน้าให้สงบ “น็อกซ์ โคฟเลอร์ ก็แค่ลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น และจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับลูกค้าคนอื่น ไม่มีทางที่เขาจะได้พบกับลูกสาวของฉัน” ฉันหายใจเข้าลึก ตั้งสติ แล้วเดินออกจากห้องน้ำกลับไปหาทีมงาน ไม่กี่นาทีต่อมา เรามาถึงหน้าโรงพยาบาล “เดี๋ยว นี่มันโรงพยาบาลโคฟเลอร์?” ฟิลิโปพูดขึ้นทันที “นี่มันไม่ใช่...?” “ก็แค่ลูกค้ารายหนึ่ง โอเคไหม? เลิกพูดได้แล้ว เรารีบไปกันเถอะ” ฉันรีบตัดบทก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ----- น็อกซ์ : "คุณทำอะไรอยู่ที่นี่?" เสียงของหลุยส์ดังขึ้นทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของฉัน "ผมก็กำลังทำงานอยู่น่ะสิ" ฉันตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง "ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! คุณควรจะอยู่ในห้องประชุม!" "ประชุมอะไร?" "โอ้พระเจ้า! ผมส่งเอกสารให้คุณเซ็นแบบออนไลน์ไปแล้วไง วันนี้คุณต้องมาเซ็นสัญญาฉบับสุดท้าย ตัวแทนของ LuxLab มารออยู่!" "ให้ตายเถอะ..." ฉันลุกจากโต๊ะด้วยความหงุดหงิด ไม่อยากเถียงอะไรตอนนี้ แล้วเดินตามหลุยส์ไปที่ห้องประชุมทันที แต่ทันทีที่เราเข้าใกล้ห้องประชุม ฉันก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นตา แม้จะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด เพราะท่าทีหยิ่งทะนงของเขามันเด่นชัดจนยากจะมองข้าม "คุณมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถามเสียงเข้ม "ผมทำงานกับ LuxLab" ฟิลิโปตอบหน้าตาเฉย "นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหม? คุณจะรู้อะไรเกี่ยวกับงาน?" ฉันถามกลับอย่างไม่ไว้หน้า "แปลกใจเหรอที่เจอผม น็อกซ์? งั้นเดี๋ยวคุณจะยิ่งแปลกใจไปกว่านี้" ฟิลิโปพูดอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะหันไปชี้มือ นั่นแหละ... ฉันถึงได้เห็นเธอ เธอยืนอยู่ที่มุมห้อง กำลังพูดคุยกับสมาชิกคณะกรรมการด้วยท่าทีสง่างาม เธอเสยผมสีดำขลับเบาๆ ไปด้านหลังอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีแววของความสั่นไหวหรือตกใจ เหมือนกับว่าเธอไม่ได้สังเกตฉันเลย แต่สำหรับฉัน... ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ เท้ารู้สึกเหมือนจมลงไปในโคลน "ลูเซีย..." ฉันพึมพำชื่อของเธอออกมาอย่างไม่แน่ใจ เธอเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเราประสานกัน ผ่านมาแล้วหกปี... หกปีที่ฉันคิดว่าคงไม่มีวันได้เจอเธออีก แต่การที่เธอมาอยู่ที่นี่ ในโรงพยาบาลของฉันเอง มันเหมือนโชคชะตาเล่นตลกอย่างไม่ปรานี ฉันมองเธอในแบบที่ไม่เคยมองมาก่อน หญิงสาวขี้อาย ร่างเล็กที่ฉันเคยรู้จัก หายไปอย่างสิ้นเชิง คนตรงหน้าฉันคือหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม เธอเปลี่ยนไปมากจนฉันแทบจำไม่ได้ "คุณโคฟเลอร์ พวกเรารอคุณอยู่ค่ะ" น้ำเสียงของเธอราบเรียบและนิ่งสงบ ไม่มีแววความทรงจำเก่าๆ ปรากฏในคำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว "เราจะเริ่มเซ็นสัญญาได้หรือยังคะ?" เธอพูดเหมือนฉันเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง ไม่มีอดีต ไม่มีเรื่องราวร่วมกัน และความเฉยชานั้น... มันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเธอก้าวข้ามไปไกลแล้ว ในขณะที่ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม