บทที่ 9 เหตุไม่คาดฝัน

2059 คำ
น็อกซ์ : “เธอเมินนายเลยเหรอ?” หลุยส์ถามพลางหัวเราะราวกับเรื่องที่ฉันเล่าเป็นเรื่องขำขัน ฉันได้แต่ถอนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ตลกสำหรับฉันเลย “ถ้านายจะเอาแต่หัวเราะ ฉันว่าฉันไปดีกว่า ปล่อยให้นั่งขำคนเดียวเถอะ” ฉันพูดพร้อมลุกขึ้นยืน “เอาน่า อย่าพึ่งโมโหสิ นายต้องยอมรับว่ามันตลกจริงๆ” เขายังไม่วายพูดยั่ว “มันขำตรงไหนที่โดนทิ้งให้พูดกับตัวเอง?” ฉันพูดอย่างหงุดหงิด “ให้ตายสิ ฉันเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้านายตอนนั้น ฉันว่าคงดูฮาไม่เบา” หลุยส์พูดพร้อมหัวเราะต่อ “พอเถอะ ฉันไม่ทนอีกแล้ว แค่นี้ที่เธอทำก็เกินพอแล้ว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เตรียมจะเดินออกไป แต่หลุยส์รีบยื่นมือมากันทางไว้ “โอเค โอเค ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรหัวเราะกับความลำบากใจของเพื่อน” เขาพูดพลางพยายามกลั้นหัวเราะ “เอาแบบนี้ ฉันเลี้ยงมื้อนี้ ถือว่าไถ่โทษ” ฉันยอมกลับมานั่งลง แม้จะยังไม่พอใจกับท่าทางล้อเล่นของเขา แต่การเลี้ยงฟรีก็ดีเหมือนกัน “เอาล่ะ เริ่มต้นใหม่ นายไปหาเธอทำไม? อยากคุยเรื่องอะไรกันแน่?” หลุยส์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “ฉันแค่อยากรู้ความจริง ตอนที่เจอเธอที่โรงพยาบาล ฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งตัว” ฉันเริ่มเล่า “วันที่เราหย่ากัน เธอไม่ขออะไรเลย ไม่แม้แต่เงินสักบาท เธอแค่เดินออกไปพร้อมกับสิ่งที่เธอใส่มา เหมือนเธอพร้อมจะจบเรื่องนี้มานานแล้ว หรือบางทีเธออาจวางแผนมันไว้” “แต่นายก็อยากหย่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วปัญหาคืออะไร?” หลุยส์ถามกลับ “มันไม่ใช่แค่นั้น เธอทรยศฉัน หลุยส์ เธอมีอะไรกับไอ้หมอนั่นที่โผล่มาในวันครบรอบแต่งงานของเรา มันคงให้เงินเธอถึงได้ทำงานที่แล็บแห่งนั้น” “งั้นนายไปหาเธอเพื่อจะทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิมเหรอ?” หลุยส์ถามพร้อมเลิกคิ้ว “ไม่ใช่! ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่” ฉันตอบเสียงเข้ม “น็อกซ์ ฟังนะ มันผ่านมา 6 ปีแล้ว นายเดินหน้าต่อไปได้แล้ว เธอมีชีวิตของเธอ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจนายอีกแล้วด้วยซ้ำ” “แต่มันไม่ใช่แค่นั้น หลุยส์ เธอยังติดค้างคำอธิบายฉันอยู่ เราแต่งงานกันนะ!” ฉันพูดเสียงหนักแน่น “นายพูดเหมือนยังติดอยู่ในอดีต แต่มองดูสิ เธอเดินหน้าต่อไปแล้ว เธอประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่เคยโดนนายทำให้อับอาย แต่นายยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนเดิม” “ฉันไม่ได้คิดถึงเธอทุกวันหรอกนะ!” ฉันพูดสวน “แต่นั่นแหละคือสิ่งที่นายกำลังทำอยู่” หลุยส์สวนกลับ “นายยังมีลูกชายที่นายไม่เคยเจอ แล้วนั่นไม่ใช่เหตุผลที่นายหย่ากับลูเซียเหรอ?” “ฉันแค่อยากได้คำตอบจากเธอ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ” “แน่ใจเหรอ? เพราะดูเหมือนว่านายกำลังหึง คิดว่าไอ้หมอนั่นที่เธอไปกับมันอาจเป็นสามีของเธอ และเธอก็มีความสุข” “ฉันไม่ได้หึง!” ฉันตะโกนสวน “หมอนั่นมันไม่ได้มีค่าอะไรใกล้เคียงกับฉัน” “นายพูดเองนะ” หลุยส์พูดพร้อมยิ้มมุมปาก ฉันพยายามไม่ใส่ใจคำพูดเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฝ่ายทรัพยากรเพื่อขอเบอร์ของลูเซีย พอได้เบอร์มา ฉันรีบกดโทรทันที เสียงเล็กๆ จากปลายสายตอบกลับมา “ใครคะ?” “ลูเซีย?” ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ “ไม่ใช่ค่ะ หนูชื่อไดอาน่า” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดตัดบท “ขอโทษนะ” จากนั้นก็กดวางสาย “เกิดอะไรขึ้น?” หลุยส์ถามเมื่อเห็นฉันวางสายอย่างรวดเร็ว “ฉันโทรหาลูเซีย แต่เหมือนพวกเขาให้เบอร์ผิด” ฉันตอบ “ทำไมนายคิดว่าเป็นเบอร์ผิด?” “ก็มีเด็กเป็นคนรับสาย” หลุยส์นิ่งไปอีกครั้ง ท่าทางเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “มีอะไร?” ฉันถาม “ไม่มีอะไร ฉันคงเหนื่อยเกินไป” “ยังไงก็เถอะ ฉันมีสิ่งเดียวที่ต้องทำ” “อะไรล่ะ?” “ฉันจะไปที่บ้านเธอ ต้องมีที่อยู่ในเอกสารแน่ๆ การไปที่ออฟฟิศคงไม่มีประโยชน์แล้ว” --- ลูเซีย : “ไดอานิต้า?” ฉันเรียกด้วยน้ำเสียงสงสัย ขณะเดินไปหาลูกสาวที่เพิ่งวางโทรศัพท์กลับเข้าที่ “ลูกทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?” ฉันถามพร้อมยิ้ม “โทรศัพท์มันดังไม่หยุดเลยค่ะ แม่” เธอหันมาตอบด้วยท่าทีที่ดูสับสนเล็กน้อย “แล้วก็มีผู้ชายโทรมาหาแม่ด้วยค่ะ” “ผู้ชายเหรอ?” ฉันเลิกคิ้วพลางขยับเข้าไปใกล้ “ใช่ค่ะ เขาถามหาคนชื่อ ‘ลูเซีย’ หนูก็บอกไปว่าไม่ใช่ หนูชื่อไดอาน่า แล้วเขาก็วางสายไปเลยค่ะ” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “แปลกจัง... แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเขาคงโทรกลับมาเอง” ฉันพูดพลางยิ้มให้เธอ “แล้วลูกพร้อมไปที่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์หรือยัง?” “พร้อมแล้วค่ะ แม่!” ไดอานิต้าตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ เป็นเวลาหลายเดือนที่ลูกสาวตัวน้อยขอร้องอยากได้ลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉันเองก็ลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็คิดว่าบ้านของเรากว้างขวางพอและคงอบอุ่นขึ้นถ้ามีสมาชิกใหม่สักตัว เมื่อไปถึงศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ มีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์รอการอุปการะ ไดอานิต้าดูตื่นเต้นไม่หยุด เดินดูไปทั่วและอยากพาน้องหมาทุกตัวกลับบ้าน แต่ทันใดนั้น เสียงเห่าที่ดังขึ้นจากหลังประตูบานหนึ่งก็ดึงความสนใจของเธอไปทันที “เดี๋ยวค่ะ ไดอานิต้า ลูกจะไปไหน?” ฉันเรียกตามหลังเมื่อเธอวิ่งตรงไปยังต้นเสียง “ว้าว!” เธอร้องออกมาอย่างตื่นเต้น พอฉันเดินตามไป ภาพที่เห็นทำให้ฉันต้องชะงัก ดวงตาของฉันเบิกกว้างเมื่อได้เห็นสุนัขตัวโตสง่างามยืนอยู่ตรงนั้น “แม่คะ หนูอยากได้ตัวนี้ค่ะ” ไดอานิต้าชี้ไปที่โดเบอร์แมนตัวเมียที่ยืนอยู่อย่างมั่นใจ “ลูกแน่ใจเหรอจ๊ะ?” ฉันถามด้วยความลังเล เจ้าหน้าที่ศูนย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อธิบายว่า “ลูกสาวของคุณเลือกได้ดีนะคะ นี่เป็นโดเบอร์แมนตัวเมีย โตเต็มวัยแล้วค่ะ ปกติครอบครัวที่มาที่นี่มักมองข้ามเธอ เพราะคิดว่าอาจจะอันตรายกับเด็กๆ” “แม่คะ เธอสวยมากเลย” ไดอานิต้าพูดพร้อมดวงตาเปล่งประกาย ฉันมองสุนัขตัวนั้นอย่างพินิจ เธอดูงามสง่า แต่ก็ดูทรงพลังในเวลาเดียวกัน ฉันค่อยๆ ย่อตัวลง แล้วเอื้อมมือไปแตะศีรษะเธอเบาๆ ดวงตาของเราสบกัน เธอนิ่งและยอมให้ฉันสัมผัสอย่างสงบ “เธออยากมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราไหม?” ฉันถามเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม ไดอานิต้ากระโดดด้วยความดีใจ รอบตัวเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าสุนัขตัวนี้จะไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่จะกลายเป็นอีกหนึ่งสมาชิกสำคัญของครอบครัวเราอย่างแน่นอน ----- เมื่อเราจัดการเอกสารเสร็จเรียบร้อย ฉันกับไดอานิต้าก็พาสมาชิกใหม่กลับบ้านทันที พอถึงบ้าน รูธก็กำลังจัดเตรียมมื้อเที่ยงที่หอมกรุ่นไว้รอเรา “โอ้ คุณผู้หญิง ฉันดีใจจังที่คุณกลับมา ฉันเตรียม—” คำพูดของรูธขาดหายไปทันทีเมื่อสายตาเธอจับจ้องไปที่บางอย่าง “ว้าย! คุณพระช่วย! นั่นมันอะไรคะ?” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ “ใจเย็นก่อนค่ะ รูธ เธอไม่ทำอันตรายใครหรอก” ฉันตอบพลางหัวเราะ “เธอคือสมาชิกใหม่ของครอบครัวเรา” “เธอชื่อคิเมร่า!” ไดอานิต้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมโผกอดหลังของสุนัขตัวโตที่ยืนนิ่งสงบ “สมาชิกใหม่? แต่เธอจะไม่อันตรายแน่นะคะ?” รูธถามด้วยน้ำเสียงที่ยังแฝงความกังวล “คิเมร่าเป็นสุนัขที่สงบมากค่ะ ดูสิ ลูกสาวฉันรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว” ฉันตอบพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจ รูธยืนมองคิเมร่าด้วยสายตาพิจารณา ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ “เธอทำให้ฉันนึกถึงคุณผู้หญิงตอนเด็กเลยค่ะ ตอนที่คุณพ่อยังอยู่ ท่านชอบเล่าว่าคุณผู้หญิงรักสัตว์มากแค่ไหน ทุกครั้งที่เจอสัตว์บาดเจ็บ คุณจะพามันกลับมาบ้าน แล้วก็ช่วยดูแลจนหายดี” คำพูดของรูธทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของฉันหวนกลับมา ฉันยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น การได้ช่วยสัตว์เหล่านั้นเคยเป็นความสุขเล็กๆ ของฉัน และตอนนี้มันกลายเป็นความสุขที่ฉันได้แบ่งปันให้ลูกสาว “แม่คะ หนูว่าเราน่าจะให้คิเมร่ามีที่นอนอยู่ใกล้ห้องหนูได้ไหมคะ?” ไดอานิต้าถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง “แน่นอนจ้ะ เราจะจัดที่ที่เหมาะที่สุดให้เธอ” ฉันตอบ ก่อนจะมองภาพลูกสาวที่กำลังกอดคิเมร่าแน่นด้วยความรักเต็มเปี่ยม คิเมร่าไม่ใช่แค่สุนัขตัวหนึ่ง แต่เธอคือจุดเริ่มต้นของสายสัมพันธ์ใหม่ในครอบครัวเรา ----- ไดอานิต้า : “ว้าว... ดาวสวยจังเลยค่ะ เหมือนดวงตาของคิเมร่าเลย” คืนนี้ฉันยังไม่ง่วง แม้จะดึกแล้วก็ตาม ฉันเลยแอบออกจากห้องไปเล่นกับคิเมร่าที่สวนหลังบ้าน “คิเมร่า...” ฉันเรียกชื่อเธอเบาๆ พลางเดินไปปลุกเธอที่บ้านเล็กของเธอ “มาเล่นกันเถอะ” คิเมร่าเงยหน้าขึ้นพร้อมพลังเต็มเปี่ยมเหมือนฉัน เราสองคนสนุกกันอย่างเต็มที่ในสวน กระโดดวิ่งเล่นจนหัวเราะเสียงดังลั่น แต่ไม่นานคิเมร่าก็หยุด เธอจ้องไปที่ถนนด้านนอกผ่านช่องรั้วเหล็ก “ไม่ได้หรอก คิเมร่า แม่ต้องไม่ชอบแน่เลย” ฉันพึมพำ แต่ในใจก็เริ่มลังเล “แต่ว่า... บางทีแม่อาจจะไม่รู้ก็ได้” ด้วยความอยากรู้ ฉันค่อยๆ เปิดประตูรั้วให้คิเมร่า และเราก็วิ่งออกไปพร้อมกัน คิเมร่ากระโดดออกตัวนำหน้าไปก่อน ส่วนฉันหัวเราะเสียงดังพลางพยายามวิ่งตามเธอ ค่ำคืนนี้มันสนุกที่สุดเลย ----- น็อกซ์ : หลังจากคุยกับหลุยส์เสร็จ ฉันกลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการงานที่เหลือ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเจอคือการรับมือกับเด็กๆ ที่ไม่เคยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเลย ให้ตายเถอะ ฉันยังคงถามตัวเองทุกวันว่าทำไมถึงเลือกเฉพาะทางนี้ ทั้งที่ไม่ชอบเลย มันเป็นเพราะพ่อของฉันหรือเปล่า? พ่ออยากให้ฉันเข้มแข็งและอดทน บอกว่าถ้าอยากเรียนรู้ที่จะสงบเยือกเย็น ก็ต้องทำงานกับคนที่ท้าทายจิตใจที่สุด... และคนเหล่านั้นก็คือเด็กๆ แต่ขอเถอะ! เด็กพวกนี้ไม่เคยทำให้ฉันสงบได้เลย “ฉันเกลียดเด็ก!” ฉันตะโกนออกมาพร้อมทุบพวงมาลัยรถอย่างแรงหลังจากผ่านวันที่ยาวนาน “คนที่รักเด็กได้ต้องเป็นพวกงี่เง่าแน่ๆ” ทันใดนั้น ฉันก็เห็นบางอย่างแวบผ่านหน้ารถ ฉันเหยียบเบรกแทบไม่ทัน ก่อนจะรีบลงไปดู สิ่งที่ฉันเห็นคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่งก้มหน้าอยู่กลางถนน เธอซุกหน้าไว้กับเข่าตัวเอง นี่ฉันเกือบชนเด็กเข้าแล้วหรือ?! “นี่หนู... เป็นอะไรไหม?” ฉันถามพร้อมย่อตัวลงใกล้ๆ แต่พอขยับเข้าไปใกล้ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และทันทีที่ฉันเห็นดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน “หนูอยากเจอแม่...” เธอสะอื้น น้ำตาคลอเต็มดวงตา “หนูเจ็บตรงไหนไหม? แม่หนูชื่ออะไร?” ฉันถาม พยายามเก็บสีหน้าตกใจไว้ “แม่หนูชื่อ ลูเซียค่ะ” คำตอบนั้นทำให้ฉันนิ่งไปเหมือนถูกฟ้าผ่า “ลูเซีย... ลุคเคลลี่?” ฉันถามเสียงสั่น เธอพยักหน้าเบาๆ และในตอนนั้นฉันก็ได้แต่คิดในใจว่า... นี่มันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม