Chapter 3 ผีสาว 1

1073 คำ
รถยนต์จีทีอาร์สีดำสุดหรูหล่อเฟี้ยวฟ้าวไม่ต่างอะไรผู้เป็นเจ้าของโฉบเฉี่ยวอยู่บนถนนในช่วงเวลาเกือบห้าทุ่ม เจ้าของที่เป็นคนขับฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดีหลังกลับจากนัดตี้กับสาวสวยคนหนึ่ง เธอทำให้เขารื่นรมย์มากถึงมากที่สุด ผู้ชายอย่าง พีรวิชญ์ ทัตธนัชชนม์ อารมณ์ดีเป็นนิจอยู่แล้ว ถ้าเพียงแต่ช่วงหลายเดือนมานี้เพื่อนรักจะไม่ทำตัวเงียบขรึมเพราะมีปัญหาเรื่องความรักพลอยทำให้เขาและ ฟีม หรือ นิติ ภพนิพิฐ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนพลอยหลอนไปด้วย ลม หรือ พระพาย อธิปัตย์ มีปัญหากับแฟนตั้งแต่ปีหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังปรับความเข้าใจกันไม่ได้ วัน ๆ เพื่อนเอาแต่เงียบขรึม ปากบอกไม่สนใจแต่ก็แอบไปนั่งเฝ้ามองสาวทุกครั้งที่มีโอกาส คืนนี้ได้ผ่อนคลายบ้าง เขาจึงอารมณ์ดี ผิวปาก ฮัมเพลงที่ชอบมาตลอดทาง ขณะสอดส่ายสายตามองท้องถนนที่โล่งมาก เขากำลังจะกลับบ้านพักซึ่งอยู่อีกด้านของมหาวิทยาลัย แต่แล้ว เมื่อสายตากวาดผ่านไปด้านข้างตอนที่รถพุ่งขึ้นสะพาน ใจพลันกระตุกไหว “เชี่ยอะไรวะ!” อุทานไปแล้ว ชายหนุ่มยกมือตีปากตัวเอง นึกถึงคำโบราณที่ว่าไม่ให้ทักอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนกลางคืน บางทีคงแค่ตาฝาดถึงเห็นเหมือนจะมีหน้าขาว ๆ อยู่ตรงทางเดินราวกั้นของสะพานข้ามแม่น้ำ “สงสัยคืนนี้มึงหักโหมไปหน่อยนะไอ้โซ่นะ ตาลายเลย” ทว่า ความสงสัยใคร่รู้ไม่หมดไปจากใจหนุ่มยุคสองพันยี่สิบสี่แบบเขา ตอนที่รถวิ่งไปใกล้จุดนั้นจึงหันมองอีกครั้ง และครั้งนี้ หัวใจลั่นโครม ๆ เมื่อได้เห็นหน้าขาววอกของผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง เผลออุทานออกมา พร้อมขยี้ตา “เหี้ย!!! อะ-ไร-วะ-นั่น” ภาพนั้นก็หายไปเหมือนไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงนั้น ขนอ่อนบนกายแกร่งเหมือนจะลุกตั้งเช่นกัน “โดนแล้วกู” ใจหนึ่งคิดไพล่ไปว่า คงเพราะเขาใช้แรงมากไปร่างกายอ่อนเพลียจึงเห็นภาพหลอน เท้าตบคันเร่งเพิ่มความเร็ว หากด้วยนิสัยลุย ๆ ของเจ้าตัวสายตาตวัดไปมองกระจกมองข้างอีกครั้ง พบว่า เธอหน้าขาวคนนั้นใช้มือเกาะเกี่ยวราวสะพานหันหน้ามาทางเขา คล้ายรู้ตัวว่าถูกจ้อง วินาทีต่อมาพลันใบหน้านั้นก็หายไป ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นระรัว วินาทีถัดมาก็มองเห็นหน้าขาว ๆ นั่นอีก “แม่งเหอะ” จู่ ๆ โซ่เกิดความคิดประหลาดทั้งที่กลัวแทบฉี่ราด เท้าไวเท่าความคิด ตบเกียร์ว่องไว ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะที่ขอบกำแพงสะพานด้านในบังหรือเธอคนนั้นไม่มีอยู่จริง เขาถึงเห็นหน้านั้นผลุบโผล่ จะเป็นคนหรือผีหน้าขาวเขาจะพิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดง! เอี๊ยด!!! เมื่อพารถขึ้นไปถึงบริเวณที่มองเห็นผู้หญิงหน้าขาว โซ่ตบเบรกจนเสียงล้อเสียดสีพื้นถนนดังลั่น เปิดช่องเก็บของคว้าเอาหลวงปู่ที่ร่ำลือกันถึงความขลังมาพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะเอาคล้องคอ “เป็นไงเป็นกัน” จากนั้นมือหนาผลักประตูออกไป โดยที่มืออีกข้างกำหลวงปู่แนบอก ปราดไปชะโงกมองตรงช่องทางเดินเท้าของสะพาน พลันนั้น ใบหน้าที่เขาเห็นไกล ๆ ว่าขาวสว่างหันขวับมามอง ตาต่อตามองจ้องสบตา เขาอึ้งงัน ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเมตรทำให้เขาพบว่านอกจากหน้าเธอจะขาวแล้ว ดวงตายังเรื่อแดง แดงทั้งปลายจมูกและริมฝีปากอิ่ม “เธอ!” “มะ... มีอะไร... เหรอคะ” สุ้มเสียงตะกุกตะกักฟังเป็นปกติสำหรับคนธรรมดาพูดกัน ไม่ได้ยานคางหรือโหยหวนเหมือนในหนัง เจ้าของร่างบางยังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน โดยใช้มือคว้าราวกั้นเป็นการเหนี่ยวตัวเองให้ลุก โซ่ถึงกับพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ “เธอต่างหากที่มายืนเป็นผีหน้าขาวอะไรตรงนี้” “ว่ะ ว่าไงนะ ผีอะไร ผีที่ไหน” หน้าขาว ๆ นั่นก็หันซ้ายหันขวาท่าทางระแวดระวัง พร้อมกับขยับตัว ตอนนี้เองที่เขาได้เห็นว่าทำไมเธอถึงผลุบ ๆ โผล่ ๆ เพราะเจ้าตัวเจ็บข้อเท้า ขยับนิดเดียวก็ร้อง ทำท่าจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น เขาเลยปีนข้ามไปหา โซ่ไม่รู้จะหัวเราะหรืออะไรดี ที่แน่ ๆ คือโล่งใจมาก ใจเต้นระรัวพลันผ่อนเบาลง “เจ็บเท้าเหรอ” จู่ ๆ ผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าก็ข้ามมาหา พรีมทำท่าจะถอย ติดที่หลังเธอติดราวกั้นแล้ว แม้อีกฝ่ายจะหน้าตาดีมาก หล่อมาก แต่เธอที่เพิ่งโดนคนหล่อทำเลวใส่จึงไม่ไว้ใจ “อย่าเข้ามานะ” “จะดูเท้าให้ ไม่ทำอะไรหรอกน่า” เขาหยุดชะงัก เหมือนนึกอะไรได้จึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หยิบบัตรนักศึกษาออกมายื่นให้ “ก่อนกลัวคนอื่น เธอคิดมั่งมั้ยว่าตัวเองกำลังหลอกชาวบ้านชาวช่อง เราเกือบหัวใจวาย” “หลอกอะไร ฉันเปล่า” เธอดึงบัตรจากมือเขามากวาดตาดู ที่จริงแค่เห็นตราสัญลักษณ์ ม.D ใจพลันเศร้า น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกจึงกำบัตรแน่นไม่ได้มองรายละเอียดอื่นอีกต่อไป “น้อยไปสิ หน้าขาว ๆ ผมยาว ๆ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ถ้าเราเป็นคนขวัญอ่อนกว่านี้ ช็อกไปแล้ว” “ขอโทษ...” “นี่ ๆ ร้องทำไม เรายังไม่ได้เข้าใกล้เธอเลยนะ เดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาก็คิดว่าเรารังแกเธอพอดี” “ก็...เราเจ็บขา เมื่อกี้ล้ม เท้ามันพลิก” เธอปาดหลังมือเช็ดน้ำตา “ขอดูหน่อย” โซ่เสียงอ่อน นั่งลงพลางจับข้อเท้าของผีสาวหน้าขาว กดน้ำหนักลงนิดหน่อยเจ้าตัวก็สูดปาก จะดึงเท้าหนี “อาจจะแพลง” “อือ” อย่างน้อยเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นคนไม่ใช่ผี ผีอะไรจะสวยแล้วก็ขี้แยแบบนี้ “ไปหาหมอไหม เดี๋ยวเราพาไป มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ถ้าเธอกลัวก็ถ่ายรูปเราถ่ายทะเบียนรถส่งให้เพื่อนให้ญาติพี่น้องก่อนก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม