พอจบการแนะนำตัวรติชาก็ลุกขึ้นยืน เธอยกชายกระโปรงชุดเจ้าสาวของเธอขึ้นแล้วเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
“โทรศัพท์มือถือของฉันอยู่ไหน? กระเป๋าเงินฉันล่ะ? เสื้อผ้าฉันด้วย? อยู่ไหนหมด? พวกคุณซื้อมาแต่ตัวฉันนะ สมบัติทุกอย่างของฉันก็ยังต้องเป็นของฉัน” รติชาพูดเสียงกระฟัดกระเฟียด
“ฉันจะไปรู้เหรอ ผัวเก่าเธอเก็บไปด้วยมั้ง คงกลัวเธอหนี ถ้าเธอหนีฉันส่งคนไปเอาชีวิตมันมาใช้หนี้แทนตัวเธอแน่” ขุนพลพูดขู่พลางกดโทรศัพท์มือถือก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“ไอ้เอ็ม ไอ้โอ พวกมึงเข้ามาในห้องหน่อยสิ”
รติชากอดอกแล้วมองหนุ่มหน้าคมด้วยความสงสัย เขาน่าจะโทรเรียกไอ้ยักษ์ใหญ่สองคนที่เฝ้าประตูหน้าห้องให้เข้ามา
เพียงครู่เดียวเสียงสแกนคีย์การ์ดหน้าห้องก็ดังขึ้น สองยักษ์ใหญ่เดินตรงเข้ามาหานายทันที
“เสี่ยพลต้องการอะไรครับ?” ไอ้เจ้ายักษ์ที่มีแผลเป็นที่ปากพูดขึ้น
“ไอ้เอ็ม มึงส่งคนไปตามตัวไอ้ดามพ์มาให้กู ตอนนี้มันอาจหนีไปที่อื่นแล้ว แต่ถึงมันจะหนีไปไหนมึงก็ต้องไปตามเอาตัวมันมาให้ได้ มันเอามือถือและของส่วนตัวของเมียกูไป อ้อ... แล้วผู้หญิงคนนี้จะเป็นเมียกูและไอ้เพชรตลอดหนึ่งปีนับจากนี้ ดังนั้นพวกมึงต้องดูแลเขาให้ดีเข้าใจไหม?” ขุนพลสั่งลูกน้องเสียงกร้าว
“ครับเสี่ย/ครับเสี่ย” สองยักษ์ใหญ่รับคำนายพร้อมกันจากนั้นเจ้ายักษ์ที่มีแผลเป็นที่ชื่อเอ็มก็เดินถอยออกนอกห้องไปปฏิบัติตามคำสั่งนาย
“ส่วนไอ้โอ...” เพชรแท้เปรยขึ้นมาบ้าง
“เสี่ยเพชร” โอรับคำเพชรแท้ เขาและไอ้เอ็มล้วนเป็นคนของเสี่ยพลแต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าสองเสี่ยหนุ่มใช้ลูกน้องและทุกอย่างร่วมกันอย่างไม่แบ่งแยก ดังนั้นลูกน้องของเสี่ยพลก็คือลูกน้องของเสี่ยเพชร
เมียของเสี่ยพลก็ต้องเป็นเมียของเสี่ยเพชรเช่นกัน...
“มึงไปหาชุดใหม่ให้เมียกูหน่อย หาชุดชั้นในมาให้เมียกูเปลี่ยนด้วย” เพชรแท้สั่งลูกน้องเพื่อน
เจ้ายักษ์โอหัวโล้นทำหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามนาย
“แต่... ผมต้องซื้อไซซ์ไหนให้คุณหนูครับเสี่ยเพชร?”
“เออ... อก... น่าจะสัก D 32 เอว 25 สะโพก 34” เพชรแท้มองน้องหัวจรดเท้าแล้วบอกออกไป
รติชาหันมาถลึงตาใส่หนุ่มหล่อทรงโอปป้าทันที
“คุณ!”
“เพชร พี่ชื่อเพชรแท้... เรียกผัวให้ถูกด้วย พี่ทั้งจับทั้งคลำหนูมาทั้งตัว รู้แหละว่าไซซ์อะไร เชื่อพี่ พี่ชำนาญ หรือว่าพี่กะไซซ์ผิด?” เพชรแท้ตอบน้องแล้วถามพลางยิ้มยียวน
เจ้าโอลอบยิ้มแล้วถอยหลังเดินออกจากห้องไปทำตามคำสั่งนายทันที ปล่อยให้สองเสี่ยหนุ่มและเจ้าสาวหมาด ๆ ได้พูดคุยกันตามลำพัง
“เอาล่ะ! ผัวเก่าเธอฉันก็ให้คนไปตามมาแล้ว ถ้าตามผัวเก่าเธอได้ก็จะได้รู้ว่าน้องเธออยู่ไหน ถ้าเจอมันแล้วก็หย่ากับมันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ฉันไม่ชอบใช้เมียร่วมกันคนอื่นนอกจากไอ้เพชร แต่หนี้ที่ก่อระหว่างแต่งเธอก็ยังต้องร่วมชดใช้กับมัน ดังนั้นอย่ามาทำหัวหมอ หย่าแล้วหนีหนี้เป็นอันขาด ไม่งั้นถ้าฉันตามล่าเธอไม่ได้ ฉันก็จะตามล่าน้องสาวเธอแทน” ขุนพลเตือนสติรติชาเอาไว้ก่อน
“รู้หรอกน่า ขู่อยู่นั่นแหละ ถึงจะเป็นเจ้าสาวซื้อฝากแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสาวหรือเปล่า? ช่วยปฏิบัติกับฉันให้เหมือนคนที่จะเป็นเมียพวกคุณหน่อยได้ไหม? ว้าย!” รติชาพูดยังไม่ทันขาดคำขุนพลก็ดึงร่างของเธอมานั่งบนตักแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มนิ่มนวลทันที
จูบของหนุ่มหล่อหน้าคมรุนแรงรุกล้ำเอาแต่ใจ เขาแทรกลิ้นอุ่นใหญ่เข้าไปในโพรงปากน้อยของเธอ ใจจริงรติชาอยากจะต่อต้านเขาอยู่แต่เมื่อคิดได้ว่าถ้าเธอขัดขืน หากพวกเขาหาน้องสาวของเธอเจอเรื่องอาจจบไม่สวย สาวน้อยจึงได้แต่นิ่วหน้าแล้วเผยอปากรับลิ้นร้ายที่ตวัดควานไปทั่วโพรงปากเล็กอย่างเร่าร้อน
“อื้อออ...” รติชาครางอยู่ในลำคอ หน้าตาแดงก่ำ ไม่ใช่เพียงเพราะจูบร้อนจากขุนพล แต่เป็นเพราะมันบวกกับสายตาหวานฉ่ำของเพชรแท้ที่จ้องมองเธอและเพื่อนรักจูบดูดดื่มอยู่ต่างหาก
หนุ่มหล่อหน้าขาวมองเธอที่โดนบดขยี้ริมฝีปากด้วยตาหวานฉ่ำเหมือนตัวเขาเป็นคนจูบเธอเสียเอง สายตาของเขาบวกกับลิ้นร้อนของขุนพลที่กำลังกวาดความหวานในปากน้อย ๆ ของเธอมันทำให้รติชาวาบไหวจนตัวสั่น
“อื้ออออ... ดะ... เดี๋ยว! หยุดก่อน!” รติชารวบรวมเรี่ยวแรงแล้วผลักแผงอกกว้างของขุนพลออก
“อะไรอีกล่ะ? ไหนบอกให้ทำกับเธอเหมือนทำกับเมีย? สัญญาซื้อฝากก็เห็นแล้ว ข้อตกลงใหม่ก็คุยกันจบไปแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเป็นเมียแล้วหรือเปล่า?” ขุนพลยกนิ้วโป้งขึ้นมาเช็ดน้ำลายที่ไม่รู้ว่าเป็นน้ำลายของเขาหรือของเธอตรงมุมปากน้องแล้วถามเธอเหมือนขัดใจ แต่ความเป็นจริงในอกมันตื่นเต้นเหมือนจะระเบิดเพราะรสจูบหวานซ่านลิ้นของน้องยังทิ้งรอยอุ่นไว้ในปากของเขา
“คือ... คือ... หนูเพิ่งโดนแฟนหลอกมาแต่งงานแล้วขายต่อคนอื่นนะคะ... พวกพี่จะไม่ให้หนูมีเวลาเสียใจหน่อยเลยเหรอคะ? แล้วหนูยังต้องอยู่กับพี่ ๆ อีกตั้งปีหนึ่ง พี่ ๆ จะหักหาญน้ำใจหนู จะต้อนให้หนูจนมุม จะทำให้หนูหมดทางสู้ พี่ ๆ จะขืนใจหนู ทำลายศักดิ์ศรีหนู ย่ำยีหนูหรือยังไงคะ?” รติชาเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองทันทีแล้วเรียกพวกเขาว่า ‘พี่ ๆ’ เธอแสร้งทำน้ำตาคลอเบ้า แต่สองหนุ่มหล่อสบตากันก็รู้ทันแล้วว่ารติชาเล่นละครเอาตัวรอด
“แสดงไม่เนียนไปเรียนมาใหม่เลยยัยแสบ! ตอนที่รู้ว่าโดนแฟนขายฝากไม่ยักร้องไห้ ฉันจูบนิดจูบหน่อยทำเป็นสำออยบีบน้ำตาอยากมีเวลาเสียใจ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?” ขุนพลถามเสียงแข็ง
เพชรแท้ดึงตัวน้องออกมาจากตักขุนพลแล้วจัดให้เธอมานั่งบนตักเขาแทน
“เอาน่าไอ้พล... อย่างน้อยน้องก็เรียกพวกเราว่าพี่” เพชรแท้บอกเพื่อนแล้วยิ้มน้อย ๆ
“เชี่ย... กูเตือนมึงแล้วนะไอ้เพชร อย่าไปหลงยัยแสบ แค่เมียซื้อฝาก ถึงเวลาก็ต้องไป” ขุนพลบอกเพื่อนเสียงแข็ง
“พี่เพชรชอบให้หนูเรียกว่า ‘พี่’ เหรอคะ?” สาวน้อยทำเป็นไม่สนใจขุนพล เธอหันมาอ้อนคนที่มีทีท่าว่าจะปกป้องเธอยังจะดีเสียกว่า
“อืม พี่ชอบให้หนูแทนตัวเองว่า ‘หนู’ แล้วเรียกพี่ว่า ‘พี่’ มันดูเป็นผัวเป็นเมียกันดี จุ๊บ!” เพชรแท้ตอบน้องแล้วก้มลงหอมแก้มเนียนของเธอเบา ๆ
รติชาหน้าแดงร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
“น้อย ๆ หน่อยไอ้เพชร ยัยแสบนี่เป็นเจ้าสาวซื้อฝาก เป็นเมียพวกเราแค่ปีเดียว อย่าหลงเด็กให้มันมากนัก ทำเป็นไม่เคยเจอผู้หญิงสวยไปได้” ขุนพลเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตารำคาญแล้วเตือน
“สรุปคือหนูสวย พี่พลพูดเองนะคะ หนูที่สวย ๆ คนนี้ขอเวลาพวกพี่ทำใจสักสามเดือนก่อนขึ้นเตียงเป็นเมียพี่ ๆ ได้ไหมคะ?” รติชาถามขึ้นมา พยายามทำเสียงหวานที่สุด
เอาละวะ! หนีก็ไม่ได้ เตะถ่วงเวลาสักนิดก็ยังดี
สาวน้อยคิดแล้วยิ้มอ่อนหวานให้เพชรแท้ที ขุนพลที
“เชี่ย! ซื้อฝากมา 12 เดือน ขอทำใจสามเดือน ไม่เรียกเก็บดอกเบี้ยก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่เอาโว้ย! ยื่นข้อเสนอมาใหม่!” ขุนพลตอบกลับเสียงดุทันที
รติชานิ่วหน้าแล้วทำปากคว่ำ นึกไว้แล้วว่าไอ้เสี่ยพลหน้าดุต้องไม่ยอม
“พี่เพชรขา...” รติชาหันมาทำเสียงอ้อนกับชายแปลกหน้าที่กำลังจะกลายเป็นผัวอีกคน
ความรู้สึกของเด็กเอน สาวตู้กระจก หญิงขายบริการคงจะคล้าย ๆ กันกับที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้ ไม่เคยรู้จักมักจี่แต่ต้องขึ้นเตียงด้วย เพื่อให้พวกเขาพอใจและทำให้ทุกอย่างราบรื่นเธอเลยทำตัวราวลูกแมวแสนเชื่อง
“สามเดือนนานไปค่ะ” เพชรแท้มองหน้าน้อง ยิ้มหวานแล้วตอบ
โอ๊ย! ยิ้มใจละลาย แบบนี้จะให้หนูเถียงได้ยังไงเนี่ย!?
สาวน้อยคิดแล้วนิ่วหน้า
รติชาขยับตัวลงไปนั่งตรงโซฟาระหว่างขุนพลและเพชรแท้อีกครั้ง
“งั้นก็สามอาทิตย์ได้ไหมอะ?” สาวน้อยต่อรอง
สองหนุ่มกอดอกมองหน้าน้องแล้วนิ่งเงียบแทนคำตอบว่า ‘ไม่ได้’
“จะให้หนูขึ้นเตียงกับผู้ชายสองคนที่ไม่รู้จักกันเลยเนี่ยนะ? ให้เวลาหนูศึกษาพวกพี่ อย่างน้อยให้มันก่อเกิดความรู้สึกดี ๆ สักนิดได้ไหม? หรือพวกพี่อยากให้ลูกของพวกพี่เกิดมาจากความจำใจ เกิดมาเพราะเงื่อนไขทางการเงิน? พอสามขวบเข้าอนุบาลก็โดนเพื่อนล้อว่าพ่อแม่ไม่รักกัน พอแปดขวบก็โดนแซะว่าไม่ได้เกิดจากความรัก? คิดดูนะ ลูกพวกพี่จะกลายเป็นเด็กมีปัญหา พอเป็นวัยรุ่นอาจกลายเป็นวัยรุ่นใจแตก เสพยา ค้าผง แล้วก็...”
“หยุด! หยุดเลยยัยแสบ จินตนาการล้ำเลิศอีกแล้ว ทำงานอะไรเนี่ยเรา? พร่ำเพ้อจริง ๆ” ขุนพลโบกมือวุ่นวายไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระจากเธอ
“หนูเป็นนักพิสูจน์อักษรค่ะ อ่านนิยายมาเป็นร้อยเป็นพัน” รติชาตอบอย่างภูมิใจ
มิน่าล่ะ...
สองหนุ่มสบตากันแล้วคิดในใจ ยังอดแอบยิ้มไม่ได้กับความแปลกของเมียคนใหม่
“หนึ่งอาทิตย์” ขุนพลตอบสั้น ๆ
“ในหนึ่งอาทิตย์นี้พวกพี่จะทำให้หนูรู้สึกดีจนอยากขึ้นเตียงกับพวกพี่ด้วยความเต็มใจเลยค่ะ” เพชรแท้พูดต่อยิ้ม ๆ
สาวน้อยนิ่วหน้าทันที
แค่อาทิตย์เดียวจะไปพออะไร?!
รติชาไม่พอใจแต่เกรงว่าโวยวายไปแม้แต่อาทิตย์เดียวก็อาจจะผัดผ่อนไม่ได้
“ตลอดหนึ่งอาทิตย์นี้ไปอยู่บ้านพวกฉันที่กรุงเทพฯ ทำงานจากที่บ้านได้แต่ห้ามออกไปข้างนอก ฉันไม่อยากให้เธอไปไหนจนกว่าพวกฉันจะฝังทายาทของพวกเราคนใดคนหนึ่งไว้ในตัวเธอ” ขุนพลยื่นคำขาด
รติชาทำหน้าง้ำแล้วพยักหน้ารับน้อย ๆ
อย่างน้อยก็มีเวลาหนึ่งอาทิตย์... ขอแค่ได้รู้ว่าน้ำหวานปลอดภัย ไอ้พี่ดามพ์ไม่ได้หลอกเอาน้องหนูไปขาย เรื่องขึ้นเตียงกับผู้ชายทีละสองหนูว่าหนูทำได้ ที่สำคัญทั้งพี่เพชรและพี่พลก็ไม่ได้ดูเลวร้ายมากมายนัก
สาวน้อยคิดแล้วแอบชำเลืองมองสองชายหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ แถมเมื่อคืนมีโอกาสล่วงเกินเธอแต่พวกเขากลับไม่ทำ
ไม่เลวร้ายเลยสักนิด