“คุณมาร์ติน” ชื่อที่หมอเอ่ยออกมาในตอนนี้ทำเอาเบนท์ถึงกลับใบหน้าซีดลงทันที เขาไม่คิดว่าหมอจะพูดออกมาแบบนั้นเพราะนั่นเท่ากับว่าไม่มีหมอที่สามารถรักษาคริสเตียนได้อีกแล้ว
“คุณก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ยังจะให้คุณท่านไปรักษากับเขา บ้าไปแล้วหรือไง” เบนท์พูดอย่างหัวเสีย สายตามองหมอราวกับจะฉีกเนื้อของอีกฝ่ายให้เป็นชิ้น ๆ
“ผมรู้ครับ แต่ศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดที่จะผ่าเอาลิ่มเลือดนี้ออกมาได้ก็มีแค่คนเดียว”
“ขืนส่งคุณท่านไปให้มันผ่า ก็เท่ากับส่งคุณท่านไปให้มันฆ่า” เบนท์พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ” คาริสาที่ยืนฟังทั้งสองพูดมาได้สักพักเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักษาคุณท่านให้หายให้ได้ ไม่อย่างนั้นรู้ใช่ไหมว่าจุดจบจะเป็นยังไง”
“ครับ ครับ ผมจะรักษาให้ดีที่สุดครับ”
หลังจากคาริสาและเบนท์ได้รับคำตอบจากหมอเจ้าของไข้ของคริสเตียนว่าใครสามารถที่จะรักษาคริสเตียนได้ คาริสาก็เอาแต่นั่งเงียบลง ต่างจากเบนท์ที่เอาแต่คิดมาก เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมรักษาเบนท์แน่นอน
“คุณมาร์ตินเป็นใครเหรอคะ” คาริสามองเบนท์ก่อนถามออกมาด้วยความสงสัย ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน
“เอ่อคือว่า...”
“คุณเบนท์ไม่รู้จัก ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวให้คนไปตามสืบก็ได้ว่าเป็นใคร”
“อย่าเพิ่งครับ” เบนท์เอ่ยเรียกคนที่เตรียมเดินออกไป
“มีอะไรเหรอคะ”
“คุณมาร์ตินไม่ยอมรักษาคุณท่านหรอกครับ”
“ทำไมคะ เขาเป็นหมอนิคะ ทำไมจะไม่ยอมรักษา” คาริสาถามอย่างไม่เข้าใจ อีกทั้งตอนนี้อาการของพ่อเธอก็ไม่ดีอยู่แล้ว ทำให้เธอเริ่มใจไม่ดีมากกว่าเดิม
ซึ่งต่างเบนท์ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมรักษานายเหนือหัวของเขาแน่ ๆ อีกอย่างอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องรักษาเลย แค่ขอเข้าไปที่โรงพยาบาลยังไม่ให้เข้าไป
“ผมไม่รู้ว่าทำไมนะครับ แต่คุณท่านเคยติดต่อไปทางคุณมาร์ตินหลายครั้งแล้ว แต่คุณมาร์ตินก็ไม่ยอมรักษาให้ แม้แต่จะเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลของคุณมาร์ตินยังไม่ยอมเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวริสาไปติดต่อเอง คุณเบนท์รอรับโทรศัพท์ได้เลยค่ะ” คาริสาเอ่ยด้วยความมั่นใจในขณะที่เบนท์ได้แต่ส่ายใบหน้าไปมา เขารู้ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ
“คุณหนูนะคุณหนู เขาเป็นถึงมาเฟีย คุณหนูจะเอาอะไรไปสู้กับเขา” เบนท์เอ่ยออกมาในขณะที่กำลังมองตามร่างระหงที่เดินตรงออกไปจากโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน
คาริสาที่ได้รับข้อมูลของมาร์ตินจากลูกน้องของเธอแล้ว ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลของมาร์ตินในทันที หญิงสาวเดินเข้าไปหาพนักงานของโรงพยาบาลที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับด้วยท่าทีรีบร้อนในทันที
“ขอโทษนะคะ ฉันมาหาคุณหมอมาร์ติน ไม่ทราบว่าอยู่ไหมคะ” คาริสาที่เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เอ่ยถามขึ้นมาทันที อย่างไม่คิดที่จะให้อีกฝ่ายได้เอ่ยถามอะไรตัวเองออกมา
“อยู่ค่ะ”
“งั้นอยู่ไหนคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
“ได้นัดเอาไว้ไหมคะ”
“ต้องนัดด้วยเหรอ คือว่าฉันอยากจะให้เขาช่วยรักษาคนให้หน่อย”
“คุณมาร์ตินไม่รับคนไข้ค่ะ”
“คุณเป็นเขาเหรอคะ ถึงรู้ว่าเขารับไม่รับ” คาริสาพูดอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมมองใบหน้าของอีกฝ่ายราวกับกำลังจะเอาเรื่องอีกฝ่าย
“ไม่ต้องเป็นก็รู้ค่ะ ที่นี่เขารู้กันทั้งนั้นว่าคุณหมอมาร์ตินจะรับเฉพาะคนไข้ VVIP เท่านั้น”
“งั้นบอกมาหน่อยสิคะ ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่” คาริสาเอ่ยพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ฉันจะบอกอะไรให้คุณรู้นะคะ ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะรักษากับคุณหมอมาร์ตินได้” สาวตรงหน้าของคาริสาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยัน ซึ่งทำเอาคาริสาได้แต่กำหมัดเข้าหากันแน่
เธอเป็นคุณหนูของบ้านที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดี แต่ตอนนี้กลับกำลังถูกคนอื่นดูถูกอยู่ มันทำให้หญิงสาวแทบจะทนไม่ได้
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามาพูดจาแบบนี้ใส่ฉัน” คาริสาเอ่ยถามด้วยเสียงที่ดังและท่าทีที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจ ซึ่งการกระทำของเธอตอนนี้เรียกสายตาของคนที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลให้หันมามองทางเธอเป็นสายตาเดียวกันได้ในทันที
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามาหาเรื่องในโรงพยาบาลของฉัน” การมาใหม่ของใครอีกคนทำให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก้มศีรษะลงอย่างไม่กล้าสบสายตาของอีกฝ่าย ด้วยที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขานั้นเป็นถึงหนึ่งในเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้
และในขณะเดียวกันนั้นคาริสาหันกลับมามองใบหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งทันทีที่ชายหนุ่มได้เห็นใบหน้างามของคุณหนูที่แสนเอาแต่ใจอย่างคาริสา เขาก็ตกลงไปในภวังค์แห่งความงามนั้นเลยทันที
จมูกที่โด่งรั้นขึ้น โดยที่ปลายจมูกเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างบ่งบอกว่าเธอเป็นคนเอาแต่ใจ สอดรับกับคิ้วคมที่ไม่หนาจนเกินไป พร้อมทั้งดวงตาที่กลมโตของเธอ มันทำให้ชายหนุ่มไม่อาจจะละสายตาจากใบหน้าของเธอได้เลย แต่ทว่าดูเหมือนชายตรงหน้าของคาริสาจะสนใจริมฝีปากเรียวสวยสีชมพูอ่อน ๆ ของเธอมากกว่าส่วนอื่นบนหน้าของเธอ
“ฉันเหรอเป็นลูกสาวของคริสเตียน รู้จักไหม” เสียงหวานที่ดังออกมา ทำให้คนที่ได้ยินนิ่งลงทันที เขาไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่ในสถานการณ์แบบนี้
“หึ...คริสเตียน ฉันไม่กลัวคนใกล้ตายหรอกนะ”
“นี่คุณ ทำไมมาแช่งพ่อฉันแบบนี้”
“ไม่ได้แช่ง เพราะถ้าพ่อเธอไม่ได้รับการผ่าตัดจากฉัน พ่อเธอก็ต้องไปเฝ้ายมบาลไง”
“คุณมาร์ติน” คาริสาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เบาลง สายตาคู่สวยเอาแต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะละสายตา เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นมาร์ตินศัลยแพทย์มือหนึ่งของที่นี่ เพราะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา และอายุที่ไม่มาก อีกฝ่ายไม่น่าจะมีความสามารถขนาดที่จะผ่าตัดหัวใจคนที่ใกล้ตายให้กลับมาหายใจได้อีก
“กลับไปซะ” มาร์ตินมองใบหน้าของคาริสาด้วยความนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเย็นชามากมาย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“นี่เดี๋ยวสิ คุณ!” คาริสายังคงเอ่ยเรียกอีกฝ่ายพร้อมเตรียมวิ่งเข้าไปหา แต่ทว่ากลับถูกชายชุดดำของมาร์ตินขว้างเอาไว้เสียก่อน
“หยุดเถอะครับ”
“หลบไปนะ” คาริสาพูดก่อนผลักอีกฝ่ายให้ห่างตัวเอง แต่ไม่เป็นผลเพราะแรงที่ส่งไปไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้านเลยสักนิด
“ผมเตือนด้วยความหวังดี หยุด! ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกโยนออกไปจากที่นี่” คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาหญิงสาวนิ่งลงทันที เธอมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยคำถามมากมายภายในใจ
“คุณช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหมคะ” คาริสาพูดอย่างอ้อนวอนอีกฝ่าย แต่ทว่ากลับใช้ไม่ได้ผลกับเจ้านายลูกน้องคู่นี้ เพราะว่าลูกพี่เป็นอย่างไรลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น
“ไปพาคุณหนูกลับมา” เบนท์ที่ตามมาเห็นว่าคุณหนูของเขากำลังอ้อนวอน มาร์ชลูกน้องของมาร์ตินอยู่ก็เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
“นี่! พวกนายจะทำอะไรปล่อยนะ บอกให้ปล่อย” คาริสาไม่เพียงแต่เอ่ยออกมาเท่านั้น เพราะเธอพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพันธนาการจากลูกน้องของพ่อตัวเอง
“หยุดเถอะครับคุณหนู ตอนนี้คุณท่านฟื้นแล้วต้องการเจอคุณหนูครับ” เบนท์เอ่ยรายงานออกมา ทำให้คาริสานิ่งลงทันที เธอยอมกลับไปพร้อมลูกน้องอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากให้พ่อต้องเป็นห่วงตัวเอง
“ไปตามสืบเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นมาให้หมด”