เช้าของวันใหม่
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขับรถมาหารรรรณาด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า หลังจากที่วางสายจากหญิงสาวเมื่อคืนชายหนุ่มก็แทบนอนไม่หลับ เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่รู้ว่ามีลูกสาว แถมลูกสาวของเขานั้นก็น่ารักน่าชังที่สุด อัคคีรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวตัดสินใจยอมให้เขาเข้ามาในชีวิตได้ทำหน้าที่พ่อของลูก ร่างสูงโปร่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องเล็กของรรรรณาพอจะเคาะประตูเสียงเจี๊ยวจ๊าวของบุตรสาวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"มามี๊เมื่อไหร่ปะป๊าจะมาหาน้ำรินคะ น้ำรินรอนานแย้วนะ"เด็กหญิงตัวน้อยหันหน้าไปถามมาณดาด้วยสีหน้าเศร้า เธอรอปะป๊าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแม่บอกว่าพอตื่นขึ้นมาปะป๊าก็จะมาแต่นี่ก็ผ่านไปนานแล้วปะป๊ายังไม่มาเลย
"ปะป๊ากำลังมาแล้วคะ คนเก่งของมามี๊รออีกนิดนะคะ"ถึงแม้จะมีสีหน้าเศร้าพอได้ยินคำปลอบประโลมของมารดาน้ำรินก็พยักหน้าให้ทันที ก่อนจะส่งยิ้มมาให้คนเป็นแม่
"น้ำรินคิดถึงปะป๊า อยากกอดปะป๊า น้ำรินอยากให้ปะป๊านอนกอดน้ำรินด้วย"อัคคีได้ยินอย่างนั้นหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นสั่นไหวแทบไม่เป็นจังหวะเขาดีใจมากที่ได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของลูกสาวตัวน้อย ชายหนุ่มตัดสินใจเคาะประตูสองสามทีทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรีบหันหน้ามาหามารดาด้วยแววตาเบิกกว้างอย่างดีใจ
"ปะป๊าแน่ๆ มามี๊น้ำรินเปิดประตูนะคะ"รรรรณาเห็นใบหน้าดีใจของลูกสาวก็อยิ้มพร้อมพยักหน้าให้ น้ำรินรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที พอเห็นว่าเป็นปะป๊าที่เธอเฝ้ามาตั้งคืนก็โผเข้าหาคนตัวสูงทันที ท่าทางออดอ้อนของลูกสาวตัวน้อยทำให้อัคคีรีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาพร้อมหอมแก้มไปหาทันทีด้วยความคิดถึงเช่นกัน
"น่ารักที่สุดเลยคนสวยของป๊า"
"น้ำรินคิดถึงปะป๊าที่สุดเลย ปะป๊าไปหน่ายมาคะ?"สีหน้าของเด็กหญิงมองใบหน้าของคนเป็นพ่อด้วยความสงสัย
"ปะป๊าไปทำงาน หาเงินให้น้ำรินไงคนเก่ง"
"สวัสดีค่ะ"รรรรณาเอ่ยทักทายอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาในห้องเช่าของเธอ อัคคีพยักหน้าก่อนจะหันไปหอมแก้มลูกสาวอีกครั้ง
"น้ำรินทานข้าวรึยังครับคนเก่ง?"
"ทานแล้วค่ะ วันนี้มามี๊ทำข้าวผัดไข่อร่อยมากให้น้ำรินทาน อิ่มมากๆ เลย"เด็กหญิงแก้มซาลาเปาบอกพร้อมชี้ที่พุงน้อยๆ ของตัวเอง อัคคีเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ลูกสาวของเขาพูดเก่งจริงๆ แถมดูเหมือนว่าน้ำรินเป็นเด็กฉลาดอีกด้วย
"น้ำรินคนเก่งของป๊า นั่งดูการ์ตูนก่อนนะครับป๊ามีเรื่องจะคุยกับมามี๊ก่อนไม่ดื้อนะครับคนเก่ง"
"น้ำรินไม่ดื้อจะนั่งรอปะป๊านะคะ"มือหนาของชายหนุ่มยกขึ้นมาลูบศีรษะของบุตรสาวก่อนจะลุกขึ้นหันหน้าไปมองแม่ของลูกทันที สายตาของอัคคีเบี่ยงไปมองห้องนอนก่อนจะบอกผ่านสายตาว่าให้ไปคุยในนั้น รรรรณาจะเอ่ยบกว่าให้คุยตรงนี้แต่ทว่าคนร่างสูงก็จับข้อมือหญิงสาวให้เข้าไปในห้องเสียแล้ว
"คะ คุณ คุยข้างนอกก็ได้นะคะ"
"ทำไมกลัวอะไรถึงไม่อยากเข้ามาในห้องกับผมสองต่อสอง?"คนตัวเล็กเม้มริมปากเข้าหากัน เธอแค่ไม่อยากคุยในที่ลับตาอย่างนี้ ท่าทางของหญิงสาวทำให้อัคคียกมุมปากขึ้นมาทันที
"หรือว่ายังนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอยู่?"
"พะ พูดอะไรคะ ฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องบ้าๆ ในคืนนั้นสักหน่อย คุณจะพูดอะไรก็พูดมาสิมัวแต่พูดไร้สาระอยู่ได้!"ท่าทางตื่นตระหนกของรรรรณาที่เผยออกมา มันก็ยิ่งสร้างความพอใจให้แก่ชายหนุ่มอยู่มาก
"ไร้สาระตรงไหน ผมยังจำได้นะคืนนั้นของเรา"ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ที่จับจ้องมายังหญิงสาวตรงหน้า ในคืนนั้นเขายังจำได้ไม่เคยลืมบทรักที่เขาและเธอบรรเลงด้วยกัน เพียงแค่คิดบางสิ่งบางอย่างก็แข็งขึงขึ้นมา
"คุณ พอสักทีเลิกพูดได้ไหมสิ่งเดียวที่ฉันอยากพูดกับคุณคือเรื่องลูกเท่านั้นเรื่องอื่นฉันลืมไปหมดแล้ว!"ดื้อเสียจริง คำพูดของชายหนุ่มที่อยู่ในใจมีแต่คำว่าดื้อ คงไม่ง่ายเลยที่จะปราบแม่ของลูกได้
"ได้ งั้นเรามาคุยเรื่องลูกกันก็ได้ คุณต้องย้ายไปอยู่กับผมที่บ้านแน่นอนเหตุผลก็เพราะลูก เราต้องเป็นสามีภรรยากัน ทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ได้ขาดอะไรในชีวิตเพียงที่ผมได้เห็นลูกร้องไห้เพราะคิดถึงผมก็เดาไม่ยากว่าลูกรู้สึกยังไงกันที่ผ่านมา ผมไม่อยากให้น้ำรินคิดว่าพ่อแม่ไม่ได้รักเธอ คุณต้องฝืนใจหน่อยนะหวังว่าจะทำเพื่อลูกได้"
"ค่ะ ฉันทำได้อยู่แล้วขอเพียงน้ำรินมีความสุขฉันยอมทำได้ทุกอย่าง"
"ทุกอย่างจริงใช่ไหมครับ?"ไม่รู้ทำไมคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าถึงทำให้รรรรณารู้สึกหนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเชิดหน้าพยายามไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย
"ถ้าเกี่ยวกับลูกฉันยอมทำได้ทุกอย่างค่ะ"
"คุณน้ำฟ้าใช่ไหม?"เรียกแต่ชื่อจริงเขารู้สึกมันเหินห่างกันเกินไป พอได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อเล่นเธอรรรรณาก็พยักหน้าให้กับอีกฝ่าย
"คุณจะเรียกฉันว่าฟ้าก็ได้นะคะ สั้นๆ ดีส่วนคุณเอ่อ..."ใช่เธอแทบไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด มีลูกด้วยกันแล้วแต่เธอก็ไม่รู้จักเขาเลย
"ผมอัคคี เรียกผมว่าพี่เพลิงก็ได้นะผมอายุมากกว่าคุณ"
"ค่ะคุณเพลิง เราออกไปหาน้ำรินเถอะค่ะ ลูกคงรออยู่"รรรรณารีบชวนชายหนุ่มออกไปข้างนอก เธอไม่อยากอยู่ในห้องสองต่อสองแบบนี้กับชายหนุ่มนานมากนัก ยิ่งสายตาที่เทะโลมเธออยู่ตลอดเวลาเธอยิ่งไม่อยากอยู่ด้วย
สายตาของอัคคีมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่รีบหนีเขาออกไปจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำท่าเหมือนหนูกลัวราชสีห์เขายิ่งพอใจ หนีเข้าไปดีนักคอยดูเถอะเขาจะคิดดอกเบี้ยทั้งต้นทั้งดอกเลย
"มามี๊ขา วันนี้ไปเที่ยวกันนะคะน้ำรินอยากไปเที่ยวกับปะป๊ากับมามี๊"
"ได้สิครับลูก แต่ก่อนไปเที่ยวเราต้องไปบ้านใหม่กันก่อนนะ ต่อไปน้ำรินกับมามี๊ต้องไปอยู่กับปะป๊าที่บ้านโน้น ดีใจไหมครับ?"
"เย้ๆ ดีใจที่สุดเลยค่ะ น้ำรินได้อยู่กับปะป๊ากับมามี๊พร้อมหน้าเลย"เด็กหญิงตัวน้อยดีใจจนกระโดดโลดเต้น ในที่สุดสิ่งที่เธอปรารถนาก็เป็นจริงเสียที
"ถ้างั้นเราไปกันเลยนะครับคนเก่ง คุณก็เอาแค่ของจำเป็นไปก่อนนะเดี๋ยวให้คนมาขนของอย่างอื่นทีหลัง"ประโยคหลังชายหนุ่มหันมาบอกแม่ของลูก รรรรณาพยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบของจำเป็นไปก่อน พอมาคิดๆ ก็รู้สึกใจหายที่จู่ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับคนแปลกหน้าแบบนี้ คนตัวเล็กหันไปมองลูกสาวที่หยอกล้อกับคนเป็นพ่ออย่างมีความสุขทำให้ใบหน้าสวยของหญิงสาวเผยออกมาทันที เธอเห็นลูกสาวมีความสุขเธอเองก็มีความสุขไปด้วย เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะหยิบข้าวของใส่กระเป๋าต่อ
"เสร็จแล้วใช่ไหม?"อัคคีหันหน้ามาถาม ทำให้หญิงสาวพยักหน้าให้อีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงอุ้มลูกเดินลงไปข้างล่างพอเด็กหญิงเห็นรถของคนเป็นพ่อก็ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
"รถปะป๊าเท่มากๆ เลยค่ะ"รรรรณาทำหน้าแปลกใจที่ลูกสาวรู้จักคำพูดแบบนี้ด้วย
"ชอบรึเปล่าครับ"
"ชอบค่ะ น้ำรินชอบ"อัคคีอมยิ้มพร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของบุตรสาว
"รถคันนี้ของน้ำรินอะไรที่เป็นของป๊าก็ของน้ำรินหมดเลยเข้าใจไหมครับคนเก่ง"เด็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่ก็พยักหน้าให้คนเป็นพ่อทันที