พิษรัก 1 กอดชิดจนนมเบียด🔥

1658 คำ
หลังจากตื่นนอนแล้วฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้มีเรียนตั้งแต่แปดโมง ยังรู้สึกง่วงๆ อยู่เลย เพราะเมื่อคืนกว่าพี่องศาจะยอมปล่อยให้ฉันกลับมานอนก็เกือบจะตีสอง อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเราทำอะไรที่เกินเลยกันนะ เขาแค่ใช้ให้ฉันบีบนวดให้ก็เท่านั้น ฉันเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อที่จะหาอะไรกินเพราะตอนนี้ยังพอมีเวลา แต่ก็บังเอิญเจอกับพี่นินและพี่เนตรที่กำลังจะเดินทางไปฮันนีมูนด้วยกันหลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว “จะไปกันแล้วเหรอคะ” ฉันตรงเข้าไปทัก “อืม ต้องไปเร็วก่อนเวลาสักหน่อย” พี่นินเป็นคนตอบ “เดินทางปลอดภัยนะคะ รีบกลับมาน้ามีนจะรอเล่นกับหลานนะคะ^_^” “จ้ะ ถ้าคลอดเมื่อไหร่พี่จะรีบพาตัวเล็กกลับมาหาน้องมีนไวๆ เลย^_^” พี่เนตรคลี่ยิ้มหวานให้ฉัน ใช่แล้ว ทั้งคู่ไม่ได้แค่จะบินไปฮันนีมูนเพียงอย่างเดียว แต่ตั้งใจจะอยู่ที่นั่นจนกว่าพี่เนตรจะคลอด ส่วนเหตุผลฉันไม่ได้ถามเพราะไม่อยากล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของทั้งสองคน “ไหนๆ พวกพี่ก็จะไปกันแล้วขอมีนกอดหน่อยนะคะ” เพราะอีกนานเลยกว่าที่พี่นินและพี่เนตรจะกลับมา ฉันต้องเหงาและคิดถึงทั้งสองคนมากแน่ๆ “ได้สิจ๊ะ^_^” พี่เนตรบอกพร้อมกับกางแขนออก ฉันไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งเข้าไปกอด จากนั้นก็ค่อยๆ ย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับหน้าท้องของพี่เนตร “รีบกลับมาหาอามีนนะคะตัวเล็ก” พูดจบฉันก็จุ๊บเบาๆ ที่หน้าท้องของพี่เนตร ฉันไม่ได้โรคจิตนะแค่อยากจุ๊บหลานน่ะ “พอเลยๆ ลุกขึ้น ไม่คิดจะกอดพี่บ้างหรือไง” พี่นินดึงแขนฉันให้ลุกขึ้นยืนแล้วดึงฉันเข้าไปกอด ฉันรู้หรอกน่ะว่าที่พี่นินทำแบบนี้เป็นเพราะหวงลูกตัวเอง ชิ! “แหม ทีแบบนี้รักน้องขึ้นมาเลยนะคะ” ฉันมองค้อนใส่พี่นินอย่างไม่จริงจังนัก หลังจากผละกอดออก “อ่า องศามาพอดี ยังไงพี่ฝากดูแลยัยมีนด้วยนะ” พี่นินไม่ได้ตอบอะไรฉัน แต่กลับเปลี่ยนเรื่องคุย แล่วคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องเท่าไหร่นัก ฝากให้พี่องศาดูแลฉันอย่างนั้นเหรอ เหอะ! รายนั้นคงจะอยากทารุณฉันมากกว่า “พี่ไปนานแค่ไหนครับ?” พี่องศาไม่ได้รับปากแต่ถามพี่นินกลับ “ยังไม่มีกำหนด หลังคลอดก็คงจะรอให้เนตรกลับมาแข็งแรงเป็นปกติก่อนแล้วค่อยบินกลับ” “อ้อ…” พี่องศาครางรับพร้อมกับเดินเข้ามายืนข้างๆ ฉัน ก่อนที่ท่อนแขนแกร่งจะตวัดโอบกอดเอวฉันแน่น “…ไม่ต้องห่วงครับผมจะดูแลยัยมีนให้เอง” ฉันเบิกตาโพลงแล้วพยายามจะดันตัวเองออกเบาๆ แต่พี่องศาก็กอดเอาไว้แน่นราวกับไม่พอใจที่ฉันต่อต้าน และไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ พี่นินเองก็ดูคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน เขาขมวดคิ้วมองพี่องศาด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา “ไปดีนะครับ” พี่องศาพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพี่นินยังคงจ้องมือเขาที่โอบเอวฉันอยู่ “พี่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองให้ดี ห้ามเกเร เข้าใจมั้ย?” พี่นินหันมาบอกฉันเชิงดุ “เข้าใจแล้วค่า ^_^” ฉันฉีกยิ้มหวานแม้ภายในใจจะรู้สึกอึดอัด เพราะไม่อยากให้พี่นินไม่สบายใจ “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ” พี่นินลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองพี่องศาและลดสายตาลงจ้องที่มือเขาอีกครั้ง “บอสครับ รถมาแล้วครับ” จนกระทั่งคุณภาคภูมิเดินเข้ามาบอก พี่นินถึงจะยอมละสายตาแล้วพาพี่เนตรเดินลากกนะเป๋าออกไป โดยมีคุณภาคภูมิเดินตามไปติดๆ คล้อยหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว ฉันก็สะบัดตัวเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของพี่องศา “รังเกียจฉัน?” “ไม่ได้รังเกียจค่ะ แค่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่” “ไม่ค่อยเหมาะสม?” “ค่ะ” “พี่ชายกอดน้องสาวมันไม่เหมาะสมตรงไหน? เมื่อกี้เธอยังกอดพี่ชายตัวเองจนนมเบียดอยู่เลย” “พี่องศา!!” ฉันตวาดเสียงดังด้วยความโกรธจัด เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองพูดอะไรออกมา “เรียกชื่อฉันทำไม กลัวลืม?” เขาเลิกคิ้วยียวนใส่ฉัน ไม่ได้รู้สึกสำนึกในคำพูดของตัวเองเลย ฉันเลือกที่จะเดินสะบัดหน้าออกมา เพราะขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับเขา จริงอยู่ที่ว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้ใส่พี่องศาเพราะอยากจะให้เขายอมรับฉันในฐานะน้องสาว แรกๆ ที่พี่องศาย้ายมาอยู่ที่นี่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว เขาไม่เข้าหาใครและไม่มีใครเข้าหาเขา เพราะพี่นินเองก็ชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน ฉันจำได้ว่าตอนนั้นคุณพ่อเป็นคนฝากฝังให้ฉันเอาใจใส่พี่องศาให้เหมือนกับตอนเอาใจใส่พี่นิน และพ่อยังเล่าอีกว่าพี่องศาเสียแม่ไปไม่นานก่อนที่จะย้ายมา ฉันในฐานะที่เสียคุณแม่ไปเหมือนกันเลยเข้าใจ จึงพยายามที่จะทำดีกับเขาเพื่อไม่ให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว ทว่าทุกครั้งพี่องศาก็มักจะเย็นชาและพูดจาร้ายๆ ใส่ฉันอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยโกรธเขา เพราะเข้าใจว่าเขาอาจจะกำลังเคว้งคว้างและตั้งตัวไม่ทัน ฉันเลยพยายามทำดีกับเขาต่อไปและหวังว่าสักวันพี่องศาจะเปิดใจให้พี่น้องต่างแม่อย่างเรา แต่นับวันๆ คำพูดและการกระทำของพี่องศาก็ยิ่งใจร้ายขึ้นทุกทีจนฉันเริ่มทนไม่ไหว และสิ่งที่ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของฉันขาดผึ่งลงก็คือตอนที่ได้รู้ว่าเขาหักหลังพี่นินนี่แหละ ฉันรู้แล้วว่าพี่องศาเกลียดพวกเราและไม่มีวันที่จะยอมนับญาติกัน หมับ! ขณะที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ อยู่ๆ แขนเล็กก็ถูกกระชากจนร่างฉันชะงัก คนที่ทำแบบนี้ได้ก็มีแค่พี่องศานั่นแหละ “ปล่อยนะคะมีนจะไปเรียน!” “ไปขึ้นรถ ฉันจะไปส่ง” “มีนไปเองได้ค่ะ” “แต่พี่นินฝากให้ฉันดูแลเธอ” พอได้ยินคำพูดนี้ของพี่องศาฉันก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “มีนควรรู้สึกดีใจอย่างนั้นใช่มั้ยคะ?” “ไปขึ้นรถ” พี่องศาเน้นเสียงทีละคำ บ่งบอกว่าเขากำลังไม่พอใจที่ฉันต่อต้านแบบนี้ “รถของพี่นินขับออกไปนานแล้ว ไม่ต้องทำตามคำพูดพี่นินหรอกค่ะ มีนไม่ใช่คนขี้ฟ้อง” “เธอคงลืมข้อตกลงระหว่างเราไปแล้วสินะ หรือคิดว่าการที่พี่นินบินไปต่างประเทศมันจะทำให้สงครามนรกนั่นไม่เกิดขึ้น?” “….” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เมื่อถูกพี่องศารู้ทันความคิด ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าคิดแบบนั้นจริงๆ “มันน่าตลกนะที่เธอเรียนเก่งแต่กลับโง่เรื่องอะไรแบบนี้” “พี่องศา!” “ฉันว่าการที่พี่นินรู้ความจริงตอนอยู่ที่นี่มันไม่แย่เท่าตอนอยู่ที่นู่นหรอกนะ” พี่องศาออกแรงกระชากแขนฉันเข้าหาตัวเองจนหน้าอกฉันชนเข้ากับแผงอกเขา ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ แล้วจ้องฉันอย่างกำลังขบขัน “เธอลองใช้สมองที่มีเท่าเม็ดถั่วเขียวคิดดูสิว่าถ้าคนอย่างพี่นินรู้เรื่องทั้งหมดตอนอยู่ที่นู่น เขาจะยอมปล่อยผ่านหรือรีบบินกลับมาจัดการฉัน?” “….” นั่นสินะ คนอย่างพี่นินถ้ารู้ความจริงก็คงจะต้องรีบบินกลับมาจัดการพี่องศาแน่ๆ “แทนที่จะได้ฮันนีมูนกับเมียอย่างมีความสุขและรอดูหน้าลูกคนแรกที่เกิดจากความรัก…” พี่องศาไม่พูดเปล่าแต่ยังเลื่อนมือขึ้นมาบีบปลายคางของฉันแน่นจนรู้สึกเจ็บ ก่อนจะพูดต่อ “…แต่กลับต้องรู้สึกโกรธแค้นฉันจนอยากจะฆ่าให้ตายแล้วรีบบินกลับมาเอาเรื่อง” “….” “มันน่าเศร้าและน่าเสียดายมากเลยนะว่ามั้ย?” มหาวิทยาลัย สุดท้ายฉันก็ต้องขึ้นรถพี่องศาและยอมให้เขามาส่งที่มหาวิทยาลัย ก็เล่นพูดขู่กันมาซะขนาดนั้นแล้วจะให้ฉันปฏิเสธได้ยังไง แถมทุกคำที่เขาพูดมันก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงถ้าพี่นินรู้เรื่องนี้ “พอใจแล้วใช่มั้ยคะ” ฉันหันไปทำมุ่ยใส่คนข้างๆ “ยัง” “ต้องการอะไรอีกคะ มีนจะรีบไปเรียน” อีกสิบนาทีคลาสเรียนก็จะเริ่มแล้ว ฉันอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่เช้าแต่ก็ต้องมาเสียเวลาเพราะพี่องศาเนี่ย “ถ้าฉันบอกแล้วจะยอมทำว่างั้น?” “แล้วมีนปฏิเสธพี่ได้เหรอคะ” “ฉันชอบนะเวลาที่เธอเขาใจอะไรง่ายๆ แบบนี้” “จะเอาอะไรก็บอกมาสิคะ” “ริมฝีปาก” ฉันขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ เขานี่กวนประสาทเก่งกว่าที่คิดไว้อีกนะ “ช่วยตอบให้ตรงคำถามหน่อยได้มั้ยคะ” “ริมฝีปาก” “นี่…!” “เอาริมฝีปากของเธอ” พี่องศาหันหน้ามาสบตาฉันช้าๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะลงเบาๆ บนริมฝีปากของตัวเอง “มาแตะตรงนี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม