บทที่ 1.1 - แรงปรารถนา (ต้องตาต้องใจ)
เรือนร่างแสนเย้ายวนโยกกายส่ายสะโพกอยู่บนเวที แสงไฟหลากสีสาดกระทบผิวเนื้อบังเกิดความสว่างไสวดุจเทพธิดาผู้อ่อนหวาน คล้ายร่างบางกำลังร่ายเวทย์มนต์หลอกล่อเหล่าเทพบุตรให้หลงใหลไปกับเสน่ห์อันเหลือร้าย ดวงตาคมกริบจดจ้องความงามเบื้องหน้าไม่วาง เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักที่พุ่งชนหัวใจเข้าอย่างจัง
รัก… งั้นหรือ?
ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะรู้จักคำๆ นี้
แดเนียล นักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศกวักมือเรียกเจ้าของไนต์คลับที่อดีตเคยเป็นลูกน้องของเขา แต่ปัจจุบันเป็นเจ้าของไนต์คลับสุดหรู สถานเริงรมย์มีชื่อติดท็อปไฟว์ของบรรดาไฮโซ
“ครับท่าน”
นิพนธ์ แสดงความเคารพแม้ไม่ได้อยู่ในสถานะลูกน้องของเขาแล้วก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแดเนียลคือผู้มีบุญคุณที่ทำให้เขามีวันนี้ ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน นิพนธ์เป็นเพียงชายจรจัดที่ถูกภรรยาทอดทิ้งและหอบเอาสมบัติทั้งหมดหนีไปอยู่กินกับชู้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยเรียน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของนิพนธ์ในวัยสามสิบกว่าต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ขอทานเขากินไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้าประทานให้ได้พบกับแดเนียล หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย - อังกฤษ กำลังถูกคู่อริตามไล่ล่า ความที่จิตใต้สำนึกเป็นคนดี นิพนธ์จึงช่วยแดเนียลต่อสู้กับเหล่าศัตรูจนพวกมันพ่ายแพ้สะบักสะบอม แดเนียลเห็นว่านิพนธ์ฝีมือการต่อสู้เข้าท่าจึงชวนมาทำงานด้วยกัน ให้ที่กินที่อยู่อย่างสุขสบาย เรียกได้ว่าราวกับตายแล้วเกิดใหม่
นับจากวันนั้นนิพนธ์จึงยกย่องว่าชายหนุ่มลูกครึ่งผู้นี้คือผู้มีบุญคุณต่อชีวิตของเขา
“คนที่เต้นอยู่บนเวทีนั่นใคร” สายตาเร่าร้อนยังคงมองแม่สมันน้อยตลอดเวลา นิพนธ์มีสีหน้าลำบากใจที่จะตอบ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถามมาเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เธอชื่อโรสครับ เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้สามเดือนกว่า เห็นว่าต้องการเงินไปรักษาพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็ง”
“อายุเท่าไหร่” เสียงเข้มถามต่อ
“ยี่สิบครับท่าน”
หัวคิ้วขมวดชนหลังได้รู้อายุอานามของร่างบาง
“ยี่สิบหรือ อืม ไม่เด็กเท่าไร แต่ก็เด็กกว่าฉัน”
แดเนียลอมยิ้มนิดๆ รู้สึกกระชุ่มกระชวยไม่เบาเมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตนปรารถนามีวัยวุฒิอันอ่อนเยาว์
รอบหนึ่งเลยก็ว่าได้!
“ใช่ครับ คราแรกผมรับเธอไว้เป็นเด็กเสิร์ฟ แต่วันต่อมามีเรีย ดาวเด่นของที่นี่เกิดป่วยกะทันหัน แล้วแขกก็อาละวาดไม่ยอมท่าเดียว ผมเห็นโรสดูสวยและรูปร่างใกล้เคียงกับมีเรีย จึงยอมให้เธอขึ้นเต้น” นิพนธ์อธิบายยาวเหยียด
“แล้วแม่หนูนั่นก็ยอม?” แดเนียลถามอย่างใคร่รู้
“ตอนแรกก็ไม่ยอมหรอกครับ โรสเขาไม่ค่อยถนัดงานพวกนี้ แต่พอผมบอกว่าจะให้เงินพิเศษก็เลย…”
“ยอม” แดเนียลต่อให้ ริมฝีปากหยักลึกแสยะยิ้ม “นายช่วยไปพาเธอมาหาฉันที ฉันอยากได้”
แดเนียลพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“ท่านครับ ผมยังมีสาวสวยอีกมากให้ท่านเลือกสรร ผมว่าเด็กคนนี้คงไม่เหมาะกับท่าน”
ทักท้วงเสร็จก็รีบหลบสายตาดุดันที่จ้องมอง นิพนธ์รู้จักนิสัยแดเนียลดี เขาไม่เคยถูกใครขัดใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยถูกปฏิเสธความต้องการเลยสักครั้ง
“ทำไม ฉันน่ารังเกียจสำหรับแม่หนูนั่นหรือ” คนถามเริ่มหงุดหงิด มองตาขวางใส่อดีตลูกน้อง
“เปล่าครับท่าน ผมเพียงแต่…”
“หุบปาก!” แดเนียลกดเสียงต่ำ เป็นปฏิกิริยาที่บ่งบอกให้รู้ว่าอย่าริอาจขัดใจเขา
“ไปพาตัวหล่อนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวเป่าปากโล่งอกหลังท่วงทำนองแสนไพเราะบรรเลงจบลง นั่นเท่ากับว่างานพิเศษของเธอในค่ำคืนนี้ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
“โรสจะกลับเลยไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เหมราช ผู้ช่วยพ่อครัวรีบถามเพราะเขานั้นมีใจให้ โรสริน หรือ โรส เจ้าของเครื่องหน้างดงาม
“กลับเลยค่ะ แต่ว่าพี่เหมไม่ต้องไปส่งโรสหรอกนะคะ โรสกลับเองดีกว่า” โรสรินรู้ดีว่าเหมราชคิดเช่นไรกับตน สาวน้อยมีระยะห่างให้เขาเสมอ เหมราชได้แต่ถอนหายใจพลางยิ้มบางเบา
“ถ้างั้นก็กลับดีๆ นะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย พี่เป็นห่วง”
เมื่อไม่ได้ไปส่งก็ขอทำหน้าที่ห่วงใยแทนแล้วกัน
เมื่อไรหนอเขาจะสามารถก้าวข้ามคำว่า ‘พี่ชายที่แสนดี’ เหมราชไม่อยากเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย หรือเป็นแค่คนรู้จักพูดคุยทักทายไปวันๆ เขาต้องการเป็นมากกว่านั้น เขาอยากมีสิทธิ์เข้าไปนั่งอยู่ในใจของเธอ หรือผู้ชายจนๆ อย่างเขาจะไม่มีวันได้สัมผัสกับความรู้สึกเหล่านั้น
โรสรินไม่ใช่ผู้หญิงนิยมเงินตราก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าอันสวยสดช่างเป็นอะไรที่น่าจับจ้อง บรรดาชายหนุ่มมีฐานะต่างเทียวไล้เทียวขื่อทุกวัน โชคดีที่โรสรินได้รับความเอ็นดูจากนิพนธ์ ยามร่างบางถูกลวนลามหรือถูกชักจูงในทางเสื่อมเสีย เจ้าของไนต์คลับคนนี้ก็จะรีบออกโรงปกป้องทุกครั้งไป
แต่วันนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อนิพนธ์ต้องทำตามคำสั่ง เขาต้องพาแม่นางยั่วตัวน้อยไปพบเจ้านายเก่า ผู้ซึ่งมีอิทธิพลล้นเหลือแห่งยุค
“โรส จะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะบอส” โรสรินตอบยิ้มๆ สีหน้าไร้เดียงสาของเจ้าหล่อนยิ่งทำให้นิพนธ์รู้สึกผิด แต่เพื่อความอยู่รอดของเขาและครอบครัวเขาจำเป็นต้องทำ
“อย่าเพิ่งกลับสิ พอดีมีคนอยากคุยด้วยน่ะ”
นิพนธ์พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
“บอสก็ทราบว่าโรสไม่นั่งคุยกับแขก”
ร่างบางอึกอัก นิพนธ์โบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่
“รู้น่า คนนี้ไม่เหมือนที่แล้วๆ มา เขาแค่เอ็นดู อยากจะคุยด้วยเฉยๆ” หนุ่มใหญ่โป้ปดคำโต ใบหน้าหวานเริ่มคลายกังวล ถ้าหากว่านิพนธ์รับรองเช่นนี้เธอก็สบายใจ
“ไปๆ อย่าให้เขารอนาน ดีไม่ดีคืนนี้เราอาจจะได้ทิปเป็นหมื่นเลยนะ” นิพนธ์หยิบยกเรื่องเงินมาพูด โรสรินพอได้ยินคำว่าทิปหูตาก็แพรวพราว สำหรับคนจนๆ ที่มีภาระแบกไว้อยู่บนบ่าเยี่ยงเธอ เงินทุกบาททุกสตางค์มีค่าเสมอ
“ไปค่ะ” โรสรินยิ้มกว้าง รีบเดินตามหลังนิพนธ์ไปอย่างไร้เดียงสา หารู้ไม่ว่าหลังจากคืนนี้เป็นต้นไป
ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล