ตอนที่ 1 ทะลุมิติ
-เรือนซินหยาง จวนอ๋องฉิน-
"พระชายาเพคะ พระชายา"
เสียงเรียกจากสตรีนางหนึ่งลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟังใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเปลือกตาบางค่อยๆ แย้มกระพริบขึ้น
นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างเพรียวบางพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยมีสาวใช้คนสนิทประคองตัวช่วยอีกแรง
ลู่เหยียนซินหันมองไปรอบๆ ห้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้น ดวงตาเล็กเรียวทอดมองมายังหญิงสาวตรงหน้าใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังมีหยาดน้ำตานองเต็มดวงตาอยู่นั้นกำลังนั่งมองนางด้วยความดีใจอย่างที่สุด
"เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพระชายางั้นหรือ"
"เพคะพระชายา ท่านคงไม่ใช่ว่าได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้หรอกนะเพคะ"
สาวใช้คนสนิทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มานานนับหลายวันและมีทีท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งหลังได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นนายสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อครู่
ลู่เหยียนซินพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมานั้นในช่วงเวลาหนึ่งที่คล้ายกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันลู่เหยียนซินเห็นตนเองอยู่ในห้องผ่าตัด นางกำลังผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงและส่งผลต่อเด็กในครรภ์โดยตรง การผ่าตัดใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆทุกวินาทีนั้นมีค่าหากพลาดแม้แต่นิดเดียวเท่ากับพรากชีวิตผู้เป็นแม่และเด็กน้อยไปตลอดกาล
ในที่สุดผลของความพยายามและแรงกดดันที่มีก็สิ้นสุดลงการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี นางกลับไปยังห้องพักแพทย์ด้วยความเหนื่อยล้าแล้วโน้มตัวลงพักได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วและมาอยู่ในร่างของลู่เหยียนซินคนที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับนางอีก
ขณะที่นางนั่งคิดเงียบๆ เพียงลำพังความทรงจำบางอย่างในที่ที่ไม่ได้เป็นของนางก็ค่อยๆ ไหลทะลักเข้ามาอย่างช้าๆ
ลู่เหยียนซินเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากฮูหยินเอกของอัครมหาเสนาบดีลู่ขุนนางฝ่ายบุ๊นของราชสำนัก นางมีจิตพิศมัยรักใคร่อ๋องฉินตั้งแต่ยังเยาว์วัยเหตุเพราะเขาเคยช่วยนางออกจากป่าทึบทำให้นางประทับใจและหลงรักเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเติบโตขึ้นจนถึงวัยปิ่นปักก็ได้บังคับให้บิดาขอพระราชทานสมรสให้นางแต่งเป็นพระชายาเอกของอ๋องฉิน เยว่เหวินหมิง
ลู่เหยียนซินแต่งงานเข้ามาในจวนแห่งนี้จนเวลาล่วงเลยมาครึ่งปีแล้วแต่อ๋องฉินกลับไม่เคยแตะต้องตัวนางเลยสักครั้ง เหตุเพราะบุรุษผู้นี้มีใจรักใคร่ต่อหยางซูฉินบุตรสาวคนเล็กของตระกูลแม่ทัพหยางและความตั้งใจเดิมของเขาคือแต่งหยางซูฉินมาเป็นชายาเอกแต่กลับได้ลู่เหยียนซินมาแทน
ตั้งแต่นางแต่งเข้ามาในจวนอ๋องก็เอาแต่ทะเลาะตบตีบ่าวไพร่ไม่เว้นวันเป็นเหตุให้อ๋องฉินเกลียดชังนางมากขึ้นกว่าเดิม แต่ลู่เหยียนซินกลับคิดว่าเป็นเพราะหยางซูฉินยังมีชีวิตอยู่อ๋องฉินจึงไม่รักนาง ถึงกลับกล้าวางแผนส่งคนไปลอบทำร้ายหยางซูฉินระหว่างที่นางเดินทางมาที่จวนอ๋องแห่งนี้
หยางซูฉินได้รับความช่วยเหลือจากอ๋องฉินไว้ได้ทันเวลาและเมื่อเขาส่งคนไปสืบสาวราวเรื่องแล้วพบว่าเป็นลู่เหยียนซินที่เป็นคนบงการจึงสั่งโบยนางไปห้าสิบไม้ และกักขังนางเอาไว้ในเรือนซินหยางทั้งยังสั่งไม่ให้นางย่างกรายออกมาจากตัวเรือนนั้นอีกจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเขานั่นเอง
ขณะนั้นลู่เหยียนซินตระหนักแล้วว่าอ๋องฉินนั้นเกลียดชังนางมากเพียงใด นางยิ้มอย่างขมขื่นกับโชคชะตาที่นางเลือกพร้อมกับหลับตาลง 'ข้าจะตายแล้วสินะ...' นางปิดตาลงพร้อมกับความเสียใจอย่างสุดแสนจะบรรยายออกมา
ลู่เหยียนซินค่อยๆ หลับตาลง หูของนางได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือพลันสติของนางก็ค่อยๆ ดับวูบไปทีละนิด
‘อาจจะเพราะเหตุการณ์นี้หรือไม่ที่ทำให้นางได้เข้ามาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างเดิมผู้นี้’
‘เฮ้อ...ข้ามมิติมาทั้งทีเหตุใดไม่ให้เข้าไปอยู่ในร่างของคนธรรมดากันเล่า ทำไมต้องมาอยู่ในร่างของสตรีผู้ที่สร้างปัญหาใหญ่โตเอาไว้ให้นางตามแก้ไขกัน!'
ลู่เหยียนซินนอนพักอยู่บนเตียงงามหลังใหญ่ไม่นานนักก็ได้ยินว่าหยางซูฉินมาขอเข้าพบ ครั้นจะปฎิเสธไปก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการแล้วเพราะสตรีผู้นั้นได้เดินเข้ามาถึงในห้องนอนของนางด้วยท่วงท่าสง่างามพร้อมกับสาวใช้ประจำตัวที่ถือถาดน้ำชามาด้วย
"พระชายาหม่อมฉันมาเยี่ยมเพคะ"
"เยี่ยมข้างั้นหรือ? ไม่จำเป็นหรอก"
"พูดอะไรเช่นนั้นอีกไม่นานท่านอ๋องก็จะไปสู่ขอข้าเป็นชายารองแล้ว ข้าจึงต้องมาทำความคุ้นเคยกับท่านเอาไว้" นางพูดพลางยิ้มเยาะให้ลู่เหยียนซิน ใบหน้าของหยางซูฉินนั้นหวานละมุนมากเครื่องหน้าของนางงดงามสมส่วนไปหมดหากไม่ใช่เพราะปากคอที่ดูจะเราะร้ายเช่นนั้นลู่เหยียนซินเองก็คงอดที่จะชื่นชมออกมาไม่ได้
"อีกอย่างเรื่องที่ท่านส่งคนไปลอบทำร้ายข้าๆ จะถือเสียว่าเรื่องนี้เป็นความดีความชอบของท่าน ข้าจะยกโทษให้ท่านก็แล้วกันนะเพคะ"
"อะไรนะ"
"ฟังไม่เข้าใจงั้นหรือ? ข้าต้องมาเจ็บตัวเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุท่านอ๋องถึงได้ดูแลข้าไม่ห่างอีกทั้งยังให้ข้าพักที่จวนแห่งนี้ได้ข้านั้นดีใจที่สุดเลยละ"
"เจ้ารู้หรือไม่ข้านั้นนึกอุตส่าห์หาทางเข้าใกล้ท่านอ๋องทุกวิถีทางแต่จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าที่เปิดทางทำให้ข้าได้ใกล้ชิดกับท่านอ๋องเสียเอง ไม่ให้ข้าขอบคุณเจ้าก็คงจะแล้งน้ำใจเกินไป" นางเหยียดยิ้มปนเย้ยหยันมาให้ลู่เหยียนซิน
หยางซูฉินคิดว่าลู่เหยียนซินคงจะระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นแน่แต่นางคิดผิด! ลู่เหยียนซินเพียงแค่ปรายตามองนางด้วยแววตานิ่งเฉยพร้อมกับเอ่ยปากออกมาว่า
"เป็นเช่นนั้นเองหรือ หากว่าเจ้าได้ตามที่ปรารถนาแล้วก็ออกไปจากเรือนของข้าได้แล้วข้าต้องการพักผ่อน"
"เฮอะ! ลู่เหยียนซินข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบหย่ากับท่านอ๋องโดยเร็วจะดีกว่า เจ้าไม่เห็นแววตาของท่านอ๋องที่เกลียดชังเจ้ามากหรืออย่างไรกัน"
"หากอยากให้ข้าหย่าเจ้าก็ไปรบเร้าท่านอ๋องเองสิอย่ามารบกวนข้า ออกไปได้แล้ว!" ลู่เหยียนซินออกปากไล่เพราะนึกรำคานนางเต็มทน
"นี่เจ้า! เจ้าคิดว่าตนเองมีดีพอที่จะเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องเช่นนั้นหรือ หากไม่ใช่เพราะบิดาของเจ้าใช้อำนาจของตนเองขอพระราชทานสมรสกับฮ่องเต้แล้วล่ะก็มีหรือเจ้าจะได้อยู่ตำแหน่งนี้ง่ายๆ กัน!"
"แล้วเจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เช่นนั้นหรือ"
"ข้าเป็นคนรักของท่านอ๋องอีกทั้งยังเป็นบุตรสาวของแม่ทัพหยางและหลานสาวของพระสนมหยางกุ้ยเฟยสถานะของข้าไม่เหมาะสมตรงไหนกัน อย่างไรแล้วสักวันท่านอ๋องต้องยกให้ข้าเป็นชายาเอกแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว"
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปบอกท่านอ๋องเสียเองสิ"
"ข้าไม่จำเป็นต้องรบเร้าท่านอ๋องหรอกเจ้าคอยดูเถอะว่าข้าจะใช้วิธีไหนที่ทำให้ท่านอ๋องเขี่ยเจ้าออกจากตำแหน่งชายาเอกอย่างเร็วที่สุด"
หยางซูฉินหยิบถ้วยชาในมือสาวใช้ของนางแล้วยกขึ้นพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ลู่เหยียนซินมองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งนางเริ่มรำคานหยางซูฉินผู้นี้ขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว
เพล้ง !